เมื่อ 15 เมษายน 1989 หรือเมื่อ 31 ปีก่อน ในศึกฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ ระหว่างทีม ลิเวอร์พูล และ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ณ สนามฮิลส์โบโร่ ในเมืองเชฟฟิลด์ เกิดเหตุการณ์เศร้าในแข่งขันฟุตบอล เอฟเอ คัพ อังกฤษ เมื่อเจ้าหน้าที่จัดการรักษาความปลอดภัยไม่รัดกุมพอ จนเป็นเหตุให้แฟนบอลลิเวอร์พูลเสียชีวิตถึง 96 คน
หลังเกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมถึงสื่อไร้จรรยาบรรณบางรายได้โยนความผิดให้กับแฟนบอลลิเวอร์พูลว่าเป็นต้นเหตุของโศกนาฎกรรมนี้เพราะไม่ได้สนใจเรื่องความปลอดภัยและเข้ามาในสนามเกินความจุจนเกิดเรื่องเศร้าขึ้น ทำให้แฟนบอลลิเวอร์พูลต่างไม่พอใจ ต่างพยายามต่อสู้คดีมาตลอด เพราะมองว่าต้นเหตุที่แท้จริงเกิดจากการจัดการของเจ้าหน้าในสนามที่ไม่ดีต่างหาก เริ่มตั้งแต่จำนวนที่นั่งที่ไม่รองรับแฟนบอลจำนวนมหาศาล ความผิดพลาดเรื่องการจัดการคนเข้าสู่สนาม รวมไปถึงการช่วยเหลือทางการแพทย์ที่มาถึงช้าเกินไป
กระทั่งเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2016 ศาลได้คืนความยุติธรรมให้แก่เหล่าครอบครัวผู้เสียชีวิต แฟนลิเวอร์พูลได้มีการเรียกร้องขอความเป็นธรรมมาโดยตลอด 27 ปี ก่อนจะมีบทสรุปผลการสอบสวนออกมา ว่าแฟนบอลทั้ง 96 คนเสียชีวิตโดยมิชอบด้วยกฏหมาย และถือเป็นความผิดของตำรวจ โดยที่แฟนบอล “หงส์แดง” ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับความผิดที่เกิดขึ้น ท่ามกลางความยินดีของบรรดาญาติและครอบครัวของเหยื่อทั้ง 96 คน ที่มารอฟังผลการสอบสวน
จากรายงานต่างๆ ที่บันทึกเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างละเอียด บ่งชี้ว่าเป็นความผิดของทางสนามและการตัดสินใจผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงมีการรื้อฟื้นคดีใหม่เมื่อปี 2012 และเมื่อวันอังคารที่ 26 เมษายน 2015 คณะลูกขุนมีมติว่า ทั้ง 96 ศพ เป็นการถูกฆ่าตายโดยมิชอบ เหตุจากความผิดพลาดในการบริหารจัดการของสนามฮิลส์โบโร่และการตัดสินใจผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ตำรวจและก่อนหน้าที่การตัดสินของคณะลูกขุนจะลงมติอย่างเป็นทางการ
นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เดวิด คาเมร่อน ก็ได้ออกมากล่าวขอโทษต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุสร้างความวุ่นวาย จนนำไปสู่การเสียชีวิตในที่สุด พร้อมยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง จากการตัดสินของคณะลูกขุน ทำให้ สาวกเดอะค็อป ทั้งรุ่นใหญ่รุ่นน้อย รวมไปถึงครอบครัวของผู้เสียชีวิต ต่างน้ำตาคลอยินดีที่พวกเขาพ้นจากความผิดมาโดยตลอด 27 ปี พร้อมร้องเพลง "You'll Never Walk Alone" เพลงประจำสโมสรด้วยเสียงอึกทึกกึกก้องไปทั่วด้านนอกของศาล และนับตั้งแต่ที่เหล่าแฟน ลิเวอร์พูล พ้นมลทินใสสะอาด เป็นต้นมา ชาวเมอร์ซี่ย์ไซด์รวมถึงสโมสรไม่ได้มีการจัดงานรำลึกฮิลส์โบโร่แบบใหญ่โตอีก แต่ทว่าพวกเขายังคงรำลึกถึง 96 ชีวิตผู้ล่วงลับในเหตุการณ์ครั้งนั้นที่อนุสรณ์ด้านข้างสนามแอนฟิลด์เสมอ
ความผิดพลาดเริ่มขึ้นตั้งแต่การจัดโซนให้แฟนบอลแต่ละทีม เมื่อลิเวอร์พูลที่มีจำนวนแฟนบอลมากกว่า กลับต้องไปนั่งในอัฒจันทร์ที่จุผู้ชมได้น้อยกว่า จนกระทั่งในช่วงก่อนเริ่มเกมราว 15 นาที ได้มีประกาศให้แฟนบอลเข้าสนาม ซึ่งแฟนบอลลิเวอร์พูลที่มีจำนวนมากกว่า 24,000 คน ต้องมากระจุกอยู่ตรงทางเข้าที่มีช่องเช็คตั๋วแบบผ่านได้แค่ทีละ 7 คน ทำให้การเข้าสนามเป็นไปอย่างล่าช้า ยิ่งใกล้เวลาแข่ง สถานการณ์ที่ประตูทางเข้าก็ยิ่งแออัดเนื่องจากแฟนบอลด้านหลังต่างก็พยายามผลักดันด้านหน้าเพื่อจะได้เข้าสนามดูทีมรักเร็วขึ้น ขณะที่แฟนบอลบางคนที่ไม่มีตั๋วชมเกมก็ถูกกักตัวอยู่ตรงทางเข้า เมื่อผู้คุมสนามเห็นฝูงชนที่แออัดได้ตัดสินใจเปิดอีกประตูหนึ่งที่ไม่มีช่องเช็คตั๋ว ทำให้กองทัพแฟนบอลแห่กันเข้าไปช่องทางนั้นกันหมด ทว่าประตูดังกล่าวที่เปิดออกนำแฟนบอลไปสู่โซนที่สามารถรองรับผู้ชมได้เพียง 1,600 คน แต่แฟนบอลที่อัดเข้ามาแบบไม่มีทิศทางเพราะไม่ได้ผ่านช่องเช็คตั๋วทำให้แฟนบอลกว่า 3,000 คนเข้าไปอัดกันแน่นในโซนนั้น จนคนที่ยืนอยู่แถวหน้าสุดถูกดันจนไปอัดกับรั้วเหล็กกั้นตรงขอบสนาม หลายคนพยายามปีนกำแพงกั้นลงมาสู่สนามฟุตบอลเพื่อหนีตาย บางคนปีนกำแพงรั้วหนีออกมาได้ บางคนปีนขึ้นสู่ชั้นอัฒจันทร์ด้านบนเพื่อเอาชีวิตรอด แต่บางคนก็ถูกอัดติดรั้วจนขาดอากาศหายใจอยู่ตรงนั้น ด้วยสถานการณ์ที่โกลาหล ตำรวจจึงหยุดการแข่งขันทั้งที่เริ่มไปเพียง 6 นาที หลังจาก ปีเตอร์ เบียร์ดสลีย์ ของทางฝั่งลิเวอร์พูลยิงชนคาน แฟนบอลที่ถูกอัดภายใต้กรงเหล็กเริ่มทนไม่ไว้ บางคนพยายามปีนหนีออกมาเพื่อเอาตัวรอด บางคนต่างเหยียบกันขึ้นไปบนอัฒจันทร์ชั้น 2 เพื่อเอาตัวรอด สถานการณ์วุ่นวาย ทุกคนรีบเข้าไปช่วยแฟนบอลที่โชคร้าย แต่เหมือนสายเกินไป บางรายหายใจอ่อนลง บางรายเหลือแต่ร่างไร้วิญญาณ โศกนาฏกรรมที่เลวร้ายที่สุดในสนามฟุตบอลเกิดขึ้นโดยมีจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด 95 รายในสนาม เนื่องจากขาดอากาศหายใจ อีก 1 รายเสียชีวิตที่โรงพยาบาล รวมเป็น 96 ชีวิต บาดเจ็บอีกกว่า 766 ราย31 years ago today, 96 children, women and men lost their lives at Hillsborough.
— Liverpool FC (at ?) (@LFC) April 14, 2020
Our thoughts are with all those affected by the tragedy and the 96 fans who will never be forgotten. pic.twitter.com/HQEkIHNi5q

โศกนาฎกรรมฮิลส์โบโร่คือบทเรียน เป็นอุทาหรณ์สำหรับวงการฟุตบอลทั่วโลกเลยก็ว่าได้ และเป็นเหมือนแรงกระตุ้นทำให้เกิดการจัดการต่างๆที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด บางประเทศก็ประกาศให้มีการยกเลิกใช้อัฒจันทร์แบบยืน เปลี่ยนมาเป็นแบบเก้าอี้แทน เพื่อง่ายต่อการจัดการ และมีตัวเลขที่แน่นอนในการรองรับแฟนบอลที่จะเข้าชมเกม รวมถึงการถอดรั้วเหล็กที่กั้นแฟนบอลออกทั้งหมดด้วย แด่ 96 ชีวิต ผู้ล่วงลับ ดั่งเช่นเปลวไฟในตราสัญลักษณ์สโมสรที่ไร้วันดับ You’ll never walk alone.As a reminder, please refrain from any commentary that could prejudice any legal proceedings in relation to the Hillsborough disaster. pic.twitter.com/EC3gRGXnz5
— Liverpool FC (at ?) (@LFC) April 15, 2020
- เปี๊ยกบางใหญ่ -
https://youtu.be/J6kAtdwNJ5s