logo-heading

ถ้าจะพูดถึงเด็กในอคาเดมี่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึงรุ่นคลาส ออฟ 92 ที่นำมาโดย พี่-น้อง เนวิลล์, ไรอัน กิ๊กส์, พอล สโคลส์ หรือ เดวิด เบ็คแฮม

ซึ่งในรุ่นต่อๆ มาทาง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็พยายามเฟ้นหาเด็กดาวรุ่งที่จะขึ้นมาทดแทนเหล่าแข้งรุ่นใหญ่ และกลายเป็นลูกกรอกคะนองอีกชุดที่จะขึ้นมาไล่ล่าความสำเร็จให้กับทีม ซึ่งในช่วงต้นปี 2000 ป๋าเฟอร์กี้ ก็ได้โอกาสดันเด็กอีกชุดให้ก้าวขึ้นมายังทีมชุดใหญ่ของทีม แต่ทว่าสิ่งที่คาดคิดกลับตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถเอาตัวรอด และก้าวผ่านคำว่าดาวรุ่งได้ ว่าแล้ว เราเลยจะพาย้อนกลับไปในช่วงเวลาดังกล่าวว่ามีเด็กผีคนไหนบ้างที่ ป๋าเฟอร์กี้ พยายามปลุกปั้น และดันขึ้นมาสู่ทีมชุกใหญ่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ไมเคิ่ล สจ๊วต

เด็กหนุ่มที่เข้าสู่อคาเดมี่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งแต่วัยเพียง 16 ปีเท่านั้น โดยจุดเริ่มในวงการลูกหนังของเขาคือการฉายแววเด่นกับทีชุดอายุไม่เกิน 17 ปี ของ กลาสโกว เรนเจอร์ โดยบทบาทที่ถนัดที่สุดของ สจ๊วด คือการเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวกลาง และสามารถถอยลงไปเล่นเป็นตัวตัดเกมได้อีกด้วย โดยเกมนัดแรกในทีมชุดใหญ่ของ "ปีศาจแดง" คือเกมลีก คัพ ที่พบกับ วัตฟอร์ด เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2000 ซึ่งในเกมดังกล่าว สจ๊วด ถูกส่งลงสนามในฐานะแข้งตัวสำรอง ซึ่งหลังจากนั้นเขาก็พอมีโอกาสในทีมชุดใหญ่อยู่บ้างแต่ก็ไม่มากนักทำให้ถูกปล่อยยืมตัวไปหลายสโมสรไม่ว่าจะเป็น น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ หรือ ฮาร์ท ก่อนที่ในช่วงซัมเมอร์ปี 2004 เจ้าตัวได้หมดสัญญากับ แมนฯ ยูไนเต็ด และได้ย้ายกลับไปเล่นในลีกบ้านเกิดกับ ฮิเบอร์เนี่ยน ทิ้งสถิติลงเล่นภายใต้สีเสื้อ ยูไนเต็ด ไว้เพียง 14 นัดเท่านั้น ซึ่งหลังอยู่กับ ฮิเบอร์เนี่ยน ได้ 2 ปี เขาก็ได้โยกย้ายไปหลายสโมสรทั้ง ฮาร์ท, เกนเคลร์บีร์ลีจี้ ก่อนมาปิดฉากอาชีพค้าแข้งกับ ชาร์ลตัน แอธเลติก เมื่อช่วงปี 2011 

ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์

เชื่อว่านี่น่าจะเป็นหนึ่งในแข้งที่แฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด รักมากเลยก็ว่า เพราะนอกจากจะเติบโตมาจากอคาเดมี่ของทีม เขายังเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จอย่างมากมายกับสโมสรแห่งนี้ โดย เฟร็ทเชอร์ เข้าสู่อคาเดที่ของ "ปีศาจแดง" ตั้งแต่อายุเพียง 11 ปีเท่านั้น ซึ่งเขาใช้เวลาในการฝึกปรือลูกหนังในทีมชุดเล็กอยู่กว่า 8 ปี ก่อนที่จะได้โอกาสลงสนามเกมแรกในช่วงปี 2001 ก่อนที่จะเริ่มเข้ามามีบทบาทกับทีมมากขึ้นในฤดูกาล 2003-04 ที่เขาได้โอกาสลงเล่นทุกรายการไปมากถึง 35 เกม  ซึ่งตลอด 12 ปี ในสีเสื้อ ยูไนเต็ด เขากวาดแชมป์ไปครองได้มากถึง 15 โทรฟี่ ก่อนที่จะเก็บกระเป๋าออกจากทีมเมื่อปี 2015 ไปร่วมทัพ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ก่อนจะไปแขวนสตั๊ดกับ สโต๊ค ซิตี้ เมื่อช่วงปีที่ผ่าน และล่าสุด เฟล็ทเชอร์ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกุนซือทีมรุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี แต่ยังคงเป็นในรูปแบบชั่วคราว เพราะตอนนี้เจ้าตัวกำลังเรียนโค้ชอยู่นั่นเอง

ลุค แชดวิค

เด็กหนุ่มจากเคมบริดจ์ตบเท้าเข้าสู่รัง แมนฯ ยูไนเต็ด ในช่วงปี 1997 ก่อนที่ในอีก 2 ปีต่อมาจะได้โอกาสลงเล่นในทีมชุดใหญ่ ซึ่งภาพจำส่วนใหญ่ของแฟนบอล "ปีศาจแดง" คือการเป็นแข้งเป็นอะไหล่สำรองให้กับ เดวิด เบ็คแฮม จุดเด่นของ แชดวิด อยู่ที่การเลี้ยงบอลแบบทะลุทะลวง และตะลุยไปข้างหน้าได้อย่างดีเยี่ยม  แต่อย่างไรก็ตามเขาไม่อาจแจ้งเกิดกับทีมได้ รวมแล้วลงเล่นให้ทีมไปเพียง 38 นัด อยู่ในชุดแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ช่วงปี 2001 และ 2003 อีกด้วย ซึ่งหลังจากนั้นเจ้าตัวก็ย้ายออกจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ไปในช่วงปี 2004 พเนจรไปอยู่กับอีกหลายสโมสร นับรวมๆ แล้วมากกว่า 10 ทีม แต่ทุกทีมล้วนไม่ได้อยู่ในลีกสูงสุด ทำให้ แซดวิด วนเวียนอยู่กับเดอะ แชมเปี้ยนชิพ หรือ ลีก วัน ทั้งนั้น ปัจจุบัน ลุค แชดวิค ประกาศแขวนสตั๊ดไปแล้วเป็นที่เรียบร้อยด้วยวัย 35 ปี โดยสโมสรสุดท้ายของเขาคือ โซแฮม ทาวน์ เรนเจอร์ ทีมเล็กๆ ในลีกภูมิภาคของ เคมบริดจ์ เมืองที่เขาลืมตาดูโลกนั้นเอง

จอห์น โอเช

ชายที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของ แมนฯ ยูไนเต็ด เพราะด้วยการกวาดไปมากถึง 14 โทรฟี่แชมป์คือเครื่องการันตีชั้นยอด โดย โอเช เข้าสู่รัง "ปีศาจแดง" ช่วงปี 1998 ก่อนที่หลังจากนั้นไม่กี่ปีก็ได้โอกาสลงสนามกับทีมชุดใหญ่ ซึ่งจะว่าไปนี้เป็นศิษย์เอกของ ป๋าเฟอร์กี้ เลยก็ว่า เพราะด้วยความสารพัดประโยชน์ที่เล่นได้หลากหลายตำแหน่งในแดนหลัง แม้กระทั่งผู้รักษาประตูจำเป็นก็เคยลงเล่นมาแล้ว โดย โอเช เดินหันหลังออกจากโอลด์ แทรฟฟอร์ด ไปเมื่อปี 2011 ทิ้งสถิติการลงสนามกับทีมไว้ถึง 394 นัด ก่อนจะย้ายไปค้าแข้งกับ ซันเดอร์แลนด์ นานถึง 7 ปีเต็ม และมาปิดฉากอาชีพลุกหนังกับ เร้ดดิ้ง เมื่อช่วงปีที่ผ่านมานี้เองด้วยวัย 39 ปี

พอล เทียร์นี่ย์

เด็กหนุ่มจากเมืองซัลฟอร์ด เดินทางเข้าสู่ศูนย์ฝึกลูกหนังของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในช่วงปี 1999 แต่ทว่าเขาไม่อาจแจ้งเกิดกับทีมชุดใหญ่ หนำซ้ำการถุกปล่อยยืมตัวไปสโมสรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ครูว์ อเล็กซานดร้า , โคเชสเตอร์ หรือ แบร็ดฟอร์ด ทำให้เขายิ่งห่่างไกลกับการลงเล่นให้กับ "ปีศาจแดง" มากขึ้นเท่านั้น ก่อนที่ในปี 2005 พอล เทียร์นี่ย์ จะถูกปล่อยออกจากทีมไปร่วมทัพ ลิฟวิ่งสโตนส์ ทีมในประเทศสก็อตต์แลนด์ ซึ่งก็ค้าแข้งได้เพียงปีเดียวก่อนจักลับมายังอังกฤษมาเล่นให้กับ แบล็คบลู, สต็อกพอร์ต และแขวนสตั๊ดกับ อัลทริงแคม ด้วยวัยเพียง 27 ปี เท่านั้น

แดนนี พัค

แข้งที่เติบโตขึ้นมาจากทีมเยาวชนของ แมนฯ ยูไนเต็ด โดยเข้าสู่ทีมอคาเดมี่ในช่วงปี 1992 ก่อนที่ในอีก 10 ปีต่อมาจะได้รับโอกาสจาก อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในการลงเล่นในทีมชุดใหญ่ ซึ่งในซีวั่นแรกเจ้าตัวลงสนามไปทั้งมหด 5 นัด ซึ่งด้วยตำแหน่งถนัดอย่างฟูลแบ็คทำให้โอกาสได้การลงสนามของเขาช่วงนั้นมันน้อยนิดเพราะมีรุ่นพี่ยืนขว้างหน้า ทำให้สุดท้าย พัค ลงเล่นให้ "ปีศาจแดง" ไปเพียง 5 นัดเท่านั้น ก่อนที่ในปี 2004 เจ้าตัวจะย้ายออกทีมร่วมทีมคู่แค้นอย่าง ลีดส์ ยูไนเต็ด แต่ก็อยู่กับทีมได้เพียง 2 ปี ก็ต้องถึงเวลาโยกย้ายอีกครั้ง ซึ่งหลังจากนั้นเขาจึงกลายเป็นแข้งพเนจรในที่สุดเพราะหลังจากนั้นเขาย้ายทีมไม่ต่ำกว่า 6 ครั้งกับสโมสรแตกต่าง และเพิ่งประกาศแขวนสตั๊ดไปเมื่อช่วงปีที่ผ่านมานี้เองในวัย 38 ปี ส่วนสโมสรสุดท้ายก็คือ พอร์ท เวล ทีมในลีก ทู อังกฤษ

คีแรน ริชาร์ดสัน

หนึ่งในดาวรุ่งที่ได้รัยการจับตามองว่าจะก้าวขึ้นมาเฉิดฉายกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้สำเร็จ แต่ทว่าทุกสิ่งที่แฟนบอบลคาดหวังก็พังทะลายลงไปเพราะ ริชาร์ดสัน ฝีเท้านานวันไปไม่ได้พัฒนาขึ้นเลยแต่อย่างใด ย้อนกลับไปดาวเตัชาวอังกฤาก้าวมายังศูนย์ฝึกลูกกรอกคะนองของ ยูไนเต็ด ช่วงปี 2001 ก่อนที่อีก 1 ปีต่อมาจะได้โอกาสลงเล่นทีมชุดใหญ่ ซึ่งช่วงแรกเขาถือว่าสร้างผลงานในสนามได้อย่างน่าพอใจ และอยู่ในทีมชุดที่คว้าแชมป์ลีกปี 2003 กับ 2007 ได้อีกด้วย แต่ทว่าอย่างที่บอกไปว่ากรพัฒนาของเขาไม่ได้เป็นไปตามสเต็ปที่ควรจะเป็น เขาไมาอาจก้าวข้ามคำว่าดาวรุ่งไปได้ แม้จะได้โอกาสในชุดใหญ่อยู่หลายปีแต่สุดท้ายก็ต้องแยกทางกันไปทิ้งสถิติลงเล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไว้ทั้งหมด 81 นัด ยิง 11 ประตู  ริชาร์ดสัน ย้ายไปเติบโตกับ ซันเดอร์แลนด์ พร้อมขึ้นเป็นตัวหลักของทีมตลอดในช่วงเวลา 5 ปี กับทัพ "แบล็คแคท" ก่อนที่จะวนเวียนอยู่ในอังกฤษย้ายไป ฟูแล่ม, แอสตัน วิลล่า และปิดฉากลูกหนังกับ คาร์ดิฟฟ์ เมื่อช่วงปี 2016 

- เปา ขอบสนาม -

logoline