logo-heading

ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่การเป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก เหมือนเป็นคำสาป ผู้จัดการทีมผู้พาทีมเถลิงบัลลังก์ความสำเร็จ กลับมีชะตากรรมไม่สวยงามทั้งสิ้นในฤดูกาลถัดมา แล้ว เป๊ป ที่เพิ่งไปถึงจุดนั้นได้ จะรอดไหมในซีซั่นหน้า

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ลบคำสบประมาททุกอย่าง แสดงฝีมือที่เป็น "ของจริง" ด้วยการพา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จเรียบร้อยแล้ว โดยทิ้งห่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คู่ปรับร่วมเมืองอยู่ 16 คะแนน การแข่งขันเหลือ 5 นัด นับตั้งแต่หมดยุคที่ "ปีศาจแดง" ของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คว้าแชมป์ลีกหลายๆ ปีติดกัน พรีเมียร์ลีก ก็มีการแข่งขันที่สูงขึ้น จากท็อปโฟร์ มาเป็นท็อปซิกซ์ แต่นับตั้งแต่นั้น หากย้อนกลับไปในหลายๆ ซีซั่นก่อนหน้านี้ การเป็นแชมป์ลีกแดนผู้ดีเหมือนถูกสาปอยู่แทบทุกฤดูกาล ใครเป็นแชมป์เก้าอี้ต้องมีอันหักอยู่เสมอๆ

เป๊ป จะโดนสาปด้วยไหมไม่รู้ แต่ไปดูบทเรียนในอดีตหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ฤดูกาล 2011-12 แชมป์ในซีซั่นนั้นคือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การคุมทัพของ โรแบร์โต้ มันชินี่ กุุนซือสมองเพชรชาวอิตาเลี่ยน ที่เป็นกุนซืออิตาลีคนที่ 2 ที่พาทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีกได้ต่อจาก คาร์โล อันเชล็อตติ สามารถเบียด แมนฯ ยูไนเต็ด ของ "เฟอร์กี้" เข้าป้ายคว้าแชมป์ในเกมสุดท้ายของฤดูกาลด้วยผลต่างประตูได้เสียที่ดีกว่า หลังคว้าแชมป์ได้แล้ว ในช่วต้นฤดูกาลถัดมาเหมือนทุกอย่างจะสวยงาม ทีมเตรียมตัวเพื่อเข้าสู่เวที่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก พร้อมกับการที่ "มันโช่" ได้รับสัญญาฉบับใหม่ 5 ปี ที่ความเป็นจริงมันเพิ่งจะหมดลงไปเมื่อปีที่แล้วด้วยซ้ำ แต่คุมไปจนผ่านปีใหม่ กลับตามหลัง แมนฯ ยูฯ ถึง 7 คะแนน แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ตกรอบแบ่งกลุ่ม เมื่อทีมแพ้มากขึ้น ก็เริ่มไม่มีความสามัคคีแล้ว เรื่อในแคมป์เริ่มระอุ มันชินี่ มีปัญหากับนักเตะและสต๊าฟฟ์ในทีมจนร่วมงานกันไม่ได้อีก ฤดูกาล 2012-13 ฤดูกาลที่ "ปีศาจแดง" เอาคืน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ กลับมาคว้าแชมป์ลีกได้อีกครั้ง การได้ดาวยิงเบอร์หนึ่งของลีกอย่าง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ มาร่วมทีม ข่วยเติมเต็มความสำเร็จที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือในตอนนั้นต้องการได้ "อาร์วีพี" เป็นดาวซัลโว และ "ปีศาจแดง" เป็นแชมป์สมัยที่ 20 อย่างที่รู้กัน นี่คือฤดูกาลสุดท้ายของ เซอร์ อเล็กซ์ ในฐานะกุนซือ หลังคุมทีมมายาวนาน 26 ปี "ป๋า" ก็ประกาศวางมือเลิกทำทีมเพราะอยากพักผ่าอนอยู่กับภรรยน ดังนั้นไม่ต้องถามว่าฤดูกาลต่อจากเป็นแชมป์เป็นอย่างไร เพราะคำตอบคือก็ไม่ได้คุมต่อ ไม่ใช่แค่นั้น นอกจากไม่มีบรมกุนซือผู้นี้แล้ว ยังต้องเผชิญหน้ากับยุคล้มลุกคลุกคลานแบบเต็มตัวมาหลายปีด้วย ฤดูกาล 2013-14 เป็นฤดูกาลที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลับมาอีกครั้ง แถมการคว้าแชมป์ก็สุดดราม่า เบียดมากับ ลิเวอร์พูล และ เชลซี สุดท้ายสองทีมนั้นก็ไปตัดคะแนนกันเอง จน "เรือใบสีฟ้า" แล่นฉิวเข้าป้ายไป ด้วยฝีมือของ มานูเอล เปเยกรินี่ กุนซือชาวชิลีที่เพิ่งมาคุมทีมเป็นฤดูกาลแรกเท่านั้น น่าจะเป็นคนที่รอดอาถรรพ์ได้พอสมควร อาจเป็นเพราะพาทีมเป็นแชมป์ได้ตั้งแต่ซีซั่นแรกที่มาคุมทีม ทำให้บอร์ดบริหารยังปราณีไม่ปลด แต่ผลงานที่ออกมาก็ย่ำแย่ ตกรอบ ลีก คัพ แพ้ นิวคาสเซิ่ล ตกรอบ เอฟเอ คัพ แพ้ มิดเดิ้ลสโบรห์ จาก แชมเปี้ยนชิพ และตกรอบ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย ขณะที่ในลีกได้รองแชมป์ก็จริง แต่ตามหลังแชมป์ถึง 8 แต้ม ฤดูกาล 2014-15 การกลับมาเป็นแชมป์ของ เชลซี คือการกลับมาของ โชเซ่ มูรินโญ่ บุรุษในตำนานของทีม นี่เป็นการกลับมาเป็นคำรบที่สอง และคุมทีมเป็นฤดูกาลที่สองเท่านั้น ก็พาทีมขึ้นมานั่งบนบัลลังก์ได้อีกครั้งหลังจากห่างหายไปนานหลายปี โดยมีแนวรุกดาวเด่นอย่าง เอแด็น อาซาร์ เป็นกำลังขับเคลื่อน แต่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้นในฤดูกาลถัดมา มูรินโญ่ เปิดฉากฤดูกาลใหม่ด้วยการทะเลาะกับ เอวา เมนเดส หัวหน้าทีมแพทย์ จนมีเรื่องราวฟ้องร้อง และเกิดปัญหาภายในกับนักเตะ จากคนที่เคยเป็นกำลังสำคัญ ก็ดูเหมือนจะมีปัญหากันและเล่นไม่เอาอ่าว เชลซีหลุดไปอยู่ครึ่งล่างของตารางแบบไม่น่าเชื่อ และแทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในยุคของ โรมัน อบราโมวิช และลงเอยด้วยการโดนปลดของ มูรินโญ่ ฤดูกาล 2015-16 ตำนาน "เทพนิยาย จิ้งจอก" ถูกเขียนขึ้นในยุคที่ฟุตบอลอังกฤษเฟื่องฟูและอุดมไปด้วยเงินทุนหมุนเวียนอย่างเป็นปรากฎการณ์ เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมที่ไม่มีสตาร์ในทีม ยิ่งถ้าเทียบกับทีมยักษ์ใหญ่ แต่กลับก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์ด้วยการทิ้งอันดับ 2 ถึง 10 คะแนน ด้วยฝีมือของ เคลาดิโอ รานิเอรี่ ลูกทีมสามัคคี ผู้บริหารก็สนับสนุน แต่ไปๆ มาๆ เลสเตอร์ ก็กลับสู่สภาพที่ควรจะเป็นในซีซั่นถัดมา พวกเขาแปรสภาพจากแชมป์ เป็นทีมหนีตาย มีแต่ความกดดันรอบตัว นักเตะตัวหลักๆ ก็ยังรั้งเอาไว้ได้ แต่กลับม่มีอะไรดีขึ้นเลย สุดท้ายก็ต้องยอมแยกทางกับ รานิเอรี่ จนได้ กลายเป็นอีกคนที่โดนอาถรรพ์ไปเหมือนกัน ฤดูกาล 2016-17 เป็นการกลับมาอีกครั้งของ เชลซี และการทำทีมประสบความสำเร็จอีกแล้วของกุนซือ อิตาลี หลัง อันโตนิโอ คอนเต้ ที่เพิ่งเข้ามาคุมทีมในซีซั่นแรก พาทีมไปถึงแชมป์ได้ในที่สุด เป็นแชมป์ที่ 2 ของทีมในรอบ 3 ฤดูกาล คอนเต้ ได้เครดิตได้รับคำชมมากมาย แต่สิ่งที่คนเริ่มพูดถึงกันแล้วในตอนนั้นคืออาถรรพ์นี้นี่แหละ บอกตามตรงฤดูกาลนี้ของ เชลซี ก็ไม่ได้ดีเท่าที่ควร มีแชมป์รายการเดียวที่ยังอยู่ในมือให้ลุ้นได้คือ เอฟเอ คัพ แต่ต่อให้ได้มา การตกรอบ แชมเปี้ยนส์ ลีก การหลุดอันดับในลีกที่อาจจะไม่ติดท็อปโฟร์ ก็เพียงพอใจทำให้ปลด แต่ก็ยังไม่รู้ว่าบอร์ด เชลซี จะว่ายังไงอยู่ดี

- เทพเฟี๊ยต -

logoline