logo-heading

หากเอ่ยถึงโลกของลูกหนังแน่นอนก็เหมือนกับชีวิตคนเรานั่นแหละ เพราะในทุกๆ วันและทุกๆ ปีต่างก็จะมีเหล่าแข้งสายเลือดใหม่แจ้งเกิดขึ้นมามากมายหลายคน และหนึ่งในคนที่โลกต้องตกตะลึงมากที่สุดและถูกกล่าวขานมากที่สุดมันต้องมีชื่อของหนุ่มน้อย "มาร์ติน โอเดการ์ด" วันเดอร์คิดจากดินแดนไวกิ้ง

อย่างไรก็ตามปัจจุบันหลายๆ คนอาจจะไม่รู้ว่าตอนนี้ไอ้หนุ่มน้อยหัวทองผู้นี้หายหน้าหายตาไปอยู่ไหน ? ใช้ชีวิตอย่างไร ? อยู่ดีกินดีหรือเปล่า ? เดี๋ยววันนี้ทาง "ขอบสนาม" ขออาสาพาไปย้อนดูเรื่องราวกราฟชีวิตของเขากันตั้งแต่จุดเริ่มต้น   1.มีค่าตัวที่แพงตั้งแต่วัยแค่ 6 ขวบ เมื่อปี 2005 ดรามเมน สตรอง ได้ลงทุนคว้าตัว โอเดการ์ด จากทีมท้องถิ่นไปปลุกปั้นในอคาเดมี่ด้วยค่าตัว 5,000 ยูโรในวัยเพียงแค่ 6 ขวบเท่านั้น 2.ย้ายมา สตรอมก็อดเซ็ต พร้อมกับทุบสถิติใหม่ เมื่อฉายแววได้ดีกับบ้านหลังใหม่ ทางครอบครัวที่นำโดย ฮานส์ เอริค โอเดการ์ด ซึ่งก็เคยเป็นของอดีตนักเตะเก่าของ สตรอมก็อดเซ็ต ช่วงยุค 90 นั้นก็ได้ช่วยสนับสนุนและผลักดันจนย้ายมาร่วมทีมในปี 2009 โอเดการ์ด มีการพัฒนาที่ก้าวกระโดดเรื่องฝีเท้าและแสงของพรสวรรค์มันก็เปล่งออร่ามากขึ้น จากนั้นไม่นานเขาก็ได้เปิดตัวกับ สตรอมก็อดเซ็ต ชุดใหญ่ ในวันที่ 13 เมษยน 2014 ที่เจอกับ อาเลซุนด์ ถือเกิดเป็นสถิตินักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ได้ลงเล่นในลีก นอร์เวย์ ที่ 15 ปีกับอีก 118 วัน ก่อนได้สัญญาอาชีพในเวลาต่อมา 3.ประตูแรกในชีวิตนักฟุตบอลอาชีพ มาร์ติน โอเดการ์ด สามารถยิงประตูได้ในเกมระดับอาชีพ ถือเกิดเป็นสถิติผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ส่งบอลเข้าตุงตาข่ายได้ในเวที ทิปเปลิกาเอ้น นอ์เวย์ ซึ่งเป็นเกมที่ถล่ม ชาร์ปบอร์ก ไป4-1 ช่วงต้นเดือน มิถุนายน 2014 โดยหนุ่มน้อยผู้นี้เป็นผู้ซัดปิดกล่องในลูกสุดท้าย 4.ติดทีมชาติครั้งแรกก็ฮือฮาตามเคย ได้รับการยกย่องเรื่องฝีเท้าขนาดนี้ไม่แปลกที่จะเป็นตัวหลักหรือ "เดอะ แบก" ให้กับทีมชาติ นอร์เวย์ รุ่นเด็กทุกรุ่นทุกชุด อย่างไรก็ตามวาระสำคัญได้เกิดขึ้นในวันที่ 19 สิงหาคม 2014 โอเดการ์ด มีชื่อทีมชาติ นอร์เวย์ ชุดใหญ่ เป็นครั้งแรก แถมยังลงเล่นทันทีด้วยในนัดที่เจอกับ ยูเออี พร้อมกับสร้างสถิติใหม่เป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่เล่นให้ทีมชาติ นอร์เวย์ ชุดซีเนียร์ ในวัย 15 ปีกับอีก 253 วัน ทำลายสถิติเดิมของ ตอร์ม็อด เคลล์เซ่น ที่ 15 ปี 351 วันในปี 1910 5.ตัวเลขสถิติใหม่ใน ยูโร รอบคัดเลือก 30 กันยายน 2014 นอร์เวย์ มีคิวต้องโม่แข้งในศึก ยูโร 2016 รอบคัดเลือก กับ มอลต้า และ บัลแกเรีย และ โอเดการ์ด ก็มีชื่อติดไปรับใช้ชาติเช่นกัน พร้อมกับเกิดสถิติใหม่ขึ้นอีกครั้งนั่นคือการเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ได้ลงเล่นในศึก ยูโร รอบคัดเลือก ขีดฆ่าสถิติเดิมของ ซิกูร์อัวร์ ยอร์สสัน ลงได้จากที่เคยทำไว้ในปี 1983 6.แจ้งเกิดอย่างสุดโต้งในฤดูกาลแรกกับ สตรอมก็อดเซ็ต ปิดตัวก็แล้วยิงก็แล้วจากนั้นนับวันเจ้าหนูวันเดอร์คิดรายนี้นับวันยิ่งปล่อยของออกมาเรื่อยๆ โอเดการ์ด ทำได้ 3 แอสซิสต์ช่วยพาทีมบุกไปเอาชนะ ไอเค สตาร์ท เป็นสุดมันส์ 3-2 ต่อเนื่องจนการยิงได้ 2 ประตูต่อหนึ่งเกมได้เป็นครั้งแรกในอาชีพ โดยเกิดขึ้นในเกมที่เอาชนะ ลีลล์สตรอม 2-1ในวันที่ 19 ตุลาคม 2014 พร้อมกับพา สตรอมก็อดเซ็ต จบที่อันดับ 4 ของตารางกับผลงาน 5 ประตูจาก 23 เกม และกดไป 7 แอสซิสต์ 7.ก้าวครั้งสำคัญกับ เรอัล มาดริด จากผลงานที่ยอดเยี่ยมเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาทำให้ โอเดการ์ด ถูกสรรเสริญยกย่องว่าเป็น "ลิโอเนล เมสซี่ แห่ง นอร์เวย์" และก็ไม่แปลกที่เหล่าบรรดาทีมใหญ่จะต่างก็เอาขนมจีบมาฝาก ไม่ว่าจะเป็น ลิเวอร์พูล, บาเยิร์น มิวนิค, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, อาร์เซน่อล และ เรอัล มาดริด ล้วนแล้วต่างก็ส่งบัตรเชิญพา โอเดการ์ด ไปทดสอบฝีเท้าในช่วงปิดซีซั่น ก่อนที่ท้ายที่สุดหวยก็ไปออกที่ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว และเป็นการย้ายด้วยค่าตัวราวๆ 35 ล้านปอนด์ แถมยังได้ค่าเหนื่อยมากถึง 80,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ด้วย 8.มี ซีเนดีน ซีดาน เป็นพี่เลี้ยงที่ เรอัล มาดริด กาสติย่า ฟลอเรนติโน่ เปเรซ คือผู้อยู่เบื้องหลังที่นำเข้า โอเดการ์ด มาสู่ก๊วน "ราชันชุดขาว" ได้ไหว้สั่งวานให้ ซีเนดีน ซีดาน เป็นพี่เลี้ยงโดยขณะนั้นยังเป็นโค้ชให้ทีมสำรองอยู่ และ โอเดการ์ด ก็ได้เปิดตัวเกมแรกกับในนัดที่เจ๊ากับ แอธเลติก บิลเบา เบ แบบสุดมันส์ 2-2 9.กว่าจะได้โอกาสเปิดตัวกับ เรอัล มาดริด เหล่าสาวก มาดริดิสต้า ต่างก็ร้อนรนอยากเห็น โอเดการ์ด ลงเล่นให้ เรอัล มาดริด ชุดใหญ่เสียที แต่ทาง คาร์โล อันเชล็อตติ ก็ยังไม่รีบที่จะตอบสนองกับสิ่งนั้น จนกระทั่งเกมสุดของฤดูกาล 23 พฤษภาคม ในปี 2015 เกที่ เรอัล มาดริด เปิดรัง เบร์นาเบว ถลุง เคตาเฟ่ ไป 7-3 นั่นคือเกมแรกของ โอเดการ์ด ในสีเสื้อชุดขาว โดยลงมาเป็นสำรองในนาทีที่ 58 พร้อมกับเกิดขึ้นสถิติใหม่ขึ้นด้วยการถูกจารึกว่าเป็นแข้งที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของ เรอัล มาดริด ที่ได้ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ในวัย 16 ปีกับอีก 157 วัน 10.รอโอกาสต่อไปกับ เรอัล มาดริด ชุด ซีเนียร์ ฤดูกาล 2015-16 เจ้าหนู โอเดการ์ด เฉิดฉายแววได้ดีมากขึ้นกับชุดสำรอง แต่ก็ยังไร้ความสนใจจากทีมชุดใหญ่เพราะช่วงนั้นฟอร์มกำลังระส่ำหนักจนทางบอร์ดได้สั่งปลด คาร์โร อันเชล็อตติ ออกจากตำแหน่ง และได้เลือกตั้ง ซีเนดีน ซีดาน ขึ้นมานั่งแท่นกุนซือแทน ถึงแม้ตำนานจอมทัพทีมชาติ ฝรั่งเศส จะเคยป็นพี่เลี้ยงมาก่อนหน้ารี้ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ทำให้ โอเดการ์ด ดูมีแสงสว่างในเรื่องของโอกาสมากขึ้นเลย 11.ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเกมแรกและเกมสุดท้าย ในที่สุด 30 พฤศจิกายน 2016 วันที่ โอเดการ์ด รอคอยก็มาถึงเพราะนั่นคือการได้เดินต่อแถวลงสนามเป็นตัวจริงตั้งแต่ต้นเกมต่อหน้าแฟนบอลมากมาย และวันนั้นเขาก็ลงเล่นเต็มเกม 90 นาที ในศึก โกปา เดล เรย์ ที่ยำใหญ่ เลโอเนซ่า ไป 6-1 แต่นั่นก็คือวันสุดท้ายของเขาที่จะได้เล่นร่วมกับรุ่นพี่ "ราชันชุดขาว" ในสนาม 12.ชีวิตใหม่ที่ ฮีเรนวีน จะดีหรือไม่ ??? เมื่อ ซีดาน ไม่มีแผนในการใช้งาน แต่นักตะกระสันเรื่องของโอกาสการลงสนาม ในที่สุดทางออกก็จบที่การแยกย้าย มาร์ติน โอเดการ์ด ถูกปล่อยตัวไปให้ ฮีเรนวีน ใช้บริการเช่าด้วยสัญญา 18 เดือน 13.เหมือนจะสวยหรู แต่ไม่เลย! การย้ายมาทีมที่ขนาดเล็กลงอย่าง ฮีเรนวีน ดูจะเป็นที่ๆ เหมาะสมสุดๆ แล้วแก่การปลุกพรสวรรค์ในตัวออกมาอีกครั้ง แต่สุดท้ายมันก็ไม่เกิดขึ้นเพราะ โอเดการ์ด โชว์ฟอร์มได้แย่กว่าที่คาดเอาไว้ ยิงประตูก็ไม่ได้ แถมตลอด 7 เกมแรกที่ได้พิสูจน์ตัวเอง เขาทำได้แค่แอสซิสต์เดียวเท่านั้นทั้งที่เป็นแข้งในบทบาทเพลย์เมคเกอร์ ปัจจุบันอดีตวันเดอร์คิดก็ยังโลดแล่นอยู่ในดินแดนกังหันลมต่อไป แต่ก็ไม่ได้ดูจะมีปรากฏการณ์อะไรที่โลกต้องตกตะลึงเลย 14.กระดูกเท้าแตกแหกความฝัน ผลงานส่วนตัวก็ไม่ได้ดูจะดีเด่นอะไรมากมายอยู่ เห็นทีโอกาสที่เด็กทองคำจะกลับไปพิสูจน์ตัวเองกับ เรอัล มาดริด จะต้องยืดระยะยาวออกไปอีก เพราะล่าสุดต้องเจอกับฝันร้ายเมื่อกระดูกเท้าแตกในเกมที่เจอกับ เอเรคลูส ส่งผลให้ซีซั่นนี้ มาร์ติน โอเดการ์ด ต้องปิดเทอมไปเรียบร้อย  

-HaMuDosSantos-

 
logoline