logo-heading

แรกเริ่มเดิมที ส.บอล ได้ประกาศชัดเจนว่า VAR ในปีนี้จะไม่มีให้ใช้ เนื่องจากสถานการณ์ตอนนี้ต้องการเซฟครอสค่าใช้จ่ายที่สมาคมฯ แบกรับไว้ค่อนข้างสูงในแต่ละเกม

แต่ ... หลังจากนั้นได้ออกมาบอกว่าหาก "ทีมไหน" มีความประสงค์ต้องการที่จะใช้ VAR ก็สามารถใช้ได้ แต่ทั้งนี้ทีมนั้นๆ ต้องออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ตกแมตช์ละ 82,000 / เกม ให้หลังจากนั้น 1 วัน ส.บอล ก็ออกมาแก้ใหม่อีกครั้ง โดยบอกว่าเพื่อความเท่าเทียมกันในทุกๆ ทีม ขออนุญาตงดใช้ VAR ไปเลยดีกว่า เพราะน่าจะทำให้ทีมฝ่ายสบายใจกันทั้งหมด หลังจากนั้นไม่นาน ส.บอล ได้มีการกลับลำใหม่อีกครั้งบอกว่า VAR สำหรับทีมที่พร้อมเสียเงินใช้ยังมีอยู่ แต่ในส่วนของ ส.บอล นั้นจะมีแมตช์ที่เลือกจัดการออกค่าใช้จ่ายให้ส่วนนึงด้วยเช่นกัน การเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ สมาคมฟุตบอลฯ เป็นคนพูดออกมา 2-3 ครั้งในหนึ่งเรื่อง ทำให้เดือดร้อนไปถึงหลายๆ ทีมที่งงๆ งวยๆ กับการสลับไปมาในครั้งนี้ และเป็นเหตุที่ทำให้หลายทีมต้องจับมือกันออกมาทวงถามความชัดเจนในเรื่องนี้ ... โดยมีแกนนำเป็น 3 ทีมใหญ่อย่าง "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสโมสร การท่าเรือ เอฟซี , ขจร เจียรวนนท์ ประธานสโมสร ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด และ วิลักษณ์ โหลทอง ประธานสโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด จนเป็นที่มาของเงิน 16 ล้านบาทที่วุ่นวายกันอยู่ในตอนนี้ !!!  เรื่อง VAR ที่เหมือนจะจบแต่สุดท้ายกับไม่จบ เพราะ ส.บอล คอนเฟิร์มได้รับลูกเรื่องนี้ด้วยการออกมาบอกทันทีว่าเงินในส่วนนี้ (16 ล้านบาท) นั้นมันเงินสนับสนุนทีมชาติ ทำให้ไม่สามารถเอาใช้ในส่วนของ VAR ได้ หลังจากนั้น "คุณแป้ง" ก็ตอบกลับทันควันเช่นกันว่า ถ้าในเวลาของปฏิทินการแข่งขันแบบปกติก็คงเป็นแบบนั้น แต่ในเวลาแบบนี้ในช่วงที่โดนโควิด-19 ระบาดไปทั่วโลก ทำให้โปรแกรมทีมชาติไม่มีเตะ โดยเฉพาะฟุตบอลหญิงที่จะไม่มีโปรแกรมแข่งเลยตลอดทั้งปีนี้ ดังนั้นจึงขอให้ ส.บอล ใช้เงินในส่วนนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการเอามาใช้กับ VAR ในทุกๆ เกมของไทยลีกนับตั้งแต่ 12 ก.ย. นี้น่าจะดีที่สุด ...  ล่าสุด ส.บอล ได้ออกมายืนยันเสียงแข็งอีกครั้งว่าเงิน 16 ล้านในนาม เมืองไทยประกันภับ นี้คงจะใช้กับ VAR ไม่ได้จริงๆ ... เพราะมีปัญหาหลายๆ อย่างที่ IFAB (ผู้ที่มีส่วนที่เกี่ยวข้องในเรื่อง VAR) มีความกังวลที่มีทีมใดทีมหนึ่งออกเงินสนับสนุนในเรื่องนี้อาจจะส่งผลต่อการตัดสินในภายหลัง เท่านั้นไม่พอ หลังโดนกระแสที่ตัวเองเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ส.บอล ได้คอนเฟิร์มว่าจากนี้จะหาเงินมาใช้จ่ายในเรื่อง VAR เอง และ ส.บอล จะเป็นผู้รับผิดชอบในทุกๆ ค่าใช้จ่าย โดยสโมสรไม่ต้องออกค่าใช้จ่ายใดๆ เลย  และนี่คือ "ไทม์ไลน์ 16 ล้านบาท" ของ "คุณแป้ง" ที่มอบในนาม "เมืองไทยประกันภัย" ให้กับ "สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย" ที่มันสร้างความสั่นสะเทือนให้กับสมาคมฟุตบอลได้ไม่มากก็น้อย ที่สำคัญเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ที่ ส.บอล จะมองข้ามไปได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน เพราะการที่เราได้เห็น 3 บิ๊กทีมจับมือกันลงความเห็นด้วยการแถลงข่าวและออกมาทวงถามความชัดเจนหลายๆ เรื่องแบบนี้ มันย่อมเป็นเรื่องที่ถึงที่สุดเท่านั้น ... บทสรุปในเรื่องนี้ ... แน่นอนชอยส์ว่าแรกต้องพุ่งไปที่ ส.บอล ที่ทำตัวเองด้วยการปากไว ใจเร็ว พูดแล้วคิดว่าทำได้ แต่สุดท้ายทำไม่ได้ แถมยังกลับไปกลับมาทำให้เกิดความแน่นอนบนความไม่แน่นอน ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้เป็นครั้งแรกที่ ส.บอล ออกลูกผิดพลาดแบบนี้ แต่เรื่องนี้คงเป็นบทเรียนชั้นดีที่ทำให้ ส.บอล ได้รู้จักคำว่า "ถ้าคำไหน คำนั้น ตั้งแต่แรกปัญหาก็คงไม่เกิด"

เท่านั้นไม่พอเงิน 16 ล้านบาทนี้ยังกระทุ้งให้ ส.บอล สามารถหาเงินมาจัดการเรื่อง VAR เองจนได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้บอกแล้วบอกอีกว่าไม่มีเงิน แต่สุดท้ายกลับมาบอกว่าจะหาเงินมาให้ทุกทีมได้ใช้ VAR กันแน่นอน

เชื่อว่าหลังจากนี้แฟนบอลไทยคงจับตาดูเงิน 16 ล้านบาท และ VAR ไทยลีก อย่างไม่วางตาแน่นอนว่าจะมีตอนต่อไปหรือไม่ หรือเรื่องนี้จะจบแต่เพียงเท่านี้ ...

แต่อย่างน้อยๆ เงิน 16 ล้านบาทของ "คุณแป้ง" น่าจะสร้างความสั่นสะเทือนให้กับ ส.บอล ได้ไม่มากก็น้อย ...

เพราะถ้ายังหา "ความแน่นอน บน ความไม่แน่นอน" ของตัวเองไม่ได้แบบนี้ต่อไป หลังจากนี้พูดอะไรใครจะเชื่อล่ะ ... 

  ติดตามข่าวสารอื่นๆ ได้ที่ไลน์ขอบสนาม
logoline