แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ชื่อว่าเป็นทีมที่ใช้เงินซื้อความสำเร็จตลอดช่วงที่ผ่านมา เอะอะๆ ก็ใช้เงินแก้ปัญหา แต่หารู้ไม่ว่าเงินนั้นมันซื้อทุกสิ่งบนโลกนี้ไม่ได้ เช่นเดียวกับนักเตะชื่อดัง 5 คนนี้
นักเตะ 5 คนที่ทาง
'ขอบสนาม' จะพูดถึงดังต่อไปนี้คือ
นักเตะที่เกือบย้ายมา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่มันก็แค่เกือบเท่านั้น เพราะสุดท้ายมันไม่เกิดขึ้น จะมีใครบ้างนั้นไปชมกันเลยครับ..
อิสโก้
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เคยตกเป็นข่าวพัวพันกับ
อิสโก้ แบบหนาหูมากๆ โดยเฉพาะในช่วงที่ มานูเอล เปเยกรินี่ ย้ายมาทำงานที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ใหม่ๆ เมื่ช่วงซัมเมอร์ปี 2013 เพราะทั้งคู่เคยร่วมงานกันมาก่อนที่ มาลาก้า และ ณ ตอนนั้น
อิสโก้ ก็ฉายแสงสุดๆ ปล่อยของออกมามากมายจนได้รับการยกย่องว่าเป็นมิดฟิลด์ดาวรุ่งที่มีพรสวรรค์สูงและน่าจับตาดูมากที่สุด ซึ่งทาง เปเยกรินี่ เองก็มั่นใจมากว่า ถ้า
อิสโก้ ย้ายมาจอยกันต่อที่
'เรือใบสีฟ้า' จะต้องไปได้สวยแน่ๆ เรื่องการล่าความสำเร็จ แต่ท้ายที่สุดมันก็ไม่ได้เป็นไปตามที่หวัง เพราะหลังจบทัวร์นาเมนต์ ยูฟ่า ยูโร กับ ทีมชาติสเปน รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี
อิสโก้ ดันเปลี่ยนใจและเลือกย้ายไปอยู่กับ
เรอัล มาดริด แทน
8 แข้งที่คุณ (อาจจะ) ไม่รู้ว่าเคยร่วมทัพ แมนฯ ซิตี้ มาก่อน
ริคาร์โด้ กาก้า
ยังจำกันได้ว่า
ริคาร์โด้ กาก้า เกือบกลายเป็นนักเตะของ
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ช่วงต้นปี 2009 โดย มาร์ค โบเว่น ผู้ช่วยโค้ช ณ เวลานั้นถึงกับมั่นใจมากๆ ว่าดีลนี้จะต้องเกิดขึ้นชัวร์ๆ 100 เปอร์เซนต์
'เราเชื่อว่าดีลนี้มันใกล้เสร็จสิ้นเต็มทีแล้ว เรากำลังขายแผนการเรื่องอนาคตของสโมสรให้นักเตะได้ทราบ ผมไม่รู้ว่ามันใกล้เคียงแค่ไหน แต่เราเข้าใจว่ามันมีความเป็นไปได้สูงมากที่ กาก้า จะย้ายมา แมนเชสเตอร์ ซิตี้'
ตามรายงานตอนนั้นลือกันให้แซ่ดว่าทาง
เอซี มิลาน กับ
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้บรรลุข้อตกลงกันแล้วในตัวเลข 112 ล้านยูโรซึ่งเป็นค่าตัวของ
กาก้า ไม่ต้องงงครับ เพราะตอนนั้น
'เรือใบสีฟ้า' ได้สถาปนาตัวเองเป็นสโมสรระดับอภิมหาเศรษฐีแล้วจากการเข้ามาเทคโอเวอร์ของท่าน ชีค มานซูร์ แต่ท้ายที่สุด
กาก้า ดันตัดสินใจเลือกอยู่ค้าแข้งใน อิตาลี ต่อไป ก่อนที่อีก 6 เดือนต่อมาจะย้ายไปค้าแข้งใน ลา ลีกา สเปน กับ
เรอัล มาดริด โดยให้เหตุผลว่า...
"การเจรจามีความคืบหน้ามากๆ และมันเหลือเพียงลงลายเซ็นของผมเท่านั้น มันมาถึงจุดที่ตัวเลขและรายละเอียดทุกอย่างลงตัว ค่าเหนื่อยที่ผมได้นั้นมันมากกว่าที่ มิลาน เสียอีก แต่ผมว่ามันไม่ใช่เวลาที่เหมาะจะย้ายไป แมนฯ ซิตี้ และหลักๆ เลยก็คือความไม่แน่นอนในการสร้างทีมของพวกเขา ที่ยังอยู่ในช่วงเริ่มโปรเจ็กต์ใหม่ และผมได้รับการบอกกล่าวว่า ผมจะเป็นผู้เล่นบิ๊กเนมรายแรกที่ย้ายไปที่นั่นด้วย ดังนั้นผมเลยคิดว่าการอยู่กับ มิลาน ต่อไปมันปลอดภัยกว่า"
เวย์น รูนี่ย์
ถึงแม้
เวย์น รูนี่ย์ จะได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในตำนานยอดดาวยิงผู้ยิ่งใหญ่ของ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ก็มีวูบหนึ่งที่พี่แกเกือบตัดสินใจย้ายออกจากรั้ว โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เพื่อย้ายไปปักหลักกับทีมคู่อริร่วมเมืองอย่าง
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวมันเกิดขึ้นในปี 2010 จู่ๆ
เวย์น รูนี่ย์ ก็มาแจ้งกับทาง
'ปีศาจแดง' ว่าพี่แกไม่อยากต่อสัญญาใหม่ และก็ไม่ค่อยปลื้มด้วยที่สโมสรเซ็นสัญญานักเตะระดับท็อปมาร่วมทีมไม่ได้เลย เล่นทำเอาแฟนบอลหัวร้อนกันเป็นแถวเลยทีเดียว
ผิดกับทาง
'เรือใบสีฟ้า' ที่มูลค่าทางการตลาดสูงขึ้นเรื่อยๆ หลังกลายเป็นทีมเงินถัง และสามารถกระชากนักเตะดังๆ มาร่วมทีมได้ตั้งมากมายซึ่งหนึ่งในนั้นคือ คาร์ลอส เตเวซ อดีตคู่หูกองหน้าของ
รูนี่ย์ ด้วย แต่ท้ายที่สุดพี่แกก็กลับใจเลือกที่จะอยู่กับ
แมนฯ ยูไนเต็ด ต่อไป พร้อมกับได้สัญญาใหม่และค่าเหนื่อยที่สูงปรี๊ดถึง 250,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์
อเล็กซิส ซานเชซ
ช่วงที่
อเล็กซิส ซานเชซ แบะท่าว่าอาจไม่อยู่กับ อาร์เซน่อล อีกต่อไป เพราะต้องการความท้าทายใหม่ๆ มันทำให้พี่แกมีข่าวลือพัวพันกับทีมใหญ่มากมายซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลายคนเชียร์ให้มันเกิดขึ้นนะ เพราะทั้ง
อเล็กซิส และ
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็เคยร่วมงานกันมาก่อนที่
บาร์เซโลน่า และก็มีผลงานที่น่าประทับใจด้วย อย่างไรก็ตามสุดท้าย
'เรือใบสีฟ้า' ก็ต้องปราชัยต่อ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ได้ตัวดาวเตะทีมชาติชิลีไปครองแทน แต่อย่างที่โบราณเขาพูดกันไว้ว่า
'หัวเราะทีหลังดังกว่า' เพราะว่า
อเล็กซิส ซานเชซ นั้นล้มเหลวแบบไม่เป็นท่าเลยกับชีวิตที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ปรับตัวก็ไม่ได้ เล่นก็ไม่เข้ากับเพื่อนร่วมทีม รวมถึงแท็คติกของกุนซือจนโดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเพราะพี่แกดันทะลึ่งรับค่าเหนื่อยที่มหาศาลถึง 400,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์เลยทีเดียว
เฟอร์จิล ฟาน ไดค์
ปัจจบัน
เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ได้รับการยกย่องว่าเป็นกองหลังที่ดีที่สุดในโลกลูกหนังจากโปรไฟล์ที่สร้างขึ้นมากับ
ลิเวอร์พูล ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่จริงๆ ก่อนหน้านั้น
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็เคยเกือบได้ตัว ฟาน ไดค์ จาก เซาธ์แฮมป์ตัน มาร่วมทีม หลัง
ลิเวอร์พูล ต้องแห้วไปตอนซัมเมอร์ปี 2017 หลังโดนจับได้ว่าแอบเจรจากับนักเตะแบบผิดกฏซึ่งตามรายงานตอนนั้นระบุไว้ว่าคัาตัวแค่ 60 ล้านปอนด์เอง แต่สุดท้ายตัวปราการหลังชาวดัตช์ก็เลือกย้ายไปสวมยูนิฟอร์มของ
'หงส์แดง' อยู่ดีในช่วงต้นปี 2018 ด้วยค่าตัว 75 ล้านปอนด์ ส่วน
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็หันไปเอาตัว
อายเมอริค ลาปอร์กต์ มาจาก
แอธเลติก บิลเบา แทนซึ่งก็ถือว่านักเตะระดับของโคตรดีไม่แพ้กัน
ที่มา : Manchestereveningnews
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทางไลน์ขอบสนาม