ในเหล่าบรรดาทีมยักษ์ใหญ่บนสังเวียน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ หลังผ่านสัปดาห์ที่ 6 ไปแล้ว ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เป็นทีมที่ถูกพูดถึงมาก กับฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยม
ตอนนี้ สเปอร์ส คือทีมที่ยิงประตูได้มากที่สุดใน พรีเมียร์ลีก ที่ 16 ประตู มีแต้มตามหลัง 2 ทีมหัวตารางแค่ 2 แต้ม และนักเตะหลายๆ คนในทีมกำลังเล่นได้ดีโดยเฉพาะ แฮร์รี่ เคน และ ซน ฮึง-มิน คำถามก็คือในฤดูกาล 2020-21 พลพรรค "ไก่เดือยทอง" มีดีพอจะลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก แบบเต็มตัวหรือไม่ ? วันนี้ทาง "ขอบสนาม" จะพาทุกท่านไปฟังบทวิเคราะห์เจาะลึกของ 2 กูรูดังฝีปากกล้าอย่าง แกรี่ เนวิลล์ และ เจมี่ คาร์ราเกอร์ กัน ไปดูกันว่าพวกเขาคิดเห็นอย่างไรกันบ้าง ?สเปอร์ส อาจสร้างเซอร์ไพรส์
เป็นธรรมเนียมอยู่แล้วที่ช่วงก่อนเปิดฉากฤดูกาลใหม่ในแต่ละปีจะมีการคาดเดาและแสดงทรรศนะจากหลายๆ ฝ่ายถึงทีมที่เป็นตัวเต็งคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ซึ่งพักหลังช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเราแทบไม่เห็น ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ติดโผเข้ามาหรือถูกพูดถึงเลย แต่สำหรับปีนี้มันมีอะไรหลายๆ อย่างเปลี่ยนไป ไปฟังบทวิเคราะห์จากปาก แกรี่ เนวิลล์ กัน "ตอนที่ แฮร์รี่ เคน พูดว่า สเปอร์ส อาจคว้าบางสิ่งที่แสนพิเศษ เขาไม่ได้พูดถึงการคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ หรือ คาราบาว คัพ แต่เขาพูดถึงการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก และถ้วยยักษ์ใหญ่ของยุโรปต่างหาก" "ผมไม่เคยคิดว่าพวกเขาจะคว้าแชมป์ลีกได้ ไม่เคยจริงๆ แต่เพราะ โชเซ่ มูรินโญ่ อยู่ที่นั่น มันมีองค์ประกอบต่างๆ ที่ทำให้นึกได้ว่าเขาสามารถทำสิ่งที่คิดไม่ถึงให้เกิดขึ้นได้"การเสริมทัพ
ถ้าย้อนเวลากลับไปตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาในเรื่องของการเสริมทัพ สเปอร์ส มักทำให้แฟนๆ ผิดหวังอยู่เป็นประจำจนโดนวิจารณ์อยู่บ่อยๆ บางทีได้ตัวดีๆ มาก็จริง แต่ก็ใช้งานไม่ได้ เล่นไม่เข้ากับระบบทีมเลย แต่ปีนี้พวกเขาค่อนข้างทำผลงานได้ดีในการหาผู้เล่นใหม่ๆ มาร่วมทีม การได้ผู้เล่นอย่าง ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก มาเขาแทบไม่ต้องใช้เวลาในการปรับตัวเลย เพราะคุ้นเคยกับเกมลูกหนังอังกฤษอยู่แล้ว ส่วน แมตต์ โดเฮอร์ตี้ และ เซร์คิโอ เรกีลอน ก็สลับกันเล่นได้ดีทั้งตำแหน่งแบ็กซ้าย-ขวากับ แซร์จ อูริเย่ร์ และ เบน เดวิส มันทำให้ สเปอร์ส สามารถโรเตชั่นชั่นได้ดียามมีโปรแกรมที่ชุกหนัก ไหนจะมี โจ ฮาร์ท ที่เก๋าในเรื่องประสบการณ์มาเป็นอะไหล่ในตำแหน่งผู้รักษาประตู ตลอดจน 2 แข้งยืมตัวอย่าง แกเร็ธ เบล นี่คือเป็นตำนานของทีมที่กำลังใช้เวลาเค้นฟอร์มเก่งอยู่ ส่วน คาร์ลอส วินิซิอุส ก็มีดีกรีเป็นถึงดาวซัลโวของ เบนฟิก้า เมื่อปีก่อนเชียวนะ คุณสามารถสังเกตุได้จากการที่ สเปอร์ส ไม่แพ้ใครมา 10 เกมรวดแล้วทั้งที่พวกเขามีเวลาพักน้อยมาก ไหนจะต้องเตะเกม พรีเมียร์ลีก, เกม คาราบาว คัพ และเกม ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ไล่ยาวมาตั้งแต่รอบคัดเลือกยันรอบแบ่งกลุ่ม แต่พวกเขากลับไม่พลาดท่าให้ใครเลย และก็โชว์ฟอร์มได้ดีทุกนัดด้วย ไปฟังบทวิเคราะห์จากปาก แกรี่ เนวิลล์ กัน "ผมไม่เคยคาดหวังว่า สเปอร์ส จะลงทุนเสริมทัพเหมือนกับที่พวกเขาทำในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ไม่เคยเลยจริงๆ สเปอร์ส ต้องไปกู้เงินธนาคารมาใช้ หลังจากทุ่มไปเยอะกับการสร้างสนามใหม่ และในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา โชเซ่ มูรินโญ่ เป็นคนที่เดินเข้าไปที่นั่นและเรียกร้องมันด้วยตัวเอง" "สเปอร์ส ถูกวิจารณ์เยอะเรื่องผลงานการเสริมทัพในอดีตที่ผ่านมา แต่ตอนนี้พวกเขามองเห็นเรื่องนี้จนทะลุปรุโปร่งแล้ว และก็จัดการมันในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา และตอนนี้พวกเขาก็มีทีมมีขุมกำลังพลที่สามารถท้าทายความสำเร็จได้แล้ว"ศักยภาพเกมรุก
อย่างที่ทราบกันว่าตอนนี้ผู้เล่นของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ กำลังเล่นกันได้มั่นใจสุดๆ โดยเฉพาะในแนวรุก พวกเขาคือทีมที่ยิงประตูได้เยอะที่สุดในลีกตอนนี้ที่ 16 ประตู และก็ยิงไปแล้ว 32 ประตูจาก 10 เกมรวมทุกรายการในซีซั่นนี้ ทั้ง แฮร์รี่ เคน และ ซน ฮึง-มิน ต่างก็ประสานงานกันได้ยอดเยี่ยมทั้งยิงทั้งจ่ายให้กัน ตอนนี้พวกเขากลายเป็นคู่ดูโอ้ที่น่ากลัวที่สุดในลีกไปแล้ว ส่วนคนอื่นๆ ในตำแหน่งแนวรุกก็สามารถหวังผลได้เช่นกันไม่ว่าจะเป็น สตีเฟ่น เบิร์กไวจ์น, คาร์ลอส วินิซิอุส, แกเร็ธ เบล และ เอริค ลาเมล่า ต่างคนต่างก็ได้โอกาสพิสูจน์ตัวเองกันแบบถ้วนหน้า ไปฟังบทวิเคราะห์จากปาก แกรี่ เนวิลล์ กัน "พวกเขามีผู้เล่นแนวรุกที่น่าเหลือเชื่อหลายคน และมันก็เป็นฤดูกาลที่ดูแปลกไปสำหรับพวกเขา ผมไม่คิดว่าพวกเขาจะคว้าแชมป์ลีกได้แบบขาดลอยหรอก เพราะพวกเขาไม่เคยทำได้เลยช่วงก่อนหน้านี้ การจบอันดับ 3 เหนือ อาร์เซน่อล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เชลซี อาจดูเป็นความสำเร็จที่ดูดีที่สุดแล้วสำหรับพวกเขา ผมไม่เคยคิดว่าพวกเขาจะจบ Top 4 ได้เลยตั้งแต่ช่วงต้นซีซั่น แต่ตอนนี้เราใส่ชื่อพวกเขาเข้าไปด้วยแล้ว ดังนั้นมันจึงเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในช่วงเวลาแค่ไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น"29 - Tottenham pair Harry Kane and Son Heung-Min have combined for 29 Premier League goals, with only Didier Drogba and Frank Lampard managing more (36). Wavelength. pic.twitter.com/d79bZuMNTh
— OptaJoe (@OptaJoe) October 26, 2020