logo-heading
แฟน ลิเวอร์พูล ถึงกับช็อกหลังทราบข่าวว่า เซอร์ เคนนี่ ดัลกลิช หรือ ที่แฟน หงส์แดง เรียกกันติดปากว่า คิงเคนนี่ ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อ โควิด-19 ด้วยอายุที่มากของเขาทำให้ แฟน ลิเวอร์พูล เป็นกังวลไม่น้อย บรรดาเหล่าแข้ง ลิเวอร์พูล ทั้งทีมชุดปัจจุบัน และตำนานของสโมสร ต่างออกมาโพสต์ให้กำลังใจ เคนนี่ ดัลกลิช อย่างท่วมท้น ซึ่งอาการของเขายังทรงตัว และอยู่ในระหว่างเข้ารับการรักษาตามอาการกับแพทย์เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้หากเป็นแฟน ลิเวอร์พูล คงไม่มีใครไม่รู้จักยอดตำนานนักเตะหมายเลข 7 และอดีตกุนซือของทีมรายนี้ ซึ่งหากไม่นับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด แล้ว เซอร์ เคนนี่ ดัลกลิช ถือเป็นยอดกัปตัน ยอดนักเตะ และยอดกุนซือขึ้นหิ้งอีกคนที่แฟนบอล หงส์แดง รุ่นใหญ่ยกให้เป็นที่สุดอันดับ 1 ตลอดกาล แต่สำหรับคอบอลทั่วไปอาจจะเกิดไม่ทัน และไม่รู้จักความยิ่งใหญ่ของ เคนนี่ ดัลกลิช วันนี้ขอบสนามจะพาทุกท่านไปย้อนรอยความทรงจำอันน่าสนใจของตำนานที่ยังมีชีวิตคนนี้กัน ความยิ่งใหญ่ของ เซอร์ เคนนี่ กับ ลิเวอร์พูล เซ็นสัญญากับ ลิเวอร์พูล เคนนี่ ดัลกลิช เริ่มต้นค้าแข้งด้วยการเป็นเด็กปั้นของ เซลติก ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ตอนอายุ 18 ปี เล่นกับ “ม้าลายเขียว-ขาว” ใน สกอตแลนด์ และค้าแข้งกับทีมจนอายุ 26 ปี ทำผลงานลงสนาม 320 นัด ยิงได้ 167 ประตู ผลงานที่ยอดเยี่ยมของเขาไปเข้าตา ลิเวอร์พูล อย่างจัง ซึ่งผู้จัดการทีมในตอนนั้นอย่าง บ็อบ เพรสลีย์ ดึงเขามาด้วยค่าตัวสูงสุดเป็นสถิติของเกาะอังกฤษที่ 440,000 ปอนด์ ในปี 1977 ในฐานะตัวแทนของ เควิน คีแกน ที่ย้ายไปเล่นให้กับ ฮัมบูร์ก และ เคนนี่ เองก็ใจกล้าเลือกรับช่วงต่อเบอร์เสื้อหมายเลข 7 ของ คีแกน ที่เป็นขวัญใจของเหล่า “เดอะ ค็อป” ในตอนนั้น แต่การรับเสื้อหมายเลข 7 ต่อจากตำนานนั่นไม่ได้สร้างความกดดันให้เขา เขาทำประตูได้ตั้งแต่เกมแรกในลีกที่พบกับ มิดเดิ้ลสโบรช์ เพียงฤดูกาลในถิ่นแอนฟิลด์ ดัลกลิชสามารถปรับตัวเข้ากับทีมได้อย่างรวดเร็ว และกลายเป็นกำลังสำคัญที่ลิเวอร์พูลจะขาดไม่ได้เลย ทำให้ทีมกวาดแชมป์มาประดับตู้โชว์ของสโมสรได้อย่างมากมาย ความยิ่งใหญ่ของ เซอร์ เคนนี่ กับ ลิเวอร์พูล แชมป์ ยุโรปสมัยแรกกับ ลิเวอร์พูล ปี 1978 เคนนี่ ดัลกลิช กลายเป็นที่รักของแฟนบอลที่ แอนฟิลด์ ได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่ย้ายมา เขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ลงสนามไปถึง 62 นัด ยิงได้ 31 ลูกในทุกรายการ และในบรรดาจำนวนประตูเหล่านั้น คือประตูในนัดชิงชนะเลิศศึก ยูโรเปี้ยน คัพ ลูกชิพข้ามหัวผู้รักษาประตู บีร์เกอร์ เยนเซ่น ช่วยให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ คลับ บรูช จาก เบลเยี่ยม ที่สนาม เวมบลีย์ ไปด้วยสกอร์ 1-0 สร้างประวัตศาสตร์ให้ตัวเอง ด้วยการคว้าแชมป์ยุโรปสมัยแรก และส่งสโมสรคว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 2 ได้สำเร็จ พาทีมคว้าแชมป์ลีกครั้งแรกในฐานะผู้จัดการทีม ปี 1986 ช่วงนั้น ลิเวอร์พูล กำลังเจอวิกฤต จากโศกนาฏกรรมที่ เฮย์เซล ระหว่างเกมพบ ยูเวนตุส ในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลยุโรป กลายเป็นวันที่มืดมนที่สุด ในประวัติศาสตร์ของการแข่งขันฟุตบอล แฟนบอล 39 ราย ต้องสังเวยชีวิตหลังจากเกิดเหตุกำแพงถล่มลงมา ณ สนาม เฮย์เซล ในบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม ท้ายที่สุด ยูเวนตุส ก็คว้าแชมป์ ยูโรเปี้ยนคัพ ไปครองด้วยการเอาชนะ ลิเวอร์พูล ไปได้ในเกม 1-0 จากจุดโทษของ มิเชล พลาตินี่ แต่ไม่มีใครอยากจดจำ หลังเหตุการณ์ที่สนาม เฮย์เซล ทีมจากอังกฤษ ถูกแบนในเวทีระดับยุโรปถึง 5 ปี กุนซือของทีม โจ ฟาแกน ตัดสินใจลาออก และยังไม่สามารถหาใครเข้ามารับช่วงต่อของทีมได้ แฟน ลิเวอร์พูล ทั่วโลกต่างเสนอชื่อ เคนนี่ ดัลกลิช ขึ้นมาเป็นผู้เล่นควบตำแหน่งผู้จัดการทีม ทว่าเป็นเหมือนฟ้าหลังฝน เขาไม่เพียงเป็นผู้เล่นที่มีฝีเท้ายอดเยี่ยม แต่เขายังเป็นกุนซือที่มีฝีมือระดับไร้เทียมทานเช่นกัน ลิเวอร์พูล สามารถเบียด เอฟเวอร์ตัน ทีมร่วมเมือง คว้าแชมป์ลีกด้วยระยะห่างแค่ 2 แต้ม และเอาชนะ เอฟเวอร์ตัน ซ้ำได้อีกในนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ คว้าดับเบิ้ลแชมป์ในซีซั่นแรกที่เป็นกุนซือ ทั้งนี้เขาส่งตัวเองลงสนามไปทั้งสิ้น 29 นัด ยิงได้ 5 ประตูในทุกรายการ ความยิ่งใหญ่ของ เซอร์ เคนนี่ กับ ลิเวอร์พูล ชอกช้ำซ้ำซ้อนกับโศกนาฏกรรม ฮิลส์โบโร่ โศกนาฏกรรม ฮิลส์โบโร่ ในปี 1989 ได้รับการจารึกบนว่าเป็นโศกนาฏกรรมที่ร้ายแรงที่สุดอีกครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ลูกหนัง เกิดขึ้นระหว่างการแข่งขันรอบรองชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ระหว่าง ลิเวอร์พูล และ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ เกมผ่านไปไม่นานก็เกิดความชุลมุนวุ่นวายที่อัฒจันทร์ด้านฝั่ง แฟน ลิเวอร์พูล ซึ่งมีแฟนบอลทะลักเข้ามาชมทีมรักเป็นจำนวนมาก อัดกันเข้าไปด้านฝั่งประตู เลปปิงส์ ของสนามฮิลส์โบโร่ จนเกินความจุ ทำให้ท้ายที่สุดหลายชีวิตต้องสูญเสียเนื่องจากขาดอากาศหายใจ ซึ่งผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนั้นมีจำนวนทั้งสิ้น 96 ราย เกมการแข่งขันถูกยุติลง ในช่วงเวลานั้น แฟนบอล ลิเวอร์พูล กลายเป็นผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นฝ่ายผิดต่อโศกนฏกรรมครั้งนี้ แต่อย่างที่ทราบกันการต่อสู้คดีนี้ถูกตัดสินแล้วในปัจจุบันหลังจากเหตุการณ์ในปีนั้นถึง 28 ปี แฟนบอล ลิเวอร์พูล ไม่ผิดและได้รับความยุติธรรมเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้หากย้อนกลับไปตอนที่เกิดเหตุ คนที่เป็นกุนซือของทีม อย่าง เคนนี่ ต้องรับหน้าเสื่อกับเสียงก่นด่าจากทั่วสารทิศ ต่อสิ่งที่ถูกมองว่าเป็นความเลวร้ายที่สุดในวงการฟุตบอลสหราชอาณาจักร และแบกรับความสูญเสียถึง 96 ชีวิต เคนนี่ และภรรยา ต้องพยายามทำทุกอย่าง และเป็นตัวแทนสโมสรในการออกหน้าเพื่อสาธารณะ แม้กระทั่งการต้องไปร่วมงานศพผู้เสียชีวิตถึง 4 งานในวันเดียว เพื่อเป็นการขอโทษต่อครอบครัวของแฟนบอลที่จากไป ซึ่งสิ่งที่เขาพยายามทำนี้ นอกจากจะช่วยให้เหตุร้ายเบาบางลง ยังทำให้ทีมได้รับคำชื่นชมอีกด้วย ทว่าจุดสิ้นสุดก็มาถึงเมื่อ เคนนี่ ทนแรงกดดันไม่ไหว ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง หลังเกมเสมอ เอฟเวอร์ตัน 4-4 ในศึกเอฟเอ คัพ ทิ้งไว้แต่ประวัติศาสตร์กับ ลิเวอร์พูล ในฐานะผู้เล่นและผู้จัดการทีม ในฐานะผู้เล่น เขาคว้าแชมป์ลีกกับ ลิเวอร์พูล 6 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย, ลีกคัพ 4 สมัย, ยูโรเปี้ยน คัพ 3 สมัย, ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์คัพ 2 สมัย ส่วนในฐานะผู้จัดการทีม เคนนี่ พาทีมคว้าแชมป์ลีก 3 สมัย, เอฟเอ คัพ 2 สมัย และ ลีกคัพ 1 สมัย เคนนี่ ตัดสินใจประกาศลาออกจากตำแหน่ง ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 1991 เขาเป็นกุนซือคนสุดท้ายที่พา ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้นั่นเอง พา แบล็คเบิร์น คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก 1995 หลังจากลาออกจา ลิเวอร์พูล เขาพักงานไปไม่นาน เจ้าของทีม “กุหลาบไฟ” แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ก็ไปโน้มน้าวให้ เคนนี่ มาคุมทีม ในตอนนั้น แบล็คเบิร์น เหมือนเป็นทีมเศรษฐี ที่พุ่งทะยานมาจาก ดิวิชั่น 2 ขึ้นมาสู่ พรีเมียร์ลีก เขาคุมทีมมาจนกระทั่งฤดกาล 1994/95 พร้อมกับลูกทีมระดับท็อปอย่าง อลัน เชียร์เรอร์, เจสัน วิลค็อกซ์, คริส ซัตตัน, เอียน เพียร์ซ และ เฮนนิ่ง เบิร์ก เขาพาทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แม้เกมสุดท้ายจะดันไปแพ้ทีมเก่าอย่าง ลิเวอร์พูล แต่ยังดีที่คู่แข่งอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ทำได้แค่เสมอ เวสต์แฮม ทำให้ได้ฉลองกัน เป็นแชมป์ลีกสมัยที่ 4 ในฐานะกุนซือ ของ เคนนี่ และทำให้เขาเป็นผู้จัดการทีมคนที่ 4 ที่พา 2 ทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดผู้ดี ความยิ่งใหญ่ของ เซอร์ เคนนี่ กับ ลิเวอร์พูล รีเทิร์น ออฟ เดอะ คิง กลับมาสร้างตำนานกับ ลิเวอร์พูล เคนนี่ หันหลังให้กับวงการลูกหนังไปหลายปี จนกระทั่งเดือนกรกฎาคม 2009 เขาก็คืนสู่ถิ่นแอนฟิลด์อีกครั้ง เมื่อได้รับคำเชิญจาก ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือหงส์แดงในขณะนั้น ให้มาดูแลการสร้างนักเตะเยาวชนของลิเวอร์พูล นอกจากนั้นยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทูตของสโมสรด้วย ทว่าในช่วง มกราคม ปี 2011 ลิเวอร์พูล ตัดสินใจยุติการทำงานกับ รอย ฮอดจ์สัน กุนซือในขณะนั้น หลังจากทำผลงานตกต่ำช่วงที่ผ่านมา พร้อมตั้ง เคนนี่ ดัลกลิช คุมทีมแทนจนจบฤดูกาลตามคำเรียกร้องของแฟนบอล การกลับมาคุมทีมอีกครั้งในหนนี้เหมือนมาสานต่องานที่เขายังทำค้างคาไว้ หลังลาออกกลางคันก่อนหน้านี้ เคนนี่ เริ่มงานด้วยการดึงนักเตะอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ มาวาดลวดลายที่แอนฟิลด์ และไม่ทำให้ผิดหวัง จากผลงานร่อแร่ จนถึงขั้นต้องลุ้นหนีตกชั้น ลิเวอร์พูล สามารถจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 6 ของตารางคะแนน แน่นอนจากผลงานของ เคนนี่ สโมสรตัดสินใจให้เขาคุมทีมต่อ จากนั้นในฤดูกาล 2011/12 ที่เขาได้คุมทีมเต็ม ๆ เคนนี่ ดัลกลิช ก็นำ ลิเวอร์พูล เป็นแชมป์ ลีกคัพ ได้สำเร็จ ทำสถิติเป็นทีมที่คว้าแชมป์รายการนี้ได้มากที่สุด และกลายเป็นแชมป์ ลีกคัพ ครั้งล่าสุดที่ ลิเวอร์พูล คว้ามาครอง อย่างไรก็ตามผลงานในลีกไม่น่าประทับใจนัก เพราะ ลิเวอร์พูล จบเพียงอันดับ 8 ทำให้สุดท้ายในช่วงเดือนพฤษภาคม เขาและสโมสรตัดสินใจแยกทางในฐานะกุนซือ และผันตัวมาเป็นทูตของสโมสร เป็นตำนานขึ้นหิ้งมาจนถึงปัจจุบัน ความยิ่งใหญ่ของ เซอร์ เคนนี่ กับ ลิเวอร์พูล แอนฟิลด์ เปลี่ยนชื่ออัฒจันทร์แด่คิงเคนนี่ ลิเวอร์พูลออกแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์สโมสรประกาศเปลี่ยนชื่อ อัฒจันทร์ ฝั่ง เซ็นเทนารี่ สแตนด์ (Centenary Stand) มาเป็น เคนนี่ ดัลกลิช สแตนด์ เพื่อเป็นเกียรติแก่ตำนานนักเตะและผู้จัดการทีมชาวสกอตแลนด์รายนี้ ที่ได้อุทิศตนรับใช้สโมสรมาอย่างยาวนาน ทั้งนี้ จอห์น ดับเบิลยู เฮนรี่ เจ้าของสโมสรลิเวอร์พูล ซึ่งเป็นชาวอเมริกัน ต้องการยกย่อง เชิดชูเกียรติ เคนนี่ ดัลกลิช ในถิ่นแอนฟิลด์ ในวาระฉลองครบรอบ 125 ปีของสโมสร จอห์น ดับเบิลยู เฮนรี่ กล่าวว่า "มันเป็นข้อพิสูจน์ถึงประวัติศาสตร์ และสถานะของลิเวอร์พูลว่า เราไม่เคยขาดแคลนบุคลากรที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง ซึ่งชื่อของพวกเขาได้ถูกจารึกอยู่ที่แอนฟิลด์" ซึ่งชื่อของเขาถูกจารึกไว้บนอัฒจันทร์อย่างยิ่งใหญ่มาจนถึงปัจจุบัน ความยิ่งใหญ่ของ เซอร์ เคนนี่ กับ ลิเวอร์พูล ประดับยศอัศวินอย่างเป็นทางการ จากผลงานและคุณงามความดีที่สั่งสมมา แฟนบอล ลิเวอร์พูล ต่างยกย่องให้เขาเป็น คิง และมีบางส่วนเรียกร้องให้ เคนนี่ ได้ประดับยศท่านเซอร์ อย่างเป็นทางการ ในที่สุดเดือนมิถุนายน เนื่องใน วโรกาส วันเฉลิมพระชนม์พรรษาของสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ ทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานยศอัศวินหรือ “เซอร์” ให้กับ เคนนี่ ดัลกลิช ให้สมกับชื่อเสียงและคุณงามความดีที่เขาทำให้กับ สหราชอาณาจักร ถือเป็นเกียรติสูงสุดของเขาและวงศ์ตระกูลที่ได้รับ ทั้งนี้ เซอร์ เคนนี่ ดัลกลิช ระบุว่าขออุทิศรางวัลที่ได้รับมาให้กับ จ็อค สตีน, บิลล์ แชงค์ลี่ย์ และ บ็อบ เพสลี่ย์ เหล่าตำนานผู้จัดการทีมผู้ล่วงลับ นั่นคือชื่อเสียง คุณงามความดี และเกียรติยศของ เซอร์ เคนนี่ ดัลกลิช ที่ทำให้แก่วงการฟุตบอลของสหราชอาณาจักร รวมถึงความยิ่งใหญ่ที่สร้างไว้กับ ลิเวอร์พูล อีกหนึ่งตำนานวงการลูกหนังที่ยังมีลมหายใจ ทางขอบสนามขอเป็นกำลังใจให้ เซอร์ เคนนี่ และ ครอบครัว ผ่านพ้นวิกฤตนี้ ขอให้หายจาก โควิด-19 และกลับมาแข็งแรงในเร็ววัน

- เปี๊ยกบางใหญ่ -

logoline