logo-heading

นักเตะเกมรุกหรือจอมทัพ ที่คำหรูๆเท่ห์ๆเราเรียกมันว่าเพลย์เมกเกอร์หมายเลข 10 นี่คือตำแหน่งที่ผู้คนมากมายใฝ่ฝันดูเท่ห์ น่าเกรงขาม ออกบอลให้ศูนย์หน้า เช่นดังระดับโลกมากมายต่างก็แจ้งเกิดกันในบทบาทนี้ ทั้ง ดิเอโก้ มาราโดน่า,  ซีเนอดีน ซีดาน, เอ็นโซ่ ฟรานเชสโก้ลี, มิเชล พลาตินี่, ไมเคิล เลาดรู๊ป, จอร์จี้ ฮาจี้, รุย คอสต้า, อเล็กซานโดร เดล ปิเอร่, ฟรานเชสโต้ ต็อตติ, โรนัลดินโญ่, ริคาร์โด้ กาก้า, เวสลี่ย์ สไนเดอร์, ฆวน โรมัน ริเกลเม ชื่อที่ว่ามานี้ขึ้นหึ้งระดับโลกทั้งนั้น แต่หลังจากสิ้นสุดยุคทองในปี 2010

ฟุตบอลสมัยใหม่บทบาทจอมทัพเบอร์ 10 หายไป มันถูกทดแทนในแท็คติกระบบตัวหลอก False 9 ศูนย์หน้าตัวหลอก และมิดฟิลด์ตัวริมเส้นที่ถูกปรับบทบาทมีส่วนสำคัญในเกมรุกมากขึ้น ทำให้แทบไม่หลงเหลือแข้งเพลย์เมกเกอร์หลงเหลืออยู่เลย ฟุตบอลไทยได้รับผลกระทบจากบอลต่างประเทศเช่นกันในเรื่องของระบบการเล่นที่บอลสมัยใหญ่ไม่มีผู้เล่นในตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์จอมทัพเบอร์ 10 อยู่หลังกองหน้าจ่ายบอลสวยๆให้เพื่อนทำประตู ผิดกับยุคสมัยก่อนที่หลายๆสโมสรมีแข้งบทบาทนี้อยู่เหลือเฟื่อ ขอบสนามจึงขอนำเสนอเพลย์เมกเกอร์ชั้นดีรุ่นสุดท้ายของวงการฟุตบอลไทย มีใครกันบ้างอยากเชื้อเชิญให้ทุกท่านมาอ่านกันเพื่อระลึกความหลังกันครับ 1.ณรงค์ชัย วชิรบาล ตามหาเบอร์ 10 ไทยลีกตำแหน่งที่หายไปของบอลไทยยุคนี้ ไม่มีใครไม่รู้จักแข้งพรสวรรค์สูงจากนครปฐม เขาโด่งดังจากฟุตบอลนักเรียนให้กรุงเทพคริสเตียนกวาดความสำเร็จมาอย่างมากมายนับไม่ถ้วน จนได้โอกาสติดทีมชาติไทยแทบทุกชุด เขาคือมิดฟิลด์จอมทัพหมายเลข 10 ที่สมบูรณ์แบบ  จ่ายบอลดี เทคนิคสุดยอด ยิงบอลดี ฟรีคิกเยี่ยม มีครบเครื่อง ขาดแค่เกมรับเล่นไม่เป็น  ไม่มีประโยชน์กับเพื่อที่จะช่วยชะลอเกมคู่แข่งเวลาเป็นฝ่ายตั้งรับ ตัดเกมไม่เป็น โฉ่งฉ่าง โดนใบเหลืองแดงบ่อยๆ จากบอลนักเรียนได้ลงเล่นกับบีอีซี เทโรศาสน จนได้ไปเล่นอาชีพที่เวียดนามเกือบ2 ปีได้ค่าตอบแทนที่สูง ก่อนจะคัมแบ็คกลับเมืองไทยเล่นให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคพร้อมกับบรรจุงานประจำ หลังช่วยทีมได้แชมป์ไทยลีกปี 2008 พ่วงด้วยตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยม น่าเสียดายที่ไลฟ์สไตล์ไม่กระตือรือร้นทำให้เขาโดนตัดออกจากทีมชาติในช่วงบั้นปลายชีวิตการค้าแข้ง 2.ดัสกร ทองเหลา ตามหาเบอร์ 10 ไทยลีกตำแหน่งที่หายไปของบอลไทยยุคนี้ ก่อนที่ผู้คนมากมายจะเล่นเขาว่า ดัสกร จอมม้วน แข้งขี้เก็จ ทำท่าเป็นคนดังเพราะใส่เบอร์ 7 อันที่จริงแล้ว เขาคือนักเตะจอมทัพเบอร์ 10 ที่สมบูรณ์แบบไม่แพ้ณรงค์ชัย วชิรบาล เขาถูกพยงค์ ขุนเณร จับมาเล่นที่สโมสรราชประชา ตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 16 ปี ก่อนจะได้รับโอกาสเข้าสู่สโมสรบีอีซี เทโรศาสน เขาได้ฝึกซ้อมร่วมกับแข้งดังๆมากมาย เวลาติดทีมชาติทั้งชุดใหญ่และเยาวชน โก้ จะถูกวางตัวไว้เป็นจอมทัพ เอาไว้ออกบอลให้เพื่อนร่วมทีม เพราะประสิทธิภาพจากเท้าทั้ง 2 ข้างเวลาผ่านค่อนข้างแม่นยำ มีลูกตั้งเตะที่ไว้ใจได้ ดัสกร อยู่กับเทโรตั้งแต่เป็นดาวรุ่งจนเป็นตัวหลักเขาเล่นกับสโมสรจนอิ่มตัว และไปโกยเงินที่เวียดนามกับฮองอันยาลาย ตามคำชวนของดุสิต เฉลิมแสน ก่อนจะกลับมาเล่นให้เมืองทอง ยูไนเต็ด 3.พิชิตพงษ์ เฉยฉิว ตามหาเบอร์ 10 ไทยลีกตำแหน่งที่หายไปของบอลไทยยุคนี้ หลายคนอาจคิดว่าเขาคือมิดฟิลด์หมายเลข 6 หรือ 8 ตัวรับที่ทำหน้าที่ตัดเกม ค่อยดีเลย์บอลคู่แข่ง แบบที่เขาเล่นกับทีมชาติไทยและเมืองทอง แต่ในความเป็นจริงแล้ว “แป๊ะ” คือจอมทัพเบอร์ 10 ของธนาคารกรุงไทยที่ช่วยสโมสรได้แชมป์ไทยลีก 2 สมัย ปี 2002-03, 2003-04 เขาเป็นนักบอลที่ครอบครองบอลดี คิดเร็วทำเร็วเวลาสร้างสรรค์เกมรุก แทบเท้าหนักชอบหาจังหวะส่องไกลเป็นประจำ และด้วยคุณภาพทำให้เขาติดทีมชาติไทยตั้งแต่อายุน้อยๆ แต่ด้วยบทบาทที่ไปรับกับดัสกร ทำให้”โค้ชหรั่ง” ชาญวิทย์ ผลชีวิน จับเขาไปเล่นมิดฟิลด์ตัวกลาง เพราะเสียดายคุณภาพของเขา 4.วรวุฒิ วังสวัสดิ์ ตามหาเบอร์ 10 ไทยลีกตำแหน่งที่หายไปของบอลไทยยุคนี้ ดาวเตะลุคแบดบอยใจนักเลง ไลฟ์สไตล์รักอิสระจากสมุทรปราการ ที่มาประสบความสำเร็จกับการเป็นนักบอลเทพศิรินทร์ จนได้เล่นไทยลีกกับโอสถสภา ฝีเท้าที่กำลังสดและห้าวทำให้ “วอ” เป็นสายเลือดใหม่ทีมชาติไทย ในยุคของปีเตอร์ วิธ ในการเตรียมทีมเอเชียน เกมส์ 2002 และคิงส์ คัพ 2002 วรวุฒิ ฝีเท้าไม่ได้เป็นรอง ดัสกร, ณรงค์ชัย,  พิชิตพงษ์ เพราะเขาคือนักเตะที่มีทักษะเหลือล้น ยิงฟรีคิกดีผ่านบอลแม่นยำ เคลื่อนที่ได้ว่องไวยามมีลูกบอลครอบครอง น่าเสียดายที่ตำแหน่งในทีมชาติทับซ้อนมากเกินไปทำให้ไม่ค่อยมีโอกาสมากนัก 5.กิตติพล ปาภูงา ตามหาเบอร์ 10 ไทยลีกตำแหน่งที่หายไปของบอลไทยยุคนี้ เพื่อนซี้ดัสกร ทองเหลาในทีมชาติ เด็กหนุ่มที่หอบความฝันมาจากร้อยเอ็ด จนได้มาเป็นนักบอลที่กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย และเขาศึกษาต่อที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เขาคือนักเตะจอมทัพ ที่ชอบใส่เสื้อหมายเลข 7 เหตุผลก็เพราะ เดี่ยว แบกอายุมาเล่นบอลระดับสูงกับรุ่นพี่ เพราะฝีเท้าเก่งเกินกว่าเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน ยิงฟรีคิกแม่น ออกบอลดี แต่ข้อเสียคือเรื่องของการที่เขาเป็นนักบอลไม่ได้มีความหลากหลาย หากเทียบกับดัสกร หรือณรงค์ชัย ประกอบกับเรื่องราวคดีตอนช่วงวัยรุ่นทำให้เขาโดนตัดออกจากทีมชาติ 6.คัมภีร์ ปิ่นฑะกุล ตามหาเบอร์ 10 ไทยลีกตำแหน่งที่หายไปของบอลไทยยุคนี้ นักบอลภูธรสุดคลาสสิกคนหนึ่งของวงการลูกหนังไทย เขาโด่งดังกับการเป็นนักบอลเดินสาย และขึ้นมาเล่นโปรลีกกับสุพรรณบุรี “พี่เสือ” เป็นบอลมันสมองเท้าหนัก ผ่านบอลดี มีวุฒิภาวะผู้นำที่เหลือล้น คุณภาพฝีเท้าเกินจะเล่นบอลโปรลีก ทำให้เขาถูกทาบทามให้มาร่วมทีมธนาคารกรุงเทพ แม้ว่าทีมจะไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องของโทรฟี่แชมป์ แต่เขาได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมไทยลีกครั้งที่  6 และโดนดังตัวมาอยู่กับธนาคารกรุงไทย ประสบความสำเร็จได้แชมป์ไทยลีก 1 สมัย ในปี 2004 ก่อนจะย้ายไปอยู่กับบีอีซี เทโรศาสน แต่ด้วยไลฟ์สไตล์ที่เป็นคนไม่ชอบแข่งขัน ทำให้เขาหลุดจากการช่วงชิงตำแหน่งทีมชาติอยู่เป็นประจำ 7.อิทธิพล พูลทรัพย์ ตามหาเบอร์ 10 ไทยลีกตำแหน่งที่หายไปของบอลไทยยุคนี้ ดาวเตะจากอุดรธานีผู้ที่เคารพให้คำสอนศาสนาคริสต์ และมาเล่าเรียนในโควต้าฟุตบอลที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ก่อนจะมาเล่นบอลให้ทีมคริสเตียนไทย และโดนโชเซ่ อัลเวส บอร์จีส ชักชวนให้มาเล่นกับพนักงานยาสูบและประสบความสำเร็จได้แชมป์ไทยลีกในปี 2004-05 ก่อนจะย้ายไปอยู่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและพัทยา ยูไนเต็ด ต็อบ เป็นนักบอลที่เป็นเบอร์ 10 โดยธรรมชาติ วางบอลดี จ่ายบอลมีลูกทีเด็ดทีขาด เขาติดทีมชาติไทยได้แชมป์ซีเกมส์ในปี 2003 ที่เวียดนามและมีโอกาสติดทีมชาติชุดไทเกอร์ คัพ 2004 น่าเสียดายที่ตัวเลือกที่เยอะเกินไป ทำให้เขาหลุดจากทีมของ”โค้ชหรั่ง” ชาญวิทย์ ผลชีวินไป 8.ศราวุฒิ จันทพันธ์ ตามหาเบอร์ 10 ไทยลีกตำแหน่งที่หายไปของบอลไทยยุคนี้ ดาวเตะจากมุกดาหารเพื่อนร่วมรุ่นของณัฐพงษ์ สมณะ ที่โรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา แต่เส้นทางชีวิตฟุตบอลแตกต่างกันสิ้นเชิงเลย ศราวุฒิ เป็นบอลมันสมอง ไม่เน้นพละกำลัง อาศัยการเล่นไม่มากจังหวะ มีลูกจ่ายที่แม่นยำหวังผลได้ จนมีชื่อติดทีมชาติไทยชุดเยาวชนรุ่นราวคราวเดียวกับิทธิพล พูลทรัพย์, วุฒิชัย ทาทอง, ชาคริต บัวทอง “ต่าย” แจ้งเกิดเร็วในระดับบอลนักเรียน จนถูกบีอีซี เทโรศาสน และธนาคารกรุงไทยยืมตัวไปใช้งานในช่วงระหว่างที่ชลบุรี เอฟซี ยังไม่ได้เล่นไทยลีก  เขาเก็บเกี่ยวประสบการณ์มากพอ ก่อนจะกลับมาช่วยทัพฉลามชล อันที่จริงเขาเป็นคนเบื่อง่าย ทำให้มีช่วงหนึ่งเขากลับบ้านไม่ได้เล่นฟุตบอล แต่จากการที่เห็นบอลไทยเฟื่องฟูในปี 2006 ระดับทีมชาติ ทำให้เขาขอกลับมาเล่นบอลอีกครั้งกับทีมฉลามชล โดยเป็นกำลังสำคัญพาสโมสรได้แชมป์ไทยลีก 2007 อันที่จริงเขาถูกวางไว้เป็นตัวหลักทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ แต่จากการเข้าไปรายงานตัวล่าช้าทำให้โดนตัดตัว แม้จะกลับมาเล่นให้ชลบุรี ทำผลงานได้ดี แต่ดูเหมือนว่าเส้นงานในนามทีมชาติของเขาจบลงแล้ว

เอ็มเร่

[email protected]

ขอบคุณภาพประกอบ แฟนเพจ ฟุตบอลไทยในอดีต By Tommy Bar, มนต์ชัย พรหมพิราม, นิตยสารฟุตบอลสยาม, หนังสือพิมพ์สยามกีฬา, นิตยสารนักเลงฟุตบอล
logoline