logo-heading

กำลังอยู่ในช่วงมั่นใจมากพอสมควรสำหรับพลพรรครทัพ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังพวกเขาเก็บ 6 คะแนนเต็ม จาก 2 นีดในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก โดยเฉพาะเกมล่าสุดที่ฟอร์มแจ่มถล่ม แอลเบ ไลป์ซิก ไปถึง 5-0

แต่ทว่าดูเหมือนฟอร์มที่พวกเขามีอยู่ตอนนี้ในเกมลีก กับบอลยุโรป มันช่างแตกต่างกันมากมายโดยเฉพาะเกมในบ้านที่เกมลีก 3 นัดพวกเขายังไม่อาจเก็บชัยชนะได้เลย (แพ้ 2, เสมอ 1) ว่าแล้ววันนี้ เราเลยมาทำการไขสาเหตุว่าเพราะอะไรที่ทัพ “ปีศาจแดง” ถึงมีผลงานที่แตกต่างกันระหว่างเกมพรีเมียร์ลีก กับ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

แมนฯ ยูไนเต็ด ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

ผลงานในลีกที่จะพูดถึงนี้ขอยกมาพูดถึงแค่ในฤดูกาลนี้นะครับ เพราะการออกสตาร์ทฤดูกาล 2020-21 มาแล้วทั้งสิ้น 5 นัด พวกเขาเพิ่งเก็บได้เพียง 7 คะแนนเท่านั้น ซึ่งในจำนวนดังกล่าวได้ลิ้มรสความพ่ายแพ้ไปแล้วถึง 2 นัดด้วยกัน และเป็น 2 นัดที่พวกเขาพ่ายคาบ้านแบบหมดทางสู่ต่อ คริสตัล พาเลซ และ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ซึ่งมันช่างต่างกับเวลาออกไปทำศึกบอลยุโรปที่พวกเขาแข็งแกร่งเหลือเกินไม่ว่าจะใน หรือนอกบ้าน ว่าแล้วขอย้อนกลับไปในช่วงที่ซีซั่นนี้จะเปิดขึ้น แมนฯ ยูไนเต็ด แทบไม่มีโอกาสในการได้หยุดพักผ่อนคลายร่างกายกันเลย ภายหลังเสร็จภารกิจในศึกยูโรปาลีก ที่ตกรอบรองชนะเลิศ พวกเขาก็เก็บตัวกันต่อเพื่อสู้ศึกในฤดูกาลนี้กันต่อทันที รวมแล้วพลพรรค "ปีศาจแดง" มีเวลาเตรียมทีมใหม่ไม่ถึง 1 เดือนด้วยซ้ำ นอกจากนั้นพวกเขาไม่มีเกมอุ่นเครื่องที่จะใช้ทดลอง หรือทดสอบระบบใหม่ๆ กับนักเตะมากเสียเท่าไหร่ มันจึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ออกสตาร์ทเกมลีกได้ไม่เป็นที่น่าพอใจ การเริ่มนัดแรกด้วยการโดน คริสตัล พาเลซ บุกมาถล่ม 1-3 คาโอลด์ แทรฟฟอร์ด นั้น ถ้าจะสังเกตุให้ดีนักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นกันแบบงัวเงียเหมือนคนเพิ่งตื่น บวกนักเตะหลายคนผลงานในสนามรูดตกลงไปอย่างเห็นได้ชัด ไม่อาจต่อยอดจากฟอร์มที่ยอดเยี่ยมช่วงปลายซีซั่น 2019-20 ได้ ไม่ว่าจะเป็น เนมานย่า มาติซ, ปอล ป็อกบา, แฮร์รี่ แม็คไกวร์ หรือ บรูโน่ แฟร์นานเดซ ฉะนั้นมันเลยต่อเนื่องมาอีก 2 เกมในนัดที่พบกับ ไบร์ทตัน และ สเปอร์ส ก่อนที่จะเริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้นมนเกมกับ นิวคาสเซิ่ล เมื่อช่วง 2 สัปดาห์ก่อน และถ้านอกเหนือจากเหตุผลข้างต้นมีอะไรอีกบ้างที่ทำให้ฟอร์มยังไม่ลงล็อค ? ซึ่งมันอาจเป็นเรื่องของความจำเจในรูปแบบ และแผนการเล่นที่คู่แข่งร่วมลีกเริ่มจับทาง และรู้ทันแล้วว่าสไตล์ฟุตบอลของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา จะออกมาในรูปแบบไหน และต้องหาไม้เด็ดในการแก้เกมครั้งนี้อย่างไร โดยปัญหาที่เราเห็นกันชัดๆ เลยคือในเรื่องของเกมรับที่ทีมเสียประตูง่าย หรือบางครั้งก็ลงโทษตัวเองแจกจ่ายประตูให้คู่แข่ง มันเลยกลายเป็นเหมือนหลุมที่คู่แข่งรู้แล้วว่าจะเล่นงานในบริบทไหน แต่ล่าสุดดูเหมือน โซลชา เองก็เริ่มขยับปรับเปลี่ยนบางแล้ว เอารอยรั่วที่มองเห็น อุดทีละอย่างจนตอนนี้มันเริ่มดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และก็อย่างว่าเกมฟุตบอลลีกต้องมองกันในระยะยาว การเริ่มต้นด้วยปัญหาก็เป็นข้อดีที่จะช่วยให้ได้รับการแก้ไขเร็วขึ้น แต่สิ่งสำคัญมากกว่านั้นถ้าอยากประสบความสำเร็จความต่อเนื่องคือหัวใหญ่ที่ โซลชา และลูกทีมต้องก้าวผ่าน และรักษามันไว้ให้ได้

แมนฯ ยูไนเต็ด ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

"ราวกับฝัน ที่ไม่ได้ฝันไป" นี่คือนิยามสั้นๆ ของการออกสตาร์ทบอลยุโรปในปีนี้ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องยอมรับตามตรงว่ากลุ่มที่พวกเขาถูกจับฉลากมาอยู่ด้วยนั้นโหดหินกว่ากลุ่มอื่นมาก ไล่ตั้งแต่รองแชมป์เก่า และแชมป์จากลีก เอิง อย่าง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ต่อด้วยทีมฟอร์มแรงจากเมืองเบียร์อย่าง แอลเบ ไลป์ซิก และ อิสตันบูล บาซัคเซเฮียร์ ทีมแชมป์จากตุรกีสโมสรล่าสุด แต่อย่างที่บอกไปครับ การเริ่มต้นของพวกเขาถ้าลดอคติลงมันยอดเยี่ยมมากจริงๆ เริ่มต้นด้วยการบุกไปเอาชนะ เปแอสเช ด้วยผลงานที่น่ายกย่อง 1-2 ในรูปแบบเกมที่สู้ได้เป็นอย่างดี เครดิตต้องยกให้นักเตะ และที่สำคัญคือ โซลชา ที่กล้าตัดสินใจ ปรับเปลี่ยนจนทีมได้รับ 3 แต้มสุดล้ำค่า ส่วนเกมล่าสุดการเอาชนะ แอลเบ ไลป์ซิก อาจไม่ได้เหนือความคาดหมาย แต่ด้วยสกอร์ที่ออกมาต้องขอปรบมือให้กับความยอดเยี่ยมนี้เลย 5 ประตูที่สอยได้ต่างเกิดจากความยอดเยี่ยมของทุกคน ฉะนั้นแล้วทำไมพวกเขาถึงออกสตาร์ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ดีเลิศขนาดนี้ล่ะ? อย่างแรกเลยคือความแตกต่างกันเรื่องของแท็คติก ในเกมลีกพวกเขาอาจถูกจับทางได้เนื่องจากต้องลงเล่นในทุกสัปดาห์ วนเวียนกับคู่แข่งเดิมๆ แต่ในบอลยุโรป โซลชา มักจะปรับเปลี่ยนรูปแบบการเล่นเฉกเช่นเกมที่พบ เปแอสเช เจ้าตัวปรับมาเล่นหลัง 3 เพื่อความเหนียวแน่น และใช้เกมโต้กลับที่ทรงพลังในการเผด็จศึก หรือเกมล่าสุด โซลชา ก็เลือกใช้รูปแบบที่รัดกุม และเมื่อมาบวกกับแนวรุกพอมีโอกาสทำได้มันเลยออกมาด้วยสกอร์ที่ดีเยี่ยม ซึ่งนี้เลยเป็นเหตุผลหลักๆ ทำให้ผลงานของ "ปีศาจแดง" ออกมาดีเกินกว่าที่แฟนบอลได้คาดคิดว่า แต่ส่วนหนึ่งคงเป็นเรื่องของขวัญกำลังใจด้วยที่เริ่มกลับมามีความมั่นใจกันอีกครั้ง โดยมันเริ่มกลับมามีสติอีกครั้งหลังโดน สเปอร์ ทิ้งบอมบ์ 6 ลูกคาบ้าน จากนั้นทั้งลูกทีม รวมถึงสต๊าฟฟ์ทุกคนเหมือนตื่นจากภวังค์ และโชว์ฟอร์มดีจวบจนเกมล่าสุดนี้

ผลงานต่อจากนี้ทั้งเกมลีก และบอลยุโรป

หลังบรรยากาศ และผลงานของทีมเริ่มดีขึ้นตามลำดับ นักเตะหลายๆ คนเริ่มขยับผลงานขึ้นมา ทำให้ฟอร์มในสนามเริ่มกระเตื้องขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขายังคงถูกตั้งคำถามอยู่เป็นประจำคือเรื่องของความสม่ำเสมอ เพราะที่ผ่านมาเวลาทีมผลงานย่ำแย่ โซลชา มักจะหาช่วงจังหวะในการกลับมาด้วยผลงานที่ดีอีกครั้ง ซึ่งมันเหมือนภาพลวงตาที่ถูกสร้างขึ้นมา  เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วต่อจากนี้คือบทพิสูจน์ครั้งใหญ่ของพวกเขาเลยก็ว่าได้เพราะจากวันนี้ ไปจนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน ทีมจะมีโปรแกรมที่ชุก และหนักพอสมควรทั้งบอลลีกที่ต้องพบกับทั้ง อาร์เซน่อล (ห), เอฟเวอร์ตัน (ย), เวสต์บรอมวิช (ห) และ เซาแธมป์ตัน (ย) ซึ่งเป็นด่านหินเลยแหละ ถ้าพวกเขาผ่านไปได้โอกาสติดลมบน พร้อมพกความมั่นใจก็มีมากโข ส่วนบอลยุโรปถ้า 2 นัดต่อจากนี้พวกเขาสามารถเก็บ 6 คะแนนจากการพบกับ อิสตันบูล บาซัคเซเฮียร์ ได้ละก็แทบจะการันตีการผ่านเข้ารอบเลย  ฉะนั้นในช่วงเดือน 11 ของปีนี้ถ้า โซลชา สามารถเข็นทีมไปถึงฝั่งตามเป้าหมายได้ ก็จะเป็นการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพวกเขาก็พร้อมแล้วในการกลับมาลุ้นความสำเร็จ แต่ถ้ามันวลูปเหมือนเดิมที่ผ่านมา บางทีการพิจารณาเรื่องกุนซือคนใหม่อาจถูกรื้อขึ้นมาพูดอีกครั้งตามหน้าสื่อได้เช่นกัน

- เปา ขอบสนาม -

logoline