logo-heading

ผ่านพ้นไปแล้ว 3 นัดของศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน ภายหลังต้องหยุดการแข่งขันไปร่วม 2 เดือน จากเหตุการณ์การแพร่ระบาดอย่างหนักของเชื้อไวรัสร้าย โควิด-19 ซึ่งศึกบุนเดสลีกา ถือว่าเป็นลีกฟุตบอลชั้นนำของยุโรปลีกแรกที่ได้รับการอนุมัติให้กลับมาลงสนามหวดแข้งกันอีกครั้ง

แต่ทว่าท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่ปกติก็ต้องมีมาตรการต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส ซึ่งแฟนบอลที่ได้ชมผ่านหน้าจอโทรทัศน์คงได้เห็นกันไปแล้วว่ามีอะไรกันบ้างไม่ว่าจะเป็น ซุ้มม้านั่งสำรองนักเตะแต่ละคนจะต้องนั่งห่างกันอย่างน้อย 2 เมตร และต้องสวมแมสปิดปากเอาไว้ด้วย, นักเตะในสนามห้ามแสดงความดีใจด้วยการแตะต้องตัว หรือจูบกัน แต่ให้ใช้วิธีการดีใจด้วยการอนุโลมให้ใช้ข้อศอกชนกัน หรือกำหมัดมาชนกันแบบสไตล์เท่ๆ  หรือที่ดูจะแปลกใหม่ไปเลยก็คือบรรยากาศในสนามที่ห้ามไม่ให้แฟนบอลเข้าไปชมสนามได้เหมือนสถานการณ์ปกติ ซึ่งตรงนี้ได้มีมาตรการออกมาว่าในแต่ละเกมในสนามจะมีบุคลากรได้ไม่เกิน 300 คน ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬา, สต๊าฟฟ์ หรือทีมงานถ่ายทดสด ก็ห้ามเกินจำนวนดังกล่าว Bayern ซึ่งด้วยมาตรการนี้มันทำให้อัศจรรย์กองเชียร์ที่ปกติจะเต็มไปด้วยแฟนบอลแน่นเอี๊ยดแทบจะทุกเก้าอี้ กลับโล่งอย่างไม่คุ้นตา และแน่นอนว่ามันดูเหมือนจะส่งผลกระทบต่อการลงเล่นเป็นเจ้าบ้านไม่ใช่น้อย ก่อนอื่นขอย้อนกลับไปที่เรื่องของแฟนบอลในศึกบุนเดสลีกากันนิดหน่อย ซึ่งจากตัวเลขสถิติที่ออกมานั้นมันบ่งบอกได้ชัดเจนว่าแฟนบอลของลีกนี้นั้นมีค่าเฉลี่ยเข้าไปชมเกมในสนามมากที่สุดในโลก โดยอ้างอิงจากสถิติที่ว่าในช่วงซีซั่น 2019-20 ก่อนที่ฟุตบอลจะหยุดเตะ มีทีมในบุนเดสลีกาถึง 11 ทีม ที่มีค่าเฉลี่ยแฟนบอลเข้าสนามเกิน 40,000 คน ซึ่งเชื่อว่าจากสถิติที่กล่าวมาคงไม่มีใครกล้าเถียงเพราะไม่ว่าทีมที่ลงสนามจะเล็กหรือใหญ่เมื่อสอดสายตาไปก็จะเจอบุคคลเหล่านั้นเต็มอัศจรรย์ทุกครั้งไป เหตุผลสำคัญที่ทำให้แฟนบอลของลีกนี้นั้นแน่นเหนียวส่วนสำคัญก็มาจากรากฐานแฟนบอลท้องถิ่น และราคาค่าตั๋วที่ไม่แพงแฟนบอลระดับรากหญ้าสามารถจับต้องได้ นอกจากนั้นการใส่ใจของแต่ละสโมสรที่ดูแลแฟนบอลเหล่านั้นเหมือนญาตสนิท รวมๆ แล้วมันจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการขาดหายไปของแฟนบอลบนอัศจรรย์จึงส่งผลต่อกำลังของนักฟุตบอล โดยนับจนมาถึงตรงนี้นับตั้งแต่ศึกบุนเดสลีกาคัมแบ็คกลับมาลงสนามนับตั้งแต่ช่วง โควิด-19 ทั้งหมด 27 นัด ตัวเลขออกมาเจ้าบ้านเก็บชัยชนะได้เพียง 5 นัดเท่านั้น และพ่ายคาบ้านไปมากถึง 12 นัด ส่วนอีก 10 นัด ออกมาด้วยผลเสมอ โอเคละครับว่าการลงเล่นในบ้านของตัวเองมันมักคุ้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่กำลังใจจากข้างสนามมันมีส่วนช่วยเกินกว่าครึ่งนึง อย่างน้อยมันก็เรื่องของกำลังใจ มันเหมือนพลังแฝงที่พอนักฟุตบอลแหงนหน้าขึ้นไปบนอัศจรรย์ก็เหมือนเติมเชื้อเพลิงเหล่านั้นเข้าสู่ร่างกาย ให้สับตีนวิ่งไปข้างหน้าเพื่อไล่ล่าประตูกันต่อไป ซึ่งกำลังใจจุดนี้มันเหมือนกันไม่ว่าคุณจะลงสนามให้สโมสรใหญ่ หรือเล็กมากเพียงใด แทบไม่ต่างกัน นอกจากนั้นการไร้ซึ่งเสียงเชียร์ยังเหมือนการที่ผู้มาเยือนไร้ความกดดันลงไปมากกว่าครึ่ง ยกตัวอย่างสนาม ซิกนัล อิดูน่า พาร์ค ของ ดอร์ทมุนด์ ในสถานการณ์ที่มี Yellow Wall อยู่หลังประตูค่อยตะโกนเปร่งเสียงเชียร์กดดันผู้มาเยือน มันเหมือนกดแข้งทีมเยือนให้ลงไปแข่งกับผู้เล่นที่มากกว่า 11 คนในสนาม Yellow Wall ซึ่งถึงแม้จะมีวิธแก้เหงาต่างๆ ของเหล่าสโมสรไม่ว่าจะเอาคัดเอาท์แฟนบอลมาตั้งให้ทั่วสนามเหมือน กลัดบัค หรือเอาเสื้อแข้งมาคุมเก้าอี้ให้บรรยากาศแฟนบอลอย่าง เอฟซี โคโลญจน์ มันก็ไม่ได้ช่วยในเรื่องของกำลังใจเสียเท่าไหร่ หรือว่าไอเดียที่เปิดเสียงเชียร์ในสนามมันก็โอเคอยู่ละลดความเหงาที่ได้ยินเพียงเสียงโค้ชตะโกน หรือเสียงโวยวายของผู้เล่น ไปได้บ้าง แต่อย่างลืมว่าฟิวลิ่ง หรือความเหมือนมันไม่ใช่เลยกับสถานการณ์จริง เพราะฉะนั้นแล้วใครที่คิดว่าการลงสนามไปเล่นแบบไร้ซึ่งเสียเชียร์มันไม่ส่งผลต่อสภาพจิตใจ เพราะอย่างน้อยทุกคนต้องการกำลังใจในการทำบางสิ่งบางอย่าง ไม่ต้องยกตัวอย่างให้ไกลตัวเลยครับสมัยเราเป็นนักเรียนการลงไปเตะบอลกีฬาสี และมีเพื่อนมาส่งเสียงเชียร์มันก็ปลื้มใจแล้ว  แต่นี้มันเป็นขั้นกว่าของเราอีก แน่นอนว่ามันไม่อาจเป็นจุดตัดสินผลการแข่งขันของเกมได้ แต่อย่างน้อยมันคือเสน่ห์ และเชื้อเพลิงต่อใจชั้นยอดในการฟันผ่าอุปสรรค์ข้างหน้าของเหล่านักฟุตบอลทั้งหลาย

PAOLINHO (เปา ขอบสนาม)

ติดตามไลน์ขอบสนามเพิ่มเติม เพิ่มเพื่อน
logoline