logo-heading

คนอกหักปี 2018!นอกจาก ความรัก แล้ว ฟุตบอล ก็สามารถสร้างความเจ็บปวดให้เราได้เหมือนกัน ศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 ประจำค่ำคืนที่ผ่านมา (11 เมษายน) เรอัล มาดริด ได้สร้างบาดแผลในใจให้กับ ยูเวนตุส ซ้ำเติมไปอีกต่อจากนัดชิงชนะเลิศเมื่อปี 2017

เมื่อพูดถึงความผิดหวังที่ ยูเวนตุส ร้อยทั้งร้อยชื่อของ จานลุยจิ บุุฟฟ่อน ผู้รักษาประตูจอมเก๋าวัย 40 ปีจะลอยขึ้นมาเป็นอันดับแรกแน่นอน ซึ่งตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา 17-18 ปี ถ้านับเฉพาะกับ ยูเวนตุส 'จีจี้' กอบโกยความสำเร็จมาทุกถ้วยทุกโทรฟี่แล้ว เหลือแค่เพียงถ้วยใบยักษ์ของยุโรปอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นี่แหละที่เขาไม่เคยได้สัมผัส ดังนั้นวันนี้ทาง "ขอบสนาม" จะพาทุกท่านไปย้อนรอยดูความผิดหวังของยอดนายทวาร บุฟฟ่อน ผู้นี้กันหน่อยว่าทำไมโชคชะตาของเขากับถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก มันถึงไม่สมหวังกันสักที ??? 1.ได้เล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งแรกกับ ยูเวนตุส ยูเวนตุส ขึ้นชื่ออยู่แล้วว่าเป็นยอดทีม พวกเขาลงทุนใช้เงินเป็นสถิติโลก 52 ล้านยูโรคว้าตัวผู้รักษาประตู จานลุยจิ บุฟฟ่อน มาร่วมทีมเมื่อปี 2001 จาก ปาร์ม่า และได้เฝ้าเสาในเวที แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดแรกวันที่ 18 กันยายน ซึ่งเป็นวันที่ ยูเวนตุส เอาชนะ กลาสโกว์ เซลติก 3-2 แต่ถึงกระนั้น "เบียงโคเนรี่" ก็ไปจอดป้ายเอาในรอบแบ่งกลุ่ม รอบ 2 2.ได้เข้าชิง แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรก บุฟฟ่อน ฉายแววได้ดีขึ้นกว่าปีแรกและถือเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยพา ยูเวนตุส คว้าแชมป์ เซเรีย อา ได้เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน และที่สำคัญในเวทีระดับ แชมเปี้ยนส์ ลีก ยูเวนตุส ก็ไปไกลถึงรอบชิงชนะเลิศ จากการปราบ 2 ทีมอภิมหาอำนาจใน สเปน อย่าง บาร์เซโลน่า และ เรอัล มาดริด โดยต้องมากำศึกกับคู่แข่งร่วมลีกอย่าง เอซี มิลาน อย่างไรก็ตามพวกเขาเป็นฝ่ายพ่ายไปในการดวลจุดโทษ 2-3 ซึ่งวันนั้น ดาบิด เทรเซเก้ต์, มาร์เซโล่ ซาลาเยต้า และ เปาโล มอนเตโร่ สังหารวืด 3.ถึงแม้จะผิดหวังแต่รางวัลส่วนบุคคลมาเต็ม บุฟฟ่อน ไม่สมหวังในการชูถ้วยแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ด้วยฟอร์มการเล่นในปีนั้นมันทำให้เขาได้รางวัล ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมของ เซเรีย อา สมัยที่ 4, ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมแห่งปีของ ยูฟ่า สมัยแรก, ติดทีมยอดเยี่ยมของ ยูฟ่า สมัยแรก, รางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าของ ยูฟ่า และที่สำคัญเขายังมีชื่อเข้าชิงรางวัล บัลลงดอร์ ด้วย ทว่าได้อันดับที่ 9 4.หายหน้าไปพักหนึ่งจากคดี "กัลโช่ โปลี" คดีที่สั่นสะเทือนวงการฟุตบอลอิตาลีในปี 2006 เมื่อถูกตรวจสอบพบว่ามีเครือข่ายล็อกผลการแข่งขัน โดยมี 5 ทีมที่มีเอี่ยวคือ ยูเวนตุส, เอซี มิลาน, ฟิออเรนติน่า, ลาซิโอ และ เรจจิน่า ซึ่งทาง "เบียงโคเนรี่" เจอโทษหนักสุดด้วยการริบแชมป์ เซเรีย อา ในปี 2005 และ 2006 และถูกสั่งปรับตกชั้นไปเล่นใน เซเรีย บี ทั้งที่ช่วงนั้น บุฟฟ่อน อยู่ในช่วงที่กำลังยิ่งเล่นยิ่งดี 5.ยูเวนตุส ใช้เวลาสร้างตัวใหม่อยู่หลายปี ถึงจะตกชั้นไปและกลับขึ้นมาได้ภายในระยะเวลา 1 ปี แต่ทว่า ยูเวนตุส ก็ต้องเสียกำลังสำคัญไปหลายคน แต่ในรายของ บุฟฟ่อน นั้นยังไม่ไปไหน ดังนั้นมันเลยส่งผลให้พวกเขากลับไปเล่นในเวที แชมเปี้ยนส์ ลีก ลำบาก ซึ่งนับตั้งแต่ช่วงปี 2007-11 ยูเวนตุส ได้เล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก แค่ครั้งเดียวเท่านั้นคือฤดูกาล 2008-09 แต่ก็ต้องแพ้ให้ เชลซี ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย 6.กลับมาอย่างยิ่งใหญ่พร้อมสถาปนาตัวเองเป็นเบอร์ 1  ยูเวนตุส กลับมาฟื้นคืนชีพอีกครั้งด้วยน้ำมือของ อันโตนิโอ คอนเต้ ที่เสกแชมป์ให้ ยูเวนตุส ในฤดูกาล 2011-12 พร้อมสถิติไร้พ่าย ขณะที่ บุฟฟ่อน ก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นนายมือทวารมือ 1 ของโลกในปีนั้น และจากนั้นก็ได้เป็นกัปตันทีมต่อจาก อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ ส่วนในเวทีระดับ แชมเปี้ยนส์ ลีก ยูเวนตุส กลับมาเป็นคู่แข่งตัวฉกาจของเหล่าทีมยักษ์ใหญ่ของยุโรปอีกครั้ง โดยในฤดูกาล 2012-13 พวกเขาไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ก่อนพลาดท่าให้ บาเยิร์น มิวนิค ทีช่วงนั้นกำลังเฟอร์เฟ็คสุดๆ 7.มีลุ้นถึง ทริปเปิ้ลแชมป์ เป็นปีที่ ยูเวนตุส ยังครองอำนาจโคตรทีมเบอร์ 1 ของ อิตาลี อย่างต่อเนื่อง และก็ไล่ทำลายสถิติและโกยแชมป์เป็นว่าเล่น ฤดูกาล 2014-15 พวกเขาคว้ามาได้ทั้ง เซเรีย อา และ โคปปา อิตาเลีย และมีลุ้นถึง ทริปเปิ้ลแชมป์ ในการเข้าไปชิงชัยกับ บาร์เซโลน่า ที่ก็มีลุ้น ทริปเปิ้ลแชมป์ เหมือนกัน และนั่นคือการผ่านเข้าสู่รอบชิง แชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งที่ 2 ของ บุฟฟ่อน ซึ่งถึงแม้นายทวารจอมเก๋าทีมชาติ อิตาลี จะมีสถิติเซฟมากที่สุดในทัวร์นาเมนต์ปีนั้นที่ 39 ครั้ง แต่สุดท้ายก็มิอาจต้านทาน บาร์เซโลน่า ได้ไหว โดยแพ้ไป 1-3 8.ลงเฝ้าเสาใน แชมเปี้ยนส์ ลีก ครบ 100 นัด วันที่ 3 พฤศจิกายน 2015 ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ที่ ยูเวนตุส เสมอกับ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค 1-1 นั่นคือเกมที่ 100 ของ บุฟฟ่อน ในเวที แชมเปี้ยนส์ ลีก 9.บาเยิร์น มิวนิค คือของแสลง จากความเจ็บปวดชอกช้ำในนัดชิงชนะเลิศกับ บาร์เซโลน่า ทำให้ปีต่อมา บุฟฟ่อน และผองเพื่อนก็เดินหน้าสู้กันใหม่อีกครั้งเพื่อคว้าความสำเร็จในถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก ให้ได้ แต่พวกเขาก็ต้องมาอกหักอีกครั้งด้วยน้ำมือของ บาเยิร์น มิวนิค เป็นปีที่ 2 ต่อจากฤดูกาล 2012-13 โดยแพ้ไปด้วยสกอร์รวม 4-6 10.ทะยานสู่รอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งที่ 3 บุฟฟ่อน ตั้งใจเอาไว้อย่างมากว่าจะประสบความสำเร็จให้ได้ในฤดูกาล 2016-17 โดยตัวเขาและผองเพื่อนที่ ยูเวนตุส ก็ทำมันได้ยอดเยี่ยมสุดๆ โดยไล่ตั้งแต่รอบ 16 ทีมเป็นต้นมา ขุนพลทัพ "ม้าลาย" จัดการเอาชนะคู่แข่งด้วยสกอร์รวมขาดลอยทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นการถล่ม ปอร์โต้ 3-0, อัด บาร์เซโลน่า 3-0, ยำ โมนาโก 4-1 กรุยทางสู่รอบชิงชนะเลิศมาพบกับ เรอัล มาดริด ที่ตะเกียกตะกายอย่างหนักกว่าจะผ่านมาได้แต่ละด่าน แต่ท้ายที่สุดก็เป็นอีก 1 ปีที่ บุฟฟ่อน ต้องเจ็บปวดจากการโดน "ราชันชุดขาว" เผาเครื่องไป 4-1 11.โอกาสสุดท้ายต้องทำมันให้ได้ "ผมยังเหลือสัญญาค้าแข้งอีก 1 ปี ดังนั้นมันหมายความว่าผมก็ยังมีโอกาสอีกครั้งในการคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่แน่นอนว่ามันคงยากมาก เพราะเราต้องทำผลงานให้ดีกว่าปีที่ผ่านมา ถึงแม้เราจะเล่นกันได้ดีแล้ว แต่โชคร้ายที่เราก็ยังไม่ได้ถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก อยู่ดี" บุฟฟ่อน ให้สัมภาษณ์ก่อนฤดูกาล 2017-18 จะเปิดฉากขึ้น 12.ปาฏิหาริย์ไม่มีจริง ฤดูกาล 2017-18 ยูเวนตุส ผ่าน ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ มาได้แบบยากเย็นแสนเข็น แต่ก็ต้องจับสลากมาพับกัน เรอัล มาดริด อีกครั้งในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ซึ่งถือเป็นการรีแมตช์นัดชิงชนะเลิศเมื่อปีที่แล้ว โดยเกมนัดแรกที่ ยูเวนตุส สเตเดี้ยม เป็น เรอัล มาดริด ที่จัดจ้านกว่าบุกไปถึง 3-0 ทำให้โอกาสเข้ารอบต่อไปสดใสมากๆ อย่างไรก็ตามเกมนัด 2 ที่ เบร์นาเบว มันไม่ง่ายอย่างที่คิดเพราะ ยูเวนตุส กลับมามีความหวังในการล้างแค้นอีกครั้ง เมื่อเป็นฝ่ายนำถึง 3-0 ในช่วงเวลา 60 นาที แต่สุดท้ายก็เหมือนโดนสวรรค์กลั่นแกล้ง เพราะ เรอัล มาดริด ดันทะลึ่งมาได้จุดโทษในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แถมตัวของ บุฟฟ่อน ก็ฟิวส์ขาดไปประท้วงคำตัดสินของกรรมการ ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ ก่อนโดนใบแดงไล่ออกไป และเป็น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สังหารเข้าไปไม่พลาดในนาที 90+7 ส่ง เรอัล มาดริด ตีตั๋วรถไฟไปต่อในรอบตัดเชือก พร้อมกับฝัง บุฟฟ่อน อยู่ในหลุมแห่งความเจ็บปวดอีกครั้ง
logoline