logo-heading

กิเลนผยอง ภายใต้การคุมทัพของ มาริโอ ยูรอฟสกี้ กลายเป็นทีมที่กลับมามีลุ้นหัวตารางอีกครั้ง เช่นเดียวกับสิงห์เจ้าท่า ของโค้ชอู๊ด ที่ดูเหมือนจะแป๊กกับปัญหาไฟดับ แต่ตอนนี้ก็ชนะมารวด กลายเป็นว่าทั้งเมืองทอง และ การท่าเรือ เหมือนจะเจอโค้ชที่พวกเขาตามหาอยู่เจอแล้ว!!

พูดถึงกระแสฟุตบอลไทยลีกชั่วโมงนี้ นอกจากเรื่องฟรีทีวีที่ถ่ายทอดสดวีคแรกแล้ว บีจีที่ยังคงไร้พ่าย ก็ไม่มีใครจะกระแสแรงเท่า "โค้ชโอ้" มาริโอ ยูรอฟสกี้ กุนซือคนใหม่ของทีมเอสซีจี เมืองทองฯ ที่คุมทีมไปแล้ว 2 นัด พาทีมพุ่งชนกับชัยชนะได้ทั้งสองเกม ที่สำคัญเกมล่าสุดคือการบุกไปชนะทีมคู่รักคู่แค้นอย่างบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซะด้วย หลังจากที่ กาม่า ลาออกจากเอสซีจี สเตเดี้ยม และเมืองทองฯ ก็แต่งตั้ง ซูเปอร์มาริโอ เข้ามาคุมทัพ ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นาๆ มากมาย บ้างก็ว่ามือไม่ถึงบ้างละ บ้างก็ว่าโค้ชไม่มีประสบการณ์แบบนี้คงอยู่ไม่นาน บ้างก็ว่าตั้งมาเอากระแส แต่จากผลงานสองเกมที่ผ่านมา การบุกไปชนะโปลิศ เทโรฯ 3-1 และบุกชนะบุรีรัมย์ 3-2 ผมว่าเสียงวิจารณ์เหล่านั้น ดูจะคิดผิดนะครับ แต่เรา ก็หา...กันจนเจอ!! 2 โค้ชผู้ปลุกชีพให้ทีมกลับมามีลุ้น จริงอยู่ว่ามันแค่ 2 เกม เป็นเรื่องธรรมดาของฟุตบอลเปลี่ยนโค้ช ว่านักเตะมันจะมีความมุ่งมั่นเป็นพิเศษ อยากโชว์โค้ชใหม่ อันนี้ก็ไม่เถียง แต่ในผลงานสองเกมที่ผ่านมาของเมืองทองฯ มันไม่ได้แค่การได้ผลการแข่งขันที่ต้องการ แต่รูปแบบการเล่น มันดูมีมิติ จากที่เกมรุกดูจะไม่มีไอเดียอะไรเลย กลับกลายเป็นทีมที่เกมรุกจัดจ้านซะอย่างนั้น นักเตะอย่าง วิลเลี่ยน พ็อพพ์ ที่มีแต่คนบอกว่าของปลอมทำเหมือน ก็มายิงประตูสองเกมติด แถมยิงแบบลูกเทพๆ ทั้งนั้นด้วย ซึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกอย่างมันมาจากการกุนซือคนใหม่ที่ชื่อ มาริโอ และทีมงาน คำที่บอกว่าจะปลุกกิเลน ต้องใช้กิเลน ก็ดูเหมือนจะจริง เพราะถ้าสมมติไม่ใช่มาริโอ คุมทัพ แล้วเมืองทองไปได้ โค้ชซิโก้ หรือไปเอาโค้ชดังๆ คนอื่นมาคุมทัพ บางทีอาจจะไม่ชนะรวด 2 นัดแบบนี้ก็เป็นได้ บางทีฟุตบอลมันไม่ต้องการอะไรที่เพอร์เฟคไปซะทุกอย่าง ขอเพียงแค่ส่วนผสมที่เข้ามามันลงตัว เข้ากันได้ดีก็พอแล้ว ซึ่งบางที มาริโอ ยูรอฟสกี้ อาจจะเป็นโค้ชที่เมืองทองฯ ตามหาก็เป็นได้ แต่ก็นั่นแหละ ช่วงนี้อาจจะเป็นช่วงฮันนีมูน อะไรก็ดูดีไปหมด อย่างไรก็ดีหลังจากนี้คงจะต้องมีเกมที่ทีมเล่นไม่ออก หรืออาจจะได้รับความพ่ายแพ้บ้าง ซึ่งก็ต้องรอดูฝีมือของโค้ชโอ้ อีกทีว่าจะพาทีมไปตลอดรอดฝั่งแค่ไหน สำหรับกิเลนผยอง จากเดิมที่ดูเหมือนจะลุ้นแค่อันดับเลขตัวเดียว หรือขอติดท็อปโฟร์ไปเล่น ACL แต่ก็เป็นการตั้งความหวังแบบไม่ได้ตั้งใจมาก แต่บอกเลยว่าถึงตรงนี้คิดแบบตั้งใจได้เลย ถ้ายังเล่นได้แบบนี้อีก 4-5 นัด ขอแค่ 4-5 นัด กิเลนผยองมีโอกาสติดท็อปโฟร์ในเลกแรกได้สบาย ส่วนในระยะยาวจนจบฤดูกาลก็ต้องรอดูกันอีกครั้ง แต่ถึงตรงนี้ผมว่าแฟนบอลกิเลนผนองคงแฮปปี้ และดูเหมือนทีมก็จะเดินมาถูกทางแล้ว แต่เรา ก็หา...กันจนเจอ!! 2 โค้ชผู้ปลุกชีพให้ทีมกลับมามีลุ้น พูดถึง มาริโอ ที่ชนะรวด จะไม่พูดถึงอีกคนก็คงไม่ได้ นั่นคือ "โค้ชอู๊ด" สระราวุฒิ ตรีพันธ์ ของทีม "สิงห์เจ้าท่า" ที่กลับกลายเป็นว่าเหมือนจะหลุดวงโคจรลุ้นแชมป์ ตอนนี้กลับมารั้งตำแหน่งรองจ่าฝูงแล้ว ด้วยผลงานชนะรวด 4 เกมติดตั้งแต่ที่ "โค้ชอู๊ด" มาคุมทัพ จากที่ช่วงกลับมารีสตาร์ทหลังโควิด ทีมเจอทั้งปัญหาเรื่องไฟดับ รวมทั้งผลงานในสนามก็ไม่ค่อยจะดี ตอนนั้นก็เหมือนจะแกว่งไปเล็กน้อย โชคดีที่มาดามแป้ง ตัดสินใจเร็วด้วยการดึง "โค้ชอู๊ด" กลับมาคุมทีมอีกครั้ง ช่วงแรกที่ทีมฟอร์มดี ซึ่งต่อเนื่องมาจากปลายฤดูกาลที่แล้ว โค้ชอู๊ด นั้นก็เป็นกุนซือคู่กับ "โค้ชโชคทวี" ซึ่งตอนนั้นทีมการท่าเรือมีเกมรุกที่จัดจ้านมาก และเมื่อเปลี่ยนมาเป็นเซอร์เด็จ ก็ดูเหมือนจะดร็อปลงไป แต่พอโค้ชอู๊ด กลับมา เกมรุกของพวกเขาก็กลับมาดุดันอีกครั้ง ตอนนี้การท่าเรือชนะรวดมา 4 ทีม ทำให้ถีบตัวเองขึ้นมารั้งรองจ่าฝูง ตามบีจี 7 แต้ม แถมยังเหลือเกมตกค้างหนึ่งนัดกับเมืองทองฯ ถ้าเก็บชัยชนะได้ จะทำให้ช่องว่างเหลือแค่ 4 คะแนนเท่านั้น ซึ่งถ้ามองในระยะยาว มีลุ้นแชมป์แบบเต็มตัว

ไปๆ มาๆ กลายเป็นว่าสองทีมอย่างเอสซีจี เมืองทองฯ และการท่าเรือ กับการตัดสินใจเปลี่ยนโค้ช และเลือกโค้ชคนใหม่เข้ามาแทน ดูจะเป็นตัวเลือกที่ถูกต้อง และอาจจะเป็นคนที่ทั้งสองทีมตามหากันจนเจอก็เป็นได้

 
logoline