logo-heading
ไค ฮาแวร์ตซ์ มิดฟิลด์ตัวรุกชาวเยอรมัน ดาวรุ่งพุ่งแรงถนัดซ้ายคนสำคัญของทีม "ห้างขายยา" ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น วัย 20 ปีรายนี้ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม จนตกเป็นเป้าหมายของ ลิเวอร์พูล, แมนฯ ซิตี้, เรอัล มาดริด, อาร์เซนอล รวมถึงยักษ์ใหญ่บุนเดสลีกา อย่าง บาเยิร์น มิวนิค วันนี้ขอบสนามจะพาไปทำความรู้จักเจ้าหนูที่ลงสนามในเวที บุนเดสลีกา ไปมากกว่า 100 นัด และถูกนำไปเปรียบเทียบว่าเป็นส่วนผสมของ เมซุต โอซิล และ มิชาเอล บัลลัค รายนี้กันมากขึ้น จุดเริ่มต้นอาชีพค้าแข้ง ไค ฮาแวร์ตซ์ เกิดเมื่อ 11 มิถุนายน ปี 1999 ที่เมื่อ อาเค่น ประเทศเยอรมัน มีพ่อเป็นตำรวจ และแม่เป็นทนายความ ครอบครัวของเขาถือเป็นครอบครัวที่บ้าบอลอย่างมาก ตั้งแต่เด็กเขาชอบไปเตะบอลที่สนามฝึกซ้อมที่อยู่ใกล้บ้าน นอกจากนี้ยังมีคุณปู่คอยฝึกสอนให้ที่สนามหลังบ้านอีกด้วย เมื่ออายุได้เพียง 5 ปี เขาได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมอะคาเดมี่ อาเลมันเนีย มาเรียดอล์ฟ ก่อนย้ายมาอะคาเดมี่ใหล้บ้านอย่าง อาเลมันเนีย อาเค่น หลังจากนั้นเมื่ออายุได้ 11 ปี เขาก็ย้ายเข้าสู่ทีมเยาวชนของ ไบเออร์ เลเวอร์คู่เซ่น ก่อนที่จะพัฒนาตัวเองจนถูกดันขึ้นชุดใหญ่ของ ห้างขายยา เมื่อปี 2016 ด้วยอายุเพียง 17 ปี เท่านั้น ประเดิมสนามในเวทีบุนเดสลีกา ฮาแวร์ตซ์ ผ่านการเล่นให้กับเยาวชน เลเวอร์คูเซ่น มาเกือบทุกระดับ และหลังจากช่วย ชุด U17 คว้าแชมป์บุนเดสลีกา ฤดูกาล 2015/2016 ด้วยการยิงประตูในนัดชิงชนะเลิศที่พบ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เขาถูกเลื่อนขึ้นมาเล่นกับทีมชุด U19 และได้รับเหรียญเงินรางวัลฟริตซ์ วัลเทอร์ รางวัลจากสหพันธ์ฟุตบอลเยอรมันที่มอบให้แก่นักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมของประเทศ ถือเป็นเด็กหนุ่มมากพรสวรรค์และน่าจับต่อมองอีกหนึ่งราย ในที่สุดเขาก็ถูกดันขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ และถูกส่งลงเล่นนัดแรกในบุนเดสลีกา ในวันที่ 15 ตุลาคม 2016 เกมพบ แวร์เดอร์ เบรเมน โดยลงสนามเป็นตัวสำรองแทนที่ ชาร์ลส์ อรานกิซ ด้วยอายุเพียง 17 ปี 126 วัน สร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่สามารถติดทีมชุดใหญ่ในประวัติศาสตร์สโมสร ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ทันที หลังจากนั้นเขาได้รับโอกาสให้ลงสนามมากขึ้นทั้งในบุนเดสลีกา รวมถึงถ้วยยุโรป จากการติดโทษแบนของ ฮาคาน ชัลฮาโนกลู ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก ทำให้ ฮาเวิร์ตซ์ ได้ลงตัวจริงในเกมเจอ แอตเลติโก มาดริด แต่โชคร้ายที่ไม่มีชื่อในเกมที่ 2 เพราะเป็นช่วงเวลาคาบเกี่ยวกับช่วงสอบที่โรงเรียนพอดี ยิงประตูแรกได้สำเร็จ หลังจากลงเล่นในเวทีบุนเดสลีกา 15 นัด เขาสามารถทำแอสซิสต์ไปได้หลายครั้ง แต่ยังไม่สามารถเบิกร่องประตูแรกของตัวเองในสีเสื้อห้างขายยาได้ จนกระทั่งเกมพบ โวล์ฟสบวร์ก นัดที่ 16 ของเขาในปี 2017 ฮาแวร์ตซ์ สามารถทำประตูแรกในบุนเดสลีกา ได้สำเร็จจากจังหวะวอลเล่ย์สุดสวย ช่วยทีมตีเสมอ โวล์ฟสบวร์ก 3-3 คว้า แต้มสำคัญ และยังทำลายสถิติของ ยูเลี่ยน บรันด์ท กลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรที่ยิงประตูได้ในวัยเพียงแค่ 17 ปีเท่านั้น อย่างไรก็ตามแม้ว่าในฤดูกาลนั้นต้นสังกัดของเขาอย่าง ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ทำผลงานได้ไม่ค่อยดีนัก แตะเขายังคงพัฒนาฝีเท้าได้ดีวันดีคืนอย่างต่อเนื่องก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะตัวหลักของทีม ฮาแวร์ตซ์ สามารถทำ 2 ประตูได้เป็นครั้งแรกในบุนเดสลีกาในเกมนัดปิดฤดูกาลที่พบกับ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน เขาพาทีมเอาชนะไปได้ 6-2 ประตู จากผลงานครั้งนี้เขาสร้างสถิติใหม่อีกครั้ง กลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์บุนเดสลีกาที่เหมา 2 ประตูในเกมเดียวสำเร็จต่อจาก ติโม แวร์เนอร์ แข้ง แอร์เบ ไลป์ซิก จารึกชื่อในประวัติศาสตร์ต่อเนื่อง เมษายน 2018 ฮาแวร์ตซ์ จารึกชื่อในเวทีบุนเดสลีกาอย่างต่อเนื่อง เมื่อทำลายสถิติของ ติโม แวร์เนอร์ ได้อีกหน กลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ลงเล่นครบ 50 เกม ด้วยวัย 18 ปี 307 ในเกมที่พบ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ซึ่งเขาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ทำ 2 แอสซิสต์ให้ ยูเลี่ยน บรันด์ท และ เควิน โฟลลันด์ พาทีมชนะไป 4-1 ไม่หยุดแต่เพียงเท่านั้นเด็กหนุ่มรายนี้ยังคงสร้างสถิติให้ตัวเองต่อไป เดือนกันยายน 2018 ฮาแวร์ตซ์ กลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรที่สามารถทำประตูได้ในการแข่งขัน ยูโรป้าลีก หลังจากทำประตูตีไข่แตกให้กับต้นสังกัดไล่ตาม ลูโดโกเร็ตส์ เป็น 1-2 ได้สำเร็จ นอกจากนี้ยังเป็นประตูแรกบนเวทียุโรปของเจ้าตัวอีกด้วย กระทั่งเดือนธันวาคมปี 2019 ที่ผ่านมา เขาก็ทำลายสถิติของ ติโม แวร์เนอร์ ได้อีก เรียกว่าเกิดมาเพื่อลบชื่อ แวร์เนอร์ ออกจากจารึกสถิติเลยก็ว่าได้ หลังลงเล่นเกมที่ 100 ในบุนเดสลีกาพบ โคโลญจน์ ด้วยวัย 20 ปี 186 วัน ดาวดวงใหม่ของทีมชาติเยอรมัน ฮาแวร์ตซ์ ผ่านการรับใช้ทีมชาติมาเกือบทุกระดับไล่ตั้งแต่ชุด U15 สุดท้ายในที่สุดฝันของเขากับทัพ อินทรีเหล็กชุดใหญ่ก็เป็นจริง โยอาคิม เลิฟ เทรนเนอร์ทีมชาติเยอรมัน ก็เรียกตัวเขาติดทีมชาติชุดใหญ่ช่วงปลายเดือสิงหาคม 2018 เพื่อทำศึก เนชั่นส์ ลีก กับ ฝรั่งเศส และ อุ่นเครื่องกับ เปรู ในเดือนกันยายน ปีนั้น เขาก็ได้ประเดิมติดธงครั้งแรก หลังเปลี่ยนตัวลงเล่นแทน ติโม แวร์เนอร์ ในช่วงท้ายเกมพบ เปรู โดยถือเป็นนักเตะที่เกิดปี 1999 คนแรก ที่ติดทีมชุดใหญ่อินทรีเหล็กอีกด้วย สไตล์การเล่น ด้วยทักษะการเล่นที่โดดเด่นจนได้รับคำชมจากรุ่นพี่ทีมชาติเยอรมันหลายคน แม้ว่าจะถนัดซ้าย แต่สามารถเล่นบอลได้ดีทั้งสองเท้า ตำแหน่งถนัดของ ฮาแวร์ตซ์ คือการลงเล่นในตำแหน่งหมายเลข 10 อยู่หลังกองหน้า แต่ทว่าสามารถโยกออกไปเล่นด้านข้างโดยเฉพาะฝั่งขวาได้ดีอีกด้วย เทคนิคและความสารพัดประโยชน์กับส่วนสูงถึง 188 เซนติเมตร์ ทำให้กองกลางตัวรุกรายนี้ถูกนำไปเปรียบเทียบว่าเป็นส่วนผสมของ เมซุต โอซิล, โทนี โครส และ มิชาเอล บัลลัค ตำนานทีมชาติเยอรมันเลยทีเดียว ด้วยสไตล์การเล่นที่คล้ายคลึงรุ่นพี่ กล้าเล่นกล้าลุย เข้าบอลได้ไม่หวั่นกลัว และเล่นเกมรุกได้ยอดเยี่ยม ไมน่าแปลกใจที่เขาจะกลายเป็นอีกแข้งตัวหลักทัพ อินทรีเหล็ก และสร้างชื่อให้ทีมชาติได้ในอนาคต ด้วยวัยเพียง 20 ปี มิดฟิลด์ตัวรุกรายนี้ของห้างขายยาสร้างผลงานจารึกชื่อตัวเองบนหน้าประวัติศาสตร์ได้มากมายนับไม่ถ้วน เป็นเพชรเม็ดงามของทีมชาติเยอรมันที่รอวันสร้างประวัติศาสตร์กับชาติบ้านเกิดอีกราย ทั้งนี้เส้นทางการค้าแข้งของเขายังอีกยาวไกล เขาจะสามารถเจิดจรัสได้มากสุดขนาดไหนเวลาคือตัวตัดสิน แต่เชื่อว่าจากผลงานอันน่าทึ่งของเขาคงทำให้ฝ่ายซื้อขายของ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ต้องรับโทรศัพท์จนหูแฉะ ในตลาดซื้อขายรอบหน้าอย่างแน่นอน เพราะเนื้อหอมสุด ๆ ในช่วงนี้
logoline