logo-heading

หลังจากที่ บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีประเทศอังกฤษ ได้ประกาศชัดเจนว่าให้กีฬาที่ต้องมีการถ่ายทอดสด กลับมาแข่งขันได้อีกครั้ง นับตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. เป็นต้นไป แบบปิดสนาม ซึ่งก็เท่ากับว่า พรีเมียร์ลีก แดน "ผู้ดี" สามารถกลับมาแข่งขันได้ตามโปรเจ็คท์ "รีสตาร์ท" ที่วางโครงสร้างเอาไว้ เพื่อป้องกันอย่างเต็มที่จากโรค "โควิด-19"

แต่กระนั้นยังมีอีกหลายประเด็นให้ติดตาม เพราะวันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ทาง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้ประชุมผ่านทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับทั้ง 20 สโมสร ซึ่งวาระสำคัญที่หลายคนสงสัยก็ชัดเจนแจ่มแจ้งมากขึ้น แต่ตลอด 4 ชั่วโมง ก็ยังมีเรื่องที่หาบทสรุปไม่ได้ ฉะนั้นลองดูกันว่า 5 ประเด็นสำคัญที่ได้หารือกันนั้น มีอะไรน่าสนใจบ้าง

- ไม่มีโมฆะ

ใครที่เป็นสาวก โมฆะ เอฟซี ให้ลืมเรื่องราวนี้ไปได้เลย โดยเฉพาะพวกกลุ่มโซนหนีตกชั้น ที่ไม่อยากไปเริ่มต้นใหม่ในศึก เดอะ แชมเปี้ยน ชิพ เพราะทาง พรีเมียร์ลีก ได้ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า ไม่มีโมฆะ หรือ ยกเลิก ฤดูกาล 2019-20 หากสถานการณ์มันย่ำแย่จนแข่งต่อไม่ได้จริงๆ จะมีการตัดจบนับคะแนนเฉลี่ย แบบ ลีก เอิง ฝรั่งเศส ฉะนั้นไม่ว่า พรีเมียร์ลีก อังกฤษ จะแข่งขันจบหรือไม่ จะต้องมีทีมได้แชมป์, โควต้าไปเล่นเกมยุโรป และ ทีมตกชั้น อย่างแน่นอน โดยหากต้องตัดจบกลางทาง จะใช้สูตรนำ "คะแนนเฉลี่ยต่อเกม" เท่ากับว่าบรรดาทีมที่มีโอกาสตกชั้น และ พยายามคัดค้านไม่ให้ซีซั่นกลับมาเตะ ก็ต้องโหวตให้ฤดูกาลนี้กลับมาฟาดแข้งอีกครั้ง เพราะเป็นหนทางเดียวในการอยู่รอด

- สัญญานักเตะ

เป็นที่ทราบกันดีว่า 30 มิถุนายน คือวันที่นักเตะหมดสัญญา ต้องแยกทางกับสโมสร แต่ในเมื่อ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยังต้องเลื่อนออกไปแบบไม่มีกำหนด ทำให้อาจเกิดความได้เปรียบเสียเปรียบเกิดขึ้น เพราะดูแล้วการแข่งขันที่เหลืออีก 9 นัด น่าจะยาวไปถึงเดือนกรกฎาคม กว่าจะจบฤดูกาล ฉะนั้นทาง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เลยออกกฎใหม่แบบชั่วคราว โดยให้ผู้เล่นสามารถขยายสัญญาได้นานกว่าวันที่ 30 มิถุนายน ไปจนกระทั่งเตะจบซีซั่น แต่กระนั้นก็ต้องมีข้อแม้อยู่ว่า "จะต้องได้รับการยินยอมจากทั้ง 2 ฝ่าย" นั่นคือทั้งสโมสรและตัวนักเตะ แต่ถ้าเป็นสัญญายืมตัว ก็ต้องหาข้อตกลงกับสโมสรที่แท้จริงให้ได้ เรียกว่าต้องยินยอมทั้ง 3 ฝ่าย ซึ่งหากไม่สามารถตกลงกันได้ ก็มีอันต้องแยกทาง ตามเงื่อนไขที่เซ็นกันเอาไว้ โดยกรณีนี้เพิ่งจะมีข่าวว่า เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว พร้อมดึงตัว โอเดี้ยน อิกาโล่ กองหน้าตัวเช่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับไปค้าแข้งนัดออกสตาร์ทฤดูกาล ไชนิส ซูเปอร์ ลีก ช่วงกรกฎาคม

ติดตามคอนเทนต์ดีๆจากทางขอบสนาม ผ่านไลน์แอด ส่งตรงถึงหน้าจอ

- คัดค้านเตะสนามกลาง

หนึ่งในมาตรการที่ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ร่างเอาไว้เพื่อป้องกันจากโรค "โควิด-19" ที่กำลังระบาดไปทั่วโลก นั่นก็คือต้องการให้แข่งขันกันที่ "สนามกลาง" เพื่อสะดวกในการเดินทาง และ รักษาความปลอดภัย โดยสังเวียนที่ถูกเลือกคือ สนามเวมบลีย์ และ รอเพียงแค่รัฐบาลอนุมัติเท่านั้น อย่างไรก็ตาม จากการประชุมเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ปรากฎว่ามีมากกว่า 12 สโมสร ที่คัดค้านไม่เห็นด้วยกับการเตะสนามกลาง กับอีก 92 แมตช์เดย์ ที่เหลืออยู่ เนื่องจากต่างฝ่ายก็ต้องการกลับไปฟาดแข้งในสังเวียนรังเหย้าของตัวเอง มันมีข้อได้เปรียบทั้งสภาพแวดล้อม และ ความคุ้นเคย โดยตลอด 4 ชั่วโมง ก็ถกกันถึงปัญหาจากประเด็นนี้ ว่ากันว่า พรีเมียร์ลีก จะส่งจดหมายถึงรัฐบาล พิจารณาประเด็นไม่เตะสนามกลาง โดยให้แต่ละสโมสรได้เล่นในถิ่นของตัวเอง ตามมติการได้ประชุมกับทั้ง 20 สโมสร ส่วนมาตรการเรื่องความปลอดภัย และ การเดินทาง จะมีการประชุมกันอีกครั้งในช่วงสัปดาห์หน้า

- เตะแบบปิดสนาม

เป็นที่ชัดเจนแล้ว ถ้าการแข่งขัน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กลับมารีสตาร์ท จะไม่มีแฟนบอลเข้ามาชมเกมที่สนามแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ ตามคำแถลงการณ์ของ บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่เชื้อโรค แถลงการณ์จากรัฐบาลประเทศอังกฤษ (คลิกอ่าน) คำสั่งที่ห้ามแฟนบอลเข้าชมเกมที่สนาม จะบัญญัติไว้ไปจนกว่า "จะมีคำสั่งในภายหลัง" ซึ่งก็จะขึ้นอยู่กับ "จำนวนผู้ติดเชื้อจะลดลงไปหรือไม่" และ จนกว่าจะมีวัคซีนที่ไว้ใช้รักษาโรค "โควิด-19"

- ยังหาวันกลับมาแข่งขันที่แน่นอนไม่ได้

โปรเจ็คท์ "รีสตาร์ท" ได้วางกำหนดเอาไว้อยากให้ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กลับมาแข่งขันให้ทันวันที่ 12 มิถุนายน นี้ แต่กระนั้นก็ยังไม่มีการระบุว่าวันใดถึงจะกลับมาซ้อมได้ เพราะต่อให้ผู้เล่นส่วนใหญ่พร้อมจะกลับมาทำงานอันเป็นที่รัก และ อยากลงสนามอีกครั้ง แต่ก็ยังมีนักเตะที่กังวลเกี่ยวกับมาตรการป้องกัน ซึ่งทาง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ จะเป็นฝ่ายไปหารือกับเหล่านักเตะ และ ผู้จัดการทีม ถึงโปรแกรมที่จะกลับมาฝึกซ้อมเป็นกลุ่มใหญ่อีกครั้ง โดยทางฝ่ายจัดการแข่งขันได้ส่งมาตรการไปถึงรัฐบาล และ กระทรวงสาธารณสุขเรียบร้อย เพื่อรอให้อนุมัติ ซึ่งเรื่องที่ พรีเมียร์ลีก ร่างจดหมายไปหารัฐบาล ก็เกี่ยวกับมาตรการตรวจหาเชื้อ "โควิด-19" จากทั้งนักเตะ และ สตาฟฟ์โค้ช พร้อมกับให้รักษาความสะอาดทางสถาพแวดล้อมทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เพื่อป้องกันทุกคนที่จะมาอยู่ร่วมกันในศูนย์ฝึกตลอดเวลา พรีเมียร์ลีก กลับมาเตะจะมีกฎใหม่เปลี่ยนตัวได้ 5 คน (คลิกอ่าน)
logoline