logo-heading
เดอะ ค็อป เฮถ้วนหน้า ล่าสุด ลิเวอร์พูล ปิดดีล ติอาโก้ อัลคันทาร่า เป็นที่เรียบร้อย ด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์ แอดออนอีก 5 ล้านปอนด์ด้วยกัน เหลือแต่เพียงเปิดตัวอย่างเป็นทางการกับ ลิเวอร์พูล เท่านั้น โดยแข้งทีม บาเยิร์น มิวนิค ชุดคว้าทริปเปิ้มแชมป์ ฤดูกาล 2019/20 จะเซ็นสัญญาค้าแข้งในแอนฟิลด์ เป็นเวลา 4 ปี ด้วยกัน แม้ว่า บาเยิร์น มิวนิค ต้องการรั้งเขาให้ค้าแข้งในถิ่น อัลลิอันซ์ อารีน่า ต่อไป แต่ทว่านักเตะที่กำลังจะหมดสัญญาในปี 2021 ต้องการออกไปหาความท้าทายใหม่ ๆ นอกลีก และเจ้าตัวก็เลือกที่จะย้ายมาร่วมงานกับ เยอร์เก้น คล็ฮปป์ ที่ ลิเวอร์พูล แม้จะตกเป็นข่าวกับหลายสโมสรใหญ่ วันนี้จะพาไปทำความรู้จักเขากันมากขึ้น ประวัติส่วนตัว ติอาโก้ อัลคันทาร่า เกิดเมื่อ 11 เมษายน 1991 เกิดที่ซานปิเอโตร ประเทศอิตาลี เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ มาซินโญ่ อดีตนักเตะทีมชาติบราซิล ชุดแชมป์ฟุตบอลโลกปี 1994 ทำให้ติอาโก้ถือสองสัญชาติ ณ เวลานั้นคือ อิตาลีและบราซิล ก่อนย้ายตามพ่อที่มาค้าแข้งใน สเปน จนได้รับสัญชาติสเปน เนื่องจากอยู่สเปนมากกว่า 5 ปี ใช่แล้วเขาเป็นพี่ชายของ ราฟินญ่า อัลคันทาร่า แข้งของ บาร์เซโลน่า ที่ปล่อยให้ เซลต้า บีโก้ ยืมตัวในปัจจุบัน หากแต่เมื่อถึงวัยที่เลือกลงเล่นให้ทีมชาติ ติอาโก้ เลือกเล่นให้ทีมชาติสเปน ส่วนน้องชายอย่าง ราฟินญ่า เลือกเล่นให้ทีมชาติบราซิล เริ่มต้นกับทีมเยาวชน ติอาโก้ เคยเป็นนักเตะเยาวชนของ ฟลาเมงโก้ ทีมดังใน บราซิล มาก่อน ก่อนที่จะย้ายมา สเปน และร่วมทีมเยาวชน ลา มาเซีย ตั้งแต่อายุ 14 ปี ก่อนพัฒนาทักษะฝีเท้าขึ้นมาเล่นทีมชุด เบ หรือชุดสำรองของ บาร์เซโลน่า จากนั้นเมื่ออายุได้ 18 ปี ในปี 2009 เขาได้โอกาสเดบิวต์กับชุดใหญ่ครั้งแรก ถูกส่งลงไปเป็นสำรอง ในนัดที่ บาร์เซโลน่า แพ้ มายอร์ก้า 1-2 อย่างไรก็ตามชีวิตเขาในถิ่น คัมป์นู ไม่ค่อยสวยหรูนัก แม้ว่าจะมีชื่อติดในทีม บาร์เซโลน่า ชุดแชมป์ ทั้ง ลาลีกา, โกปา เดล เรย์, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก, แชมป์สโมสรโลก, ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ หรือแม้แต่ สแปนิช ซูเปอร์คัพ แต่เจ้าตัวเป็นเพียงแค่ดาวรุ่งสำรองไม่สามารถสอดแทรกขึ้นมาเป็นตัวจริงได้ จึงตัดสินใจเก็บข้าวของย้ายสู่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมัน เมื่อปี 2013 เฉิดฉายกับ บาเยิร์น มิวนิค เสือใต้ บาเยิร์น มิวนิค ในยุคของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อาสาเป็นทีมรับ ติอาโก้ มาชุบเลี้ยง และปลุกปั้น เขาก้าวขึ้นเป็นกำลังหลักของ บาเยิร์น มิวนิค ประสบความสำเร็จช่วยทีมป้องกันแชมป์ บุนเดสลีกา รวมถึงพาทีมกวาดทั้ง เดเอฟเบ-โพคลาล, เดเอฟแอล ซูเปอร์คัพ และ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ เขากลายเป็นมิดฟิลด์ที่ได้รับการจับตามองจากหลายทีมในยุโรปตลอดเวลาที่ค้าแข้งอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งฤดูกาลที่ผ่านมา เขาลงเล่นให้ บาเยิร์น มิวนิค ไปทั้งหมด 40 เกมรวมทุกรายการ ทำไป 3 ประตู กับอีก 2 แอสซิสต์ ซึ่งเขาพลาดลงสนามให้กับ บาเยิร์น เพียง 8 เกมในฤดูกาลนี้เนื่องจากปัญหาอาการบาดเจ็บ และแน่นอนเขาคือกำลังหลักสำคัญที่ช่วยให้ บาเยิร์น มิวนิค คว้า 3 แชมป์ ได้แก่ บุนเดสลีกา, เดเอฟเบ-โพคาล และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลที่ผ่านมา สไตล์การเล่น ติอาโก้ ถือเป็นหนึ่งในกองกลางสารพัดประโยชน์ เพราะสามารถเล่นได้ทั้ง มิดฟิลด์ตัวกลาง, มิดฟิลด์ตัวรับ และ มิดฟิลด์ตัวรุก หลายครั้งจะยืนต่ำ แต่ก็สามารถขยับมายืนเป็นมิดฟิลด์เบอร์ 8 ได้เช่นกัน ติอาโก้ มีทักษะการครองบอลและการจ่ายบอลที่เฉียบคม มีความเร็ว ช่วยเติมเต็มเกมรุกให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยเฉพาะการฉีกออกมาทางด้านกว้าง แล้วจ่ายทะลุช่อง คิลเลอร์ พาส ซึ่งช่วยเพิ่มความหลากหลายในเกมรุกได้มากขึ้น ซึ่งเขาทำให้เห็นบ่อยครั้งในการเล่นกับ บาเยิร์น มิวนิค ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมเขาจึงเป็นที่ถูกอกถูกใจของ เยอร์เก้น คล็อปป์ เพราะความหลากหลาย สามารถมาเสริมความแข็งแกร่งขึ้นได้ เวลาจำเป็นที่จะต้องหมุนเวียนนักเตะ จากโปรแกรมการแข่งขันสุดถี่ในฤดูกาลนี้ ผลงานกับทีมชาติ ติอาโก้ ลงไปเล่นให้ทีมชาติสเปนชุด ยู-21 ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่น ยู-21 ที่อิสราเอล เมื่อปี 2013 เขาเป็นกัปตันทีมชาติสเปน ยู-21 เป็นคนชูถ้วยแชมป์หลังคว่ำ อิตาลี ไปในนัดชิงชนะเลิศ เขาคือกำลังสำคัญของทีมในวันนั้นด้วยการซัดแฮตทริคได้ตั้งแต่ครึ่งแรก ก่อนพาทีมเอาชนะไปด้วยสกอร์ 4-2 และคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเม้นต์ ส่วนผลงานกับทีมชาติสเปนชุดใหญ่ เขาถูกเลือกให้ติดทีมชาติชุดใหญ่นับตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตามน่าเสียดายใน ยูโร 2012 ที่ทีมชาติสเปนคว้าแชมป์ ยูโร 2012 ได้สำเร็จ เขาไม่มีชื่อติดในทีมเนื่องจากปัญหาอาการบาดเจ็บ ในที่สุดก็จบมหากาพย์ ติอาโก้ อัลคันทาร่า เรียบร้อย แฟน ลิเวอร์พูล ชุมชื่นหัวใจกันถ้วนหน้า รอเพียงแค่ชูเสื้อเปิดตัวอย่างเป็นทางการเท่านั้น ด้วยฟอร์มการเล่นที่ช่วย บาเยิร์น มิวนิค คว้า 3 แชมป์ ในปีที่ผ่านมา เขาคือนักเตะแถวหน้าระดับโลกที่พร้อมเล่นที่ไหนก็ได้อย่างแน่นอน เชื่อว่าแข้งรายนี้จะเป็นอีกหนึ่งคนที่เข้ามายกระดับ ลิเวอร์พูล ส่วนจะทำได้มากน้อยขนาดไหนให้ผลงานในสนามเป็นตัวตัดสิน

- เปี๊ยกบางใหญ่ -

logoline