logo-heading

จากการแพร่ระบาดของเชื่อไวรัส โควิด-19 คงทำให้แฟนบอลรู้สึกคิดถึงเกมการแข่งขันลูกหนังไม่ใช่น้อยเลย แต่แถวๆ บ้านเราตอนนี้กำลังจะมีลีกกลับมาทำการแข่งขันกันแล้วนั่นก็คือ เค-ลีก ของ เกาหลีใต้

เชื่อว่าแฟนๆ คงคิดถึงบรรยากาศการชมเกมแบบ 90 นาทีเต็มแก่แล้วในช่วงวิกฤต โควิด-19 แบบนี้ ดังนั้นวันนี้สิ่งที่ "ขอบสนาม" จะนำเสนอก็คือ "5 สิ่งน่ารู้เกี่ยวกับ เค-ลีก เกาหลีใต้ ที่จะกำลังจะกลับมาโม่แข่งกันในเร็วๆ นี้"

การป้องกัน โควิด-19 ?

การแข่งขันใน เค-ลีก ของ เกาหลีใต้ ไม่ได้ถูกระงับหรือเลื่อนไปชั่วคราวเหมือนลีกยุโรป ณ ตอนนี้ เพราะฤดูกาล 2019 ของพวกเขาปิดฉากไปตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคมแล้ว ไม่ต่างจาก ไทย ลีก บ้านเราเท่าไหร่ แต่ด้วยการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ที่บ้านเขาลุกลามเร็วกว่าบ้านเราก็เลยทำให้กำหนดการเดิมที่มิคิวเปิดสนามซีซั่น 2020 ช่วงเดือนมีนาคมต้องเลื่อนออกไปเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามถ้าตัดภาพกลับมาที่ปัจจุบันสถานการณ์ต่างๆ ดูดีขึ้นเยอะกว่าแต่ก่อนมากจนตอนนี้ประเทศเกาหลีใต้ได้หายไปจากชาร์ต Top 20 ของประเทศที่สุ่มเสี่ยงแล้ว ตอนนี้ทาง เค-ลีก ของ เกาหลีใต้ มีคิวเปิดสนามฤดูกาล 2020 ในวันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม นี้ และถ้าคุณจะถามถึงเรื่องความปลอดภัยและการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ? เราก็ตอบให้ว่าตอนนี้พวกเขาก็มีมาตรการเดียวกับหลายๆ ลีก คือต้องเตะแบบสนามปิดห้ามแฟนบอลเข้าชมเกมในสนาม และก่อนที่จะมีการวางคิวการแข่งขันทั้งเจ้าหน้าที่, ทีมงานสตาฟฟ์ และตัวนักเตะของทุกๆ ทีมได้มีการตรวจหาเชื้อ โควิด-19 อีกรอบนึงแล้ว ผลปรากฏว่าทุกๆ คน ผลตรวจออกมาเป็นลบกันทั้งหมด >>> ซน โพสต์ขอความร่วมมือชาวเกาหลีใต้อย่าเดินทางไปดูเขาฝึกทหาร

รับชมได้ทางไหน ?

เรื่องของการถ่ายทอดสดฟุตบอล เค-ลีก ของ เกาหลีใต้ พวกเขาได้ทำสัญญาลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดกับ Dugout, 433 และ Copa90 โดยที่ประเทศ จีน, ฮ่องกง และ โครเอเชีย ก็มีลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดนี้ด้วย ขณะที่สื่ออย่าง SportsPro ได้รายงานว่าตอนนี้ทาง สหรัฐอเมริกา, ฝรั่งเศส, เยอรมัน และ อิตาลี กำลังอยู่ในช่วงเจรจาซื้อลิขสิทธิ์ดังกล่าวด้วย

ทีมที่น่าจับตามอง

ชุนบุค ฮุนได มอเตอร์ส เป็นทีมที่ประสบความสำเร็จในสังเวียน เค-ลีก มากที่สุดช่วงทศวรรษนี้ เพราะพวกเขาสามารถเถลิงบัลลังก์แชมป์ลีกได้ 5 จาก 6 ฤดูกาลหลังสุด โดยคนที่เป็นกุนซือคุมอยู่ตอนนี้ก็คือ โชเซ่ โมไรส์ อดีตผู้ช่วยของ โชเซ่ มูรินโญ่ วัย 54 ปีที่ทำงานด้วยกันมาตั้งแต่ เรอัล มาดริด, อินเตอร์ มิลาน และ เชลซี ถึงแม้ ชุนบุค จะโดดเด่นในช่วงหลังๆ แต่ปีก่อนพวกเขาไม่สามารถคว้าแชมป์ได้เพราะเสียท่าให้กับ อุลซาน ฮุนได ที่ได้ชูถ้วยแชม์จากการมีแต้มนำพวกเขาอยู่แค่ 1 คะแนนเท่านั้น แต่ถ้าเกิดคุณมีความเป็น ฮิปสเตอร์ เยอะหน่อยบางทีคุณอาจจะชอบสโมสร ซังจู ซังมู ก็เป็นได้ เพราะนี่คือทีมที่ขึ้นๆ ลงๆ อยู่ในระหว่าง เค-ลีก 1 กับ เค-ลีก 2 อยู่เป็นประจำ เพราะพวกเขาไม่ได้ถูกบริหารด้วยองค์กรที่เป็นบริษัท แต่เป็นเพียงทีมของกองทัพที่ไว้รองรับนักฟุตบอลที่ต้องเข้ามาเป็นทหารเมื่ออายุถึงเกณฑ์ซึ่งในแต่ละปีนักเตะที่อายุไม่เกิน 28 ปีจำนวน 15 คนจะถูกคัดเลือกเข้ามาที่นี่ รวมไปถึงอีก 15 คนที่จะถูกปลดประจำการ โดยไม่มีนักเตะต่างชาติในทีมแม้แต่คนเดียว ดังนั้นมันจึงไม่แปลกที่พวกเขาจะไม่สามารถรักษามาตรฐานของทีมไว้ได้ แต่ท้ายที่สุดแล้วคุณจะชอบใครเชียร์ใครมันก็แล้วแต่คุณ เพราะความชอบของคนเรามันไม่เหมือนกัน

แข้งที่น่าจับตามอง

ในสังเวียน เค-ลีก เกาหลีใต้ คนที่เราพอรู้จักและคุ้นๆ ชื่อก็จะมี ลี ชุง-ยัง อดีตนักเตะของ โบลตัน วันเดอเรอร์ส และ คริสตัล พาเลซ พี่แกเพิ่งเซ็นสัญญากับ อุลซาน ฮุนได ไปเมื่อไม่นานมานี้ ดูแล้วน่าได้ประเดิมเกมแรกในวันเจอ ซังจู ซังมู วันเสาร์นี้ นอกจากนี้ยังมี โช ฮยุน-วู ตัวของ ทีมชาติเกาหลีใต้ ที่โชว์ช็อตเซฟสำคัญๆ ไว้มากมายในศึก ฟุตบอลโลก 2018 ปัจจุบันก็เฝ้าเสาอยู่กับ อุลซาน ฮุนได นี่แหละ ถ้าเป็นผู้เล่นต่างชาติก็จะมี อดัม แท็กการ์ท กองหน้าวัย 26 ปี ทีมชาติออสเตรเลีย ของ ซูวอน บลูวิงส์ ซึ่งในอดีตพี่แกเคยเป็นนักเตะของ ฟูแล่ม มาก่อนช่วงปี 2014-16 ถึงแม้ชื่อเสียงของเขาอาจจะไม่ติดหูแฟนๆ ลูกหนังเท่าไหร่ แต่ผลงานเมื่อปีก่อนจัดว่าแจ่มสุดๆ เลยจากการซัดไป 21 ประตูจากกลงเล่นให้ต้นสังกัด 40 เกม

รูปแบบของลีกและการเปลี่ยนโฉมใหม่

เดิมที เค-ลีก ของ เกาหลีใต้ นั้นในลีกสูงสุดจะมีทั้งหมด 12 ทีม และแต่ละทีมนั้นจะได้เจอหน้ากัน 3 ครั้งในช่วงฤดูกาลปกติ เท่ากับจะเตะกันทีมละ 33 นัด ก่อนจะแบ่งเป็นการแข่งแบบ Championship Round หรือ รอบชิงแชมป์กันต่อ และ Relegation Round หรือ รอบลุ้นหนีตายกันต่อ แต่เนื่องด้วยการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ทางลีกเลยไปปรับโฉมมาใหม่โดยแต่ละทีมจะได้เจอกันแค่ 2 ครั้งเท่านั้น เท่ากับว่าแต่ละทีมจะแข่งกันทั้งหมด 22 นัดเท่านั้นในฤดูกาลปกติ 2 ทีมที่จบ 2 อันดับสุดท้ายจะต้องตกชั้นไป ส่วน 2 ทีมที่จบอันดับ 1-2 ของตารางจะได้สิทธิ์ไปเล่นฟุตบอล เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ส่วนทีมที่จบเป็นอันดับ3 จะได้สิทธิ์ไปเล่น เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบเพลย์ออฟ

HaMu Dos Santos (หมู ขอบสนาม)

ที่มา : 90min ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทางไลน์ขอบสนาม
logoline