logo-heading

ถ้าเราจะเอ่ยชื่อของ แดนนี่ เวลเบ็ค ออกมาเชื่อว่าแฟนบอลหลายคนต้องกระแทกเสียงหัวเราะผ่านลำคอออกมา มากกว่าการยืนขึ้นเพื่อตบมือให้กับนักฟุตบอลคนนี้ แน่นอนด้วยชื่อของเขาเรามักจะเห็นภาพล้อเลียนต่างๆ ตามสื่อโซเชียลเต็มไปหมด หรือถ้าวันใดเขาสามารถทำประตูได้ชื่อของ เวลเบ็ค แทบจะติดท็อปชาร์ตในโลกของลูกหนังเลยทีเดียว

ย้อนลับไปทุกคนรู้ว่า เวลเบ็ค คือผลผลิตจากศูนย์ฝึกลูกหนังเยาวชนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งตัวเขาก็สามารถพัฒนาฝีเท้าจนสามารถสอดแทรกขึ้นมายังทีมชุดใหญ่ของ "ปีศาจแดง" ได้ ซึ่งอย่างน้อยคุณภาพของ มันก็ได้รับการการันตีมาแล้วจากสายตาอันแหลมคมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่เป็นคนมอบโอกาสให้กับเด็กหนุ่มผู้นี้ในขณะนั้น ซึ่งด้วยวิถีของลูกหนัง บวกด้วยโอกาสที่อยากลงสนามที่มากขึ้นเขาเลยตัดสินใจย้ายข้ามฟากไปร่วมทัพ อาร์เซน่อล ด้วยค่าตัว 20 ล้านยูโร เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2014 พร้อมความหวังที่จะได้รับโอกาสลงสนามที่มากกว่าเดิม และโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมเพื่อโอกาสในการติดทีมชาติ และก้าวข้ามเสียงวิจารณ์ รวมไปถึงขีดความสามารถของตัวเอง แต่ทว่าสิ่งที่ เวลเบ็ค มีติดตัวอยู่ด้วยแทบจะตลอดเวลาคืออาการบาดเจ็บ ถ้าจะให้ย้อนกลับไปให้สีเสื้อ "ไอ้ปืนใหญ่" เจ้าตัวจะต้องได้รับบาดเจ็บอย่างน้อยๆ 1 ที่ และต้องพักรักษาตัวแทบตลอดทั้งฤดูกาล ไล่ตั้งแต่ขวบปีแรกพอได้รับโอกาสลงสนามมากหน่อย พอเข้าสู่ช่วงท้ายฤดูกาลก็มาเจ็บบริเวณสะบ้าพลาดการลงสนามในช่วงเดือนสุดท้ายของการแข่งขัน ซีซั่นต่อมาก็เหมือนเช่นเดิมแต่คราวนี้เจ็บบริเวณหัวเข่าซึ่งมันไล่มาตั้งแต่ช่วงเปิดซีซั่นเดือนสิงหาคม 2015 ลากยาวไปถึง กุมภาพันธ์ 2016  เวลเบ็ค ต่อมาฤดูกาล 2016-17 เจ้าตัวก็เริ่มต้นซีซั่นด้วยอาการบาดเจ็บอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เขามีปัญหาบริเวณกระดูกต้องพักยาวร่วมๆ 4 เดือน ก่อนกลับมาหวดลูกหนังได้อีกครั้ง ไปกันต่อที่ซีซั่น 2017-18 ซึ่งนี่กลายเป็นฤดูกาลที่ เวลเบ็ค ได้รับโอกาสลงสนามมากที่สุดคือ 43 นัด แต่ก็วายเพื่อนสนิทชิดเชื้ออย่างอาการบาดเจ็บยังคงตามหลอกหลอนคราวนี้เป็นบริเวณขาหนีบ แต่มันก็เป็นแค่เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ขยับมาที่ปีสุดท้ายกับทัพ "ไอ้ปืนใหญ่" ต้องบอกว่าเป็นการสั่งลาที่เจ็บปวดไม่น้อยเพราะไม่ได้ถือโอกาสกล่าวคำลากับแฟนบอลเลยสักนิดเดียว โดยเจ้าตัวเริ่มต้นฤดูกาลได้อย่างยอดเยี่ยมซึ่งในช่วง 11 นัดเกมลีกเขามีส่วนร่วมแทบจะทุกเกมก่อนที่ชีวิตจะมาพลิกผันในศึกยูโรปาลีกกับ สปอร์ติง ลิสบอน เพราะอาการบาดเจ็บบริเวณข้อเท้าทำให้ต้องพักยาวตั้งแต่นั้นจนกระทั่งจบฤดูกาล ซึ่งกับช่วงเวลาที่ผ่านมากับ อาร์เซน่อล เจ้าตัวอาจจะพบหน้าหมอ มากกว่าพื้นหญ้าในสนามแต่สิ่งหนึ่งที่เขามักจะแสดงออกมาอยู่เสมอคือความกระหาย และที่สำคัญคือในเรื่องของความสามารถ ซึ่งจุดนี้มันสามารถยืนยันได้จากคำพูดของ อาร์แซน เวนเกอร์ ที่เคยหล่นคำสัมภาษณ์ไว้ว่าต่อให้ไอ้หมอนี้มันจะกระดูกเปราะสักขนาดไหนก็ยังคงอยากมีไว้อยู่ในทีมเสมอ  "ผมอยากเก็บเขาไว้กับทีมต่อ เพาะผมเชื่อว่าเขาได้ผ่านช่วงเวลาที่ลำบากมาแล้ว เขาก็รับมือได้ดี ผมเห็นสัญญาณที่เขาแสดงออกมาเพราะการขยันซ้อม ผมชอบเขาเพราะเขาเล่นได้หลายตำแหน่งในแนวรุก เขาเป็นนักเตะสารพัดประโยชน์ แต่เหนืองสิ่งอื่นใดคือความสามารถของเขา" โดยการย้ายออกจากรัง "ไอ้ปืนใหญ่" เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมามันไม่ใช่การยอมแพ้ต่ออาการบาดเจ็บ หรือไม่สู้กับการเบียดแย่งพื้นที่ 11 ตัวจริง แต่มันคือการออกไปหาโอกาสใหม่ๆ พร้อมการความท้าทายที่เป็นบทพิสูจน์ และเพิ่มไฟในตัวให้กับตัวเอง 8 สิงหาคม 2019 แดนนี่ เวลเบ็ค เดินทางไปเปิดตัวกับ วัตฟอร์ด แบบไร้ค่าตัว พร้อมเซ็นสัญญายาว 3 ปีเต็ม ซึ่งตรงนี้ทางสโมสรได้ซื้อใจกับ เวลเบ็ค ไปแล้ว และเชื่อมั่นในศักยภาพของหัวหอกรายนี้ว่าจะเข้ามาเติมเต็ม และเป็นจิ๊กซอว์อีกหนึ่งชิ้นให้ทีมบินสูงขึ้นมากกว่าเดิม เวลเบ็ค แต่ดูเหมือนความฝันที่คิดไว้ กับความจริงที่ปรากฎจะสวนทางกันมากพอสมควร เวลเบ็ค ได้รับบาดเจ็บอีกครั้งบริเวณแฮมสตริงจากเกม สเปอร์ส ช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แน่นอนมันทำให้เขาต้องพักรักษาตัวนานอีกครั้ง และกินเวลาไปเกือบๆ 3 เดือน กว่าเขาจะกลับมาเรียกความฟิต และลงสนามได้อีกครั้งในเดือนมกราคม และสุดท้ายวันนี้ที่รอคอยสำหรับชายที่ชื่อ เวลเบ็ค ก็มาถึงการมีชื่อบนสกอร์บอร์ดในศึกพรีเมียร์ลีกอีกครั้งนับตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2018 หรือกว่า 2 ปี ที่เขาห่างหายการทำประตูไป และแน่นอนถ้าจะเป็นการยิงธรรมดามันคงจะง่ายดายเกินไปสำหรับบุคคลพิเศษที่ได้รับการกล่าวถึงเป็นประจำแบบเขา เจ้าตัวเลยเลือกที่จะใช้ท่าจักรยานอากาศในการประกาศให้โลกรับรู้ว่าเขากลับมาแล้ว กลับมาพร้อมประตู และความมั่นใจที่เปี่ยมล้น  "มันมีความหมายกับผมมาก และมีความหมายต่อทีมมากเช่นกัน มันเป็นสิ่งที่ทำให้เราอยู่ในเส้นทางในตอนนี้มันคือฟอร์มทั้งหมดของเรา แต่ผมก็พูดไม่ออกเลยจริงๆ หลังจากทำประตูได้" แน่นอนแหละครับนี้คืออีกหนึ่งบทพิสูจน์ชั้นเยี่ยมที่คอยบอกเล่าพวกเราว่าชายที่ชื่อ แดนนี่ เวลเบ็ค ต้องผ่านมรสุมชีวิตหลากหลายมากขนาดไหนโดยเฉพาะอาการบาดเจ็บที่เคลือบคลานไปแล้วเกือบทั่วทั้งร่างกาย แต่ทว่าสิ่งหนึ่งที่ยังคงสู้ต่อคือหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ ไม่ยอมแพ้ต่อร่างกาย ไม่ยอมแพ้ต่อเสียงวิจารณ์ และไม่ยอมแพ้ต่อคำดูถูกถากถาง และสามารถก้าวผ่านมายืนอยูู่ในจุดที่แฟนบอลควรยืนตบมือชื่นชมในความเด็ดเดี่ยวของเขา ซึ่งถ้าจะให้เปรียบเป็นหนังสักเรื่องมันคงดราม่าดึงน้ำตาได้ไม่น้อยจากความพยานามอันล้นเหลือของพระเอกผู้นี้ ... สุดท้ายเราไม่รู้หรอกว่าที่ผ่านมาคุณจะเคยหัวเราะเยาะเขามามากขนาดไหน แต่เชื่อว่าในวันนี้กับสิ่งที่ เวลเบ็ค กำลังทำอยู่มันอาจจะเปลี่ยนความคิดในหัวของใครบางคนไปได้บ้างไม่มากก็น้อย

- PAOLINHO (เปา ขอบสนาม) -

ติดตามไลน์ขอบสนามเพิ่มเติม เพิ่มเพื่อน
logoline