logo-heading

กลับมาลงสนามกันอีกครั้งแล้วสำหรับศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ภายหลังต้องหายหน้าหายตาไปร่วมๆ 3 เดือน จากพิษการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19

ซึ่งการกลับมาเพียง 2 นัดแรก ก็มีประเด็นมากมายให้พูดถึงสมกับเป็นลีกที่แฟนบอลรอคอย ว่าแล้ว ขอบสนาม ของเราเลยจะจับ 5 ประเด็นเด็ดๆ จากเกมเมื่อค่ำคืนมาฝากแฟนบอลทุกท่านกัน จะมีเรื่องไหนบ้าง ไปรับชมกันได้เลย ...

โกลไลน์ ทำพิษ

กลับมารีสตาร์ทประเดิมเกมแรกก็เกิดปัญหาให้ถกเถียงกันอย่างรวดเร็วเลยสำหรับศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นั้นก็คือเรื่องของเทคโนโลยี โกลไลน์ ซึ่งที่ผ่านมามันก็ทำหน้าที่ได้อย่างเที่ยงตรงมาโดยตลอดในการเช็คว่าบอลได้ข้ามเส้นไปทั้งใบหรือยัง และควรเป็นประตูหรือไม่ แต่ทว่าในเกมคู่ระหว่าง แอสตัน วิลล่า เปิดบ้านพบ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ดันเกิดปัญหาสำคัญขึ้น เพราะในช่วงนาทีที่ 42 ทางฝั่ง เชฟฟิลด์ ได้ฟรีคิกและเป็น โอลิเวอร์ นอร์วู้ด เปิดบอลเข้าไปที่เสาไกล ก่อนที่นายทวารเจ้าถิ่นอย่าง ออร์ยัน นีลันด์ จะรับบอลและตัวไถลเข้าไปในประตู แน่นอนนักบอลในสนามรู้ แฟนบอลรู้ ว่าบอลมันข้ามเส้นไปทั้งใบแล้ว และควรเป็นประตูของฝั่งผู้มาเยือน แต่ทว่านาฬิกาข้อมือของผู้ตัดสินอย่าง ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ ดันไม่มีแจ้งเตือนจาก โกลไลน์ นอกจากนั้นยังไม่มีการเช็ค VAR อีกด้วยทำให้ประเด็นถูกวิพากษ์วิจารณ์กันมากพอสมควร ซึ่งล่าสุดทางด้าน Hawk-Eye ผู้ดูแลเทคโนโลยีของ โกลไลน์ ได้ออกมาชี้แจ้งถึงสาเหตุที่มันไม่ทำงานว่า "กล้องเจ็ดตัวที่ตั้งอยู่พื้นที่รอบๆ ถูกบดบังจากผู้รักษาประตู และเสาประตู ที่ผ่านมาไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ตลอด 9,000 นัด ที่เทคโนโลยี Hawk-Eye Goal Line ได้ดำเนินการมา ระบบได้รับการทดลอง และพิสูจน์ก่อนเกมการแข่ง และยืนยันการาทำงานโดยเจ้าหน้าที่การแข่งขัน" "Hawk-Eye ขอโทษกับพรีเมียร์ลีก ที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นในเกมพรีเมียร์ลีก เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด และทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้" [caption id="attachment_118187" align="aligncenter" width="1280"] โกลไลน์ จังหวะความผิดพลาดของเทคโนโลยี 'โกลไลน์'[/caption]

ดาวิด ลุยซ์ คนพลิกเกม !

พลันที่รายชื่อ 11 ตัวจริงของ อาร์เซน่อล ถูกประกาศออกมามันปรากฎว่าชื่อของ ดาวิด ลุยซ์ ตกเป็นเพียงตัวสำรองท่ามกลางข่าวที่ว่าสโมสร กับตัวนักเตะยังไม่อาจเจรจาเรื่องสัญญาฉบับใหม่ได้อย่างลงตัว แต่ทว่าดูเหมือนฟ้าจะเป็นใจให้กับ ลุยซ์ เพราะเมื่อเกมดำเนินไปเพียง 24 ปาโบล มารี ดันได้รับอาการบาดเจ็บบริเวณกล้ามเนื้อหลังต้นขา ทำให้ มิเกล อาร์เตต้า ต้องขยับปรับเปลี่ยนด้วยการส่ง ดาวิด ลุยซ์ ลงสนามไปแทน ซึ่งนั้นเปรียบเสมือนจุดเปลี่ยนของทัพ "ไอ้ปืนใหญ่" อย่างแท้จริง เริ่มต้นด้วยการสกัดบอลผิดพลาดจากลูกโยนยาวของ เดวิด เดอ บรอยน์ ทำให้บอลทะลักไปเข้าทาง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง หลุดเข้าไปซัดเต็มข้อล่อเต็มแข้งใส่สกอร์ให้ฝั่งเจ้าถิ่นขึ้นนำ 1-0 ในช่วงท้ายครึ่งเวลาแรก นอกจากนั้นยังไม่พอเริ่มครึ่งหลังมาเพียง 4 นาที ลุยซ์ ก็สร้างเรื่องงามหน้าแบบต่อเนื่อง เพราะเจ้าตัวโดน ริยาร์ด มาห์เรซ สปีดฉีกหนีเจ้าตัวเข้าไปในกรอบเขตโทษ และด้วยความรวดเร็วของฝีเท้าทำให้ ลุยซ์ ต้องตัดสินใจดึงคู่แข่งล้มลงไปแบบดื้อๆ แน่นอนมันคือจุดโทษ และที่มากกว่านั้นคือเจ้าตัวถูกใบแดงไล่ออกจากสนามเป็นของแถม  "มันไม่ใช่ความผิดพลาดของทีม มันเป็นของผมคนเดียว, ผมคิดว่าทีมทำผลงานวันนี้ได้ดี โดยเฉพาะในตอนเหลือ 10 คน โค้ชเป็นคนที่มหัศจรรย์มาก นักเตะก็ทำได้อย่าได้อย่างยอดเยี่ยม มันเป็นความผิดของผมคนเดียว" ลุยซ์ กล่าวแบบยืดอกลูกผู้ชายว่านี่เป็นค่ำคืนที่ผิดพลาดของเขาอย่างแท้จริง

สเตอร์ลิ่ง โชว์

ถ้าเรื่องราวของ ดาวิด ลุยซ์ คือแข้งที่น่าผิดหวังที่สุดประจำค่ำคืน ฉะนั้นแล้วกับ สเตอร์ลิ่ง คงเป็นค่ำคืนที่เจ้าตัวโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม และเฉิดฉายไม่ใช่น้อย เพราะนอกจากจะสามารถทำประตูได้แล้ว ยังคอยใช้ความเร็วของฝีเท้าปั่นป่วนแนวรับของฝั่งผู้มาเยือนแทบตลอดทั้งเกม  นอกจากนั้นยังมีจังหวะจ่ายบอลสวยๆ อยู่หลายครั้ง แต่ที่ดูจะเป็นไฮไลท์คือจังหวะช่วงท้ายเกมที่เจ้าตัวแทงทะลุช่องอย่างยอดเยี่ยมให้กับ เซร์คิโอ อเกวโร่ ยิงประตูแต่ทว่าไปติดเซฟของ แบรนด์ เลนโน่ ก่อนที่ ฟิล โฟเด้น จะมาตามซ้ำเป็นประตูตอกฝาโลงเอาชยะทีมเยือนไปแล้วไม่ระบบเท้าเสียเท่าไหร่ [caption id="attachment_118188" align="aligncenter" width="1280"] Black lives matter Black lives matter ข้อความที่แสดงถึงการต่อต้านการเหยียดสีผิว[/caption]

Black lives matter

ถือว่าเป็นกระแสที่ถูกจับตามองกันทั่วโลกเกี่ยวกับกรณี จอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวดำ ที่เสียชีวิตจากการทำเกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้ประชาชนได้ออกมาแสดงจุดยืนในการต่อต้านการเหยียดสีผิว และสิทธิความเท่าเทียมกันของมนุษย์ทุกคน ซึ่งเรื่องนี้ทางพรีเมียร์ลีกได้ตระหนักถึงความสำคัญเลยอนุญาตให้เหล่าทีมในศึกพรีเมียร์ลีกสามารถสกรีนข้อความ Black lives matter หรือที่แปลว่า ชีวิตคนผิวดำก็มีความสำคัญ ไว้ด้านหลังของเสื้อที่จะสวมใส่ลงทำการแข่งขัน แทนที่ของชื่อนักเตะได้ ทำให้การรีสตาร์ทกลับมาเตะในครั้งนี้ใน 2 คู่เปิดหัวเราจะได้เห็นข้อความดังกล่าวบนแผ่นหลังของผู้เล่นทุกคน นอกจากนั้นก่อนเกมการแข่งขันก็ได้มีการทำสัญลักษณ์ลุกเข่าเพื่อแสดงถึงจุดยืนเรื่องการเหยียดผิวอีกด้วย

วิธีสร้างบรรยากาศของพรีเมียร์ลีก

อย่างที่เรารู้กันว่าการกลับมาแข่งขันในครั้งนี้ของศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ จะต้องปิดสนามแข่งไร้แฟนบอลในการเข้าสนามไปส่งเสียงเชียร์ ซึ่งเรื่องนี้ทางพรีเมียร์ลีกก็แก้ปัญหาด้วยการยิงตรงถ่ายทอดส่งให้แฟนบอลได้รับชมกันถึงบ้าน นอกจากนั้นยังมีแฟนบอลบางส่วนที่ได้รับสิทธิพิเศษในการได้ขึ้นจอที่สนามเฉกเช่นที่สังเวียน เฮติฮัด สเตเดี้ยม ที่เราจะเห็นจอด้านหลังประตู นอกจากนั้นในช่วงถ่ายทอดสดทางทีมงานก็ได้ใช้ลูกเล่นใส่ซาวด์เสียงเชียร์ลงไปเพื่อเพิ่มอรรถรสให้กับแฟนบอลที่ชมทางบ้าน ส่วนในสนามแต่ละทีมก็ต่างตกแต่งให้บรรยากาศมันดูไม่ร้างจนเกินไป เอาป้ายผ้านต่างๆ มาแขวนสร้างแรงฮึกเหิมให้กับนักฟุตบอลในสนามกันเสียหน่อย

- เปา ขอบสนาม -

ติดตามไลน์ขอบสนามเพิ่มเติม เพิ่มเพื่อน
logoline