logo-heading
เมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้ว ขอบสนาม ได้นำเสนอเรื่องราวโศกนาฏกรรม ฮิลส์โบโร่ ซึ่งเกิดขึ้นในเมื่อวันที่ 15 เมษายน 1989 หรือเมื่อ 31 ปีที่ผ่านมา ซึ่งหากวันที่ 15 เมษายน คือวันแห่งความเศร้าโศกที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร ลิเวอร์พูล แล้ว วันที่ 29 พฤษภาคม 1985 ก็นับว่าเป็นวันแห่งความอื้อฉาวที่สุด วันนี้ขอบสนามจะพาไปย้อนรอยอีกโศกนาฏกรรมในโลกลูกหนัง ซึ่งเกิดขึ้นก่อนหน้าโศกนาฏกรรม ฮิลส์โบโร่ ย้อนรอย โศกนาฏกรรม เฮย์เซล ย้อนไปวันที่ 29 พฤษภาคม 1985 เหตุการณ์ เกิดขึ้น ณ สนามเฮย์เซล สเตเดี้ยม ประเทศเบลเยีี่ยม ซึ่งเป็นสังเวียนรอบชิงชนะเลิศ ยูโรเปี้ยน คัพ ระหว่างแชมป์เก่า ลิเวอร์พูล พบกับ ยูเวนตุส ยอดทีมจากอิตาลี ซึ่งก่อนหน้าการแข่งขันนัดนี้ ผู้บริหารของ ลิเวอร์พูล ไม่เห็นด้วยเรื่องสนามที่จะใช้จัดการแข่งขันฟุตบอลรอบชิงชนะเลิศนัดนี้ และร้องขอให้ทาง ยูฟ่า พิจารณาเลือกสนามอื่นแทน แม้ว่าสนามเฮย์เซลนั้นจะเป็นสนามกีฬาแห่งชาติของ เบลเยี่ยม ก็ตาม แต่ค่อนข้างเก่า เพราะถูกสร้างมากว่า 55 ปีแล้ว อัฒจันทร์พร้อมพังลงมาได้ทุกเมื่อ นั่นทำให้ไม่ปลอดภัยในการรองรับแฟนบอล อย่างไรก็ตามการร้องขอของ ลิเวอร์ูล ไม่ได้รับการตอบรับจาก ยูฟ่า นอกจากนี้แล้ว ลิเวอร์พูล ยังกังวลเป็นอย่างมากเรื่องที่นั่งที่จัดไว้สำหรับแฟนบอลชาวเบลเยี่ยม ที่เข้ามาชมเกมการแข่งขันแต่ไม่ได้เชียร์ทีมใด ลิเวอร์พูล แย้งว่า แฟนบอล ลิเวอร์พูล และ ยูเวนตุส เท่านั้นที่ควรจะได้สิทธิ์ซื้อตั๋วเข้าชมการแข่งขัน การแบ่งที่นั่งสำหรับแฟนบอลที่ไม่ได้เชียร์ทีมหนึ่งทีมใดเลยนั้น เปิดโอกาสให้แฟนบอลชาวเบลเยี่ยม นำตั๋วที่ได้มาขายเป็นตั๋วผี ซึ่งจะทำให้ที่นั่งมั่วและปะปนกันของกองเชียร์กัน แน่นอนว่านอกจากการปะปนกันมั่วแล้ว ในวันแข่งขันทางผู้จัดให้แฟนบอลทั้ง 2 ทีมนั่งติดกัน โดยมีเพียงรั้วเหล็กชั่วคราวกั้นระหว่างแฟนบอลทั้งคู่เท่านั้น ก่อนเริ่มเกมแฟนบอลทั้งสองทีมเริ่มมีการปะทะกันเป็นระยะ ก่อนจะขยายตัวและรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ความดุเดือดเริ่มลุกลาม แฟนบอลทั้ง 2 ฝ่าย ตะโกนยั่วโมโหกันไปมาผ่านรั้วลวดที่กั้นอยู่อย่างไม่แข็งแรงนัก แฟนบอลทั้ง 2 ทีม เริ่มหยิบสิ่งที่คว้ามาได้ไม่ว่าจะเป็นขวดน้ำหรือก้อนหินขว้างใส่อีก ฝ่าย จนในที่สุดแฟนบอล ลิเวอร์พูล กลุ่มหนึ่งวิ่งเข้าใส่รั้วกั้นและทำลายมันลง ทำให้แฟนบอล ยูเวนตุส ต่างต้องถอยร่นไป จนไปติดอยู่ริมกำแพงในด้านตรงข้าม รวมถึงมีแฟนบอลที่พยายามจะปีนกำแพงหนี ทันใดนั้นเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อกำแพงเกิดถล่มลงมาทับร่างของแฟนบอลที่ติดกับกำแพง ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 39 คน เป็นชาวอิตาลี 32 คน, ชาวเบลเยี่ยม 4 คน, ชาวฝรั่งเศส 2 คน และชาวไอร์แลนด์เหนือ 1 คน รวมถึงมีบาดเจ็บอีกกว่า 600 รายด้วยกัน ย้อนรอย โศกนาฏกรรม เฮย์เซล ทว่าสิ่งที่น่าหดหู่ที่สุดคือหลังเกิดเหตุ ยูฟ่า ตัดสินใจที่จะจัดการแข่งขันต่อไป เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้นอีกเนื่องจากแฟนบอลเวลานั้นกำลังอยู่ในอารมณ์เดือดคุกรุ่น โดยกัปตันของทั้ง 2 ทีมได้ออกมาพูดกับแฟนบอลเพื่อให้สงบลง จนในที่สุดก็แข่งขันกันได้ ท้ายที่สุด "ม้าลาย" ยูเวนตุส เถลิงแชมป์ยูโรเปี้ยน ในปีนั้นได้สำเร็จ โดยเอาชนะ ลิเวอร์พูล ไป 1-0 จากลูกจุดโทษของ มิเชล พลาตินี่ ในนาทีที่ 56 แต่แทบไม่มีใครสนใจผลการแข่งขันอีกแล้ว ไม่มีใครอยากจดจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนี้ ภายหลัง ทางการเบลเยี่ยมได้มีการจับกุมและตัดสินจำคุกแฟนบอลลิเวอร์พูล 14 คนเป็นเวลา 3 ปี โทษฐานก่อเหตุรุนแรงในนัดนี้ ส่วนทาง ยูฟ่า และ ฟีฟ่าก็เตรียมลงโทษแบนสโมสรฟุตบอลจากอังกฤษทั้งหมด ไม่ให้ลงแข่งขันในเกมยุโรปและเกมนานาชาติแบบไม่มีกำหนด ก่อนที่สมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือ เอฟเอ ได้ประกาศตัดสินใจแบนทีมสโมสรทุกทีมของอังกฤษไม่ให้เข้าร่วมการแข่งขันในรายการฟุตบอลสโมสรยุโรป ทุกรายการ ในปีต่อไป และแบนต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปี ส่วน ลิเวอร์พูล ในฐานะต้นสังกัดของแฟนบอลที่จุดชนวนเหตุการณ์โดนแบนเพิ่มมากกว่าชาวบ้านเป็น 6 ปี ทีมที่รับผลกรรมเรียกได้ว่าซวยหนักคือ เอฟเวอร์ตัน ซึ่งสามารถคว้าแชมป์แชมป์ลีกสูงสุด อดไปแข่งยูโรเปี้ยนคัพ ทันที นอกเหนือจากนั้น คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, นอริช ซิตี้, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, และ เซาธ์แฮมป์ตัน อดไปแข่งถ้วย คัพวินเนอร์ส คัพ และ ยูฟ่า คัพ ตามลำดับ ขณะที่ ยูเวนตุส ถูกแบนไม่ให้แฟนบอลเข้าสนามชมเกมยุโรป ทั้งนี้ก่อนที่ เอฟเอ จะมีการประกาศ สโมสรลิเวอร์พูล ได้ออกแถลงการณ์ ไม่ส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลสโมสรยุโรปในฤดูกาลต่อไป นอกจากนี้มีรายงานว่าการตัดสินใจของ เอฟเอ ในครั้งนั้นเป็นการตัดสินใจที่ไม่ผ่านการเห็นชอบด้วยจากฟุตบอลลีก แต่ในภายหลังนับว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว เนื่องจาก หากให้ ยูฟ่า จัดการแบนเองแล้ว น่าจะได้รับโทษมากกว่านั้น แทนที่ในวันนั้นจะกลายเป็นวันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของทั้ง 2 สโมสร ลิเวอร์พูล และ ยูเวนตุส กลับกลายเป็นฝันร้ายที่ทั้ง 2 สโมสร ไม่อยากจดจำ แทนที่แฟนบอลทั้ง 2 ทีมจะได้เดินกลับจากกรุงบรัซเซลพร้อมกับความทรงจำในประวัติศาสตร์ รวมถึง ลิเวอร์พูล เอง แทนที่จะได้เดินกลับจากกรุงบรัซเซลพร้อมกับแชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ สมัยที่ 5 กลับเป็นสาวก ลิเวอร์พูล ต้องเดินทางกลับประเทศอังกฤษพร้อมภาพการสังเวยชีวิตของแฟนบอล 39 ราย นี่คือโศกนาฏกรรมที่เอาไว้คอยเตือนคนรุ่นหลังว่า ฟุตบอลเป็นเกมกีฬาแห่งมิตรภาพ รู้แพ้รู้ชนะ ไม่ใช่เกมแห่งความแค้นและเกลียดชัง

- เปี๊ยกบางใหญ่ -

logoline