logo-heading

การสานต่อของหนังไซไฟแห่งตำนานเมื่อ 35 ปีที่แล้ว ที่ใครหลายคนต่างยกให้นี่คือ " หนังก่อนเวลา " อย่าง Blade Runner ที่มาคราวนี้ผู้กำกับคนเก่าอย่าง ริดลีย์ สก็อตเปลียนตัวเองเป็นผู้อำนวยการสร้างและให้ผู้กำกับมากฝีมืออย่าง เดนิส วิลเลเนิฟ ผู้กำกับจาก Arrival นั่งแท่นกำกับงานในภาคนี้แทน

เรื่องราวสามสิบปีหลังจากเหตุการณ์ในภาคแรก เมื่อเจ้าหน้าที่ เค เบลดรันเนอร์คนใหม่ ได้เข้ามาประจำการที่เมืองลอสแอนเจลิส จนได้พบความลับที่มันสามารถพาโลกไปสู่ความโกลาหลครั้งใหม่ได้ ซึ่งการที่เขาจะหยุดยั่งภัยร้ายในครั้งนี้ ตัวเขาต้องหาตัว “ริค เดซคาร์ด” อดีตเบลดรันเนอร์จากกรมตำรวจแอลเอ ผู้หายตัวไปกว่าสามทศวรรษ คนที่กุมความลับทุกอย่างของหนังในภาคนี้.. . จุดเด่น  งานภาพของหนังเรื่องนี้ ที่ผมได้ดูในระบบ IMAX3D คืองานภาพสวยขั้นเทพ แบบที่ว่าถ้าคุณอยากหา wallpaper สวยๆซะรูป ทุกช๊อตของตัวหนังที่ระยะเวลากว่า 163 นาที สามารถprintscreen เอาไปใช้ได้เลยทุกช๊อต พล๊อตเรื่องปมประเด็นต่างๆของตัวหนังมันสามารถขยายความต่อจากภาคแรกได้แบบก้าวไกลมากๆ มันมีทั่งแง่คิดให้เราชวนคิดที่แอบแฝงไปด้วยจิตวิญญาณของมนุษย์แบบเต็มเปี่ยม การแสดงของไรอัน กอสลิง แบบหน้านิ่งๆทำให้คาแรคเตอร์ " K" ดูทรงพลัง แถมไปด้วยการแสดงของดาราสาวภายในเรื่องพวกเธอคือสิ่งที่เติมเต็มให้หนังสมบรูณ์แบบ.. งานกำกับของเดนิส วิลเลเนิฟ ไร้ทีติ... . จุดด้อย หนังยังคงคอนเซ็ปแบบภาคที่แล้ว ที่มาแบบเนิบๆ แม้จะดูย่อยง่ายกว่าภาคที่แล้วก็ตาม ฉากแอคชั่นไม่ค่อยเยอะมากเท่าที่ควร หากใครที่อยากเสพบันเทิงเอามันส์ คุณอาจผิดหวังได้ แม้ตัวผู้กำกับบอกว่า หากคุณไม่เคยดูภาคแรกคุณก็จะดูภาคนี้ได้อย่างเต็มอิ่ม แต่เอาเข้าจริงๆ ถึงแม้มันจะพอรู้เรื่องและเข้าใจทิศทางของตัวหนัง แต่การที่คุณจะอินไปกับตัวละครได้อย่างเต็มที่ การดูภาคแรกไปก่อน มันก็ตอบโจทย์กว่า.. . สรุป Blade Runner 2049 อาจไม่ใช่หนังแนวทางที่คุณจะสามารถเสพความบันเทิงจากพาร์ทแอคชั่นหรือว่าดราม่า แต่รูปแบบความบันเทิงตลอดระยะเวลาเกือบ 3 ชม. ของ Blade Runner ก็มีทิศทางที่ชัดเจนในตัวของมันเอง ที่ผมกล้าพูุดได้เลยว่า " มันโคตรดี " และผมอยากให้คุณไปสัมผัสกับมันด้วยสองตาของคุณดู เพราะ นี่คือหนังที่กล้ามากจริงๆที่ฉีกกฎความบันเทิงแบบเดิมๆ ด้วยงบลงทุนกว่า 180 ล้านเหรียญฯ.. หนังสามารถรับชมผ่าน HBOGO
logoline