logo-heading

ถ้าหากจะเอ่ยถึงผลงานมาโกโตะ ชินไค ที่เป็นในเรื่องแบบหนังใหญ่ คงมีอยู่แค่เรื่องเดียวที่ดูจะไม่เข้าพวกกับแนวทางเก่าๆที่ผู้กำกับชาวเมืองนางาโนะ สร้างสรรค์ไว้ แม้ว่าจะช่ำชองในการเล่าเรื่องในเชิงความรัก ระหว่างคน 2 คน ตั้งแต่งานหนังสั้น จนมาถึงหนังใหญ่ แต่เรื่องนี้กลับไม่ได้เป็นแบบนั้น ผมได้ดูหนังเรื่องนี้แบบตั้งใจและไม่ได้ไปอ่านเรื่องย่อ 2 รอบ เพื่อทำความเข้าใจในสิ่งที่ชินไค สื่อสาร สิ่งที่ผมได้กลับมาคือ มนุษย์ส่วนใหญ่มีชีวิตก็เพื่อเดินทาง แสว่งหาความต้องการ (ความอยากให้ตัวเองทั้งนั้น)

เนื้อหาคือการผจญภัยในดินแดน “อกาธาร์” ที่มาเล่นในเชิงประเด็นความเชื่อ แนวคิดเชิงปรัญญาเกี่ยวกับเรื่องของชีวิตแทนชีวิต, โลกหลังความตาย ตัวหนังก็สามารถทำออกมาได้ดีมาก คือชินไค อยากเปลี่ยนมุมมองหนังของเขาให้แตกต่างไปจาก 5 centimeters par second งานหนังใหญ่ชิ้นแรกเมื่อปี 2007 ในส่วนตัวค่อนข้างชอบภาพในหนังเรื่องนี้มากๆ มาโกโตะ ชินไค เรียนรู้และพัฒนางานของตัวเองอยู่เสมอ นี่คือการปรับปรุงภาพอนิเมชั่นให้เกิดความสมจริง ซึ่งเมื่อแนวทางของ Children who Chase Lost Voices คือแฟนตาซีและผจญภัย งานภาพในหนังจะสะดุดตาผมมาก มันมีปราณีตและงดงาม ฉากการต่อสู้ในหนังเรื่องนี้ ทำออกมาได้แบบไร้ที่ติ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการที่ชินไคมีประสบการณ์ในการทำเกมมาก่อน เขาจึงสามารถปล่อยจินตนาการออกมาได้ไม่ยั้ง นอกจากนี้เพลงประกอบที่ใส่ไปในฉากพีคๆของหนังก็ใส่ไปในจังหวะที่เหมาะสมและน่าจะติดหูคนดูได้ไม่มากก็น้อยเลยละ โอเคละนี่คงเป็นหนังเรื่องเดียวที่คนหลงไหลงานของชินไคไม่ค่อยชอบกัน เนื่องจากมีเนื้อหาความรักที่น้อยมาก ไม่โรแมนติก เพราะน้ำหนักมันอยู่ที่การผจญภัยเพื่อตามหลังเรื่องราวความเชื่อในการชุบชีวิตคนกลับคืนมาเท่านั้นเอง สรุป : นี่คือหนังชินไค ที่โดดเด่นในเรื่องของภาพงานอนิเมชั่น โอเคละอาจจะไม่ใช่ความรักของคน 2 คน แบบที่ผ่านๆมา แต่การผจญภัยในฉากแอ็คชั่นก็มอบความสนุกให้คุณไ
logoline