logo-heading

ไม่รู้ว่าพวกเราเหล่าแฟนบอลได้สังเกตกันบ้างมั้ยครับว่า หลังจากที่วงการลูกหนังพักเบรคโควิดไป กลับมาเตะใหม่ ทำไมบรรดาทีมใหญ่ๆ เสียประตูง่ายจัง และเก็บคลีน-ชีท ได้ยากมากขึ้น?

  ยกตัวอย่างเช่น บาเยิร์น มิวนิค แชมป์ยุโรปสโมสรล่าสุด ฤดูกาลที่แล้วในเวที บุนเดสลีกา เยอรมัน พวกเขาเสียประตูไปแค่ 32 ลูก จาก 34 เกม เฉลี่ยเสียนัดละไม่ถึง 1 เม็ด โดยมี โจชัว คิมมิช เป็ยแบ็กขวา ฝั่งซ้ายก็ได้แบ็กดาวรุ่งทีมชาติแคนาดาอย่าง อัลฟองโซ่ เดวีส์ ที่พุ่งขึ้นมาทำผลงานได้อย่างโดดเด่น เซ็นเตอร์ฮาล์ฟก็มี เยโรม บัวเต็ง ทว่ามาในฤดูกาลนี้ ผ่านไปแล้ว 8 นัดในลีก แม้ว่า "เสือใต้" จะยังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม รั้งจ่าฝูงอยู่ ทว่าพี่เสือก็เสียไปแล้วถึง 12 ประตู เฉลี่ยเสียนัดละ 1.5 ประตู ถือว่าผิดวิสัยทีมอย่าง บาเยิร์น มากๆ  ทีนี้เราข้ามมาดูที่เกาะอังกฤษกันบ้าง เชลซี จัดการคว้าเซ็นเตอร์ฮาล์ฟประสบการณ์สูงอย่าง ติอาโก้ ซิลวา เข้ามาหวังอุดรูรั่ว แต่มันก็เหมือนจะยังหาคู่หูที่ลงตัวให้เขาไม่ได้ เรื่องของนายด่านนี่โชคดีที่ไปคว้า เอดูอาร์ เมนดี้ เข้ามาเฝ้าเสาได้ทันก่อนตลาดปิด เพราะหากฝืนใช้ เกปา ต่อไปคงเสียประตูเยอะกว่านี้เป็นแน่แท้ ปัจจุบัน "สิงห์บลูส์" ลงเล่นใน พรีเมียร์ลีก ไปแล้ว 9 นัด เสีย 10 ประตู ค่าเฉลี่ยเกินนัดละลูก ด้าน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อุตส่าห์ทุ่มเงินกว่า 100 ล้าน เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ซื้อ รูเบน ดิอาซ กับ นาธาน อาเก้ เข้ามาร่วมทีม แต่ดูท่าจะยังไม่เวิร์คเท่าไหร่ เสียไปแล้ว 11 ลูกจาก 8 เกมแลกในลีกฤดูกาลนี้ ขณะที่ ลิเวอร์พูล ไม่ต้องพูดถึงเลย การเสีย เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ กับ โจ โกเมซ 2 เซ็นเตอร์ตัวหลัก ที่เจ็บหนักต้องพักยาว มันส่งผลกระทบอย่างรุนแรงอยู่แล้ว ซึ่งตอนนี้ "หงส์แดง" โดนทะลวงตาข่ายไปแล้วถึง 16 ลูกจาก 9 เกมแรกในลีก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ของกุนซือเจ้าของฉายารถบัสอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ แม้ว่าจะเป็นทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดใน พรีเมียร์ลีก อยู่ ณ เวลานี้ แต่ก็เสียไปแล้วถึง 9 ประตู จาก 9 เกมแรก นั่นหมายความว่าค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 1 ลูกต่อ 1 เกม ส่วนอีกหนึ่งทีมขวัญใจมหาชนอย่าง แมนฯ ยู ไม่ต้องไปดูให้เสียเวลา มีกองหลังค่าตัวแพงที่สุดในโลกก็ไม่ช่วยอะไร โดนยิงไปแล้ว 14 ประตู จาก 8 เกม จะว่าไปแล้วเรื่องของแท็คติก นับตั้งแต่ อันโตนิโอ คอนเต้ เข้ามาคุม เชลซี แล้วติดตั้งระบบหลัง 3 ให้ทัพ "สิงห์บลูส์" จนประสบความสำเร็จคว้าแชมป์มาครองได้ มันก็เริ่มมีกุนซือหลายคน ทดลองใช้แผนหลัง 3 ดูบ้าง ทั้ง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา, แฟรงค์ แลมพาร์ด, ราล์ฟ ฮัตเซนฮุทเซิ่ลส์, มิเกล อาร์เตต้า, เดวิด มอยส์ หรือแม้แต่ แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือทีมชาติอังกฤษ ทั้งหมดนี้ต่างก็เคยลองเอาแผนหลัง 3 ไปใช้งาน แต่ก็ทำไม่ได้ดีเหมือนที่ คอนเต้ ทำ จึงไม่มีใครใช้แผนนี้เป็นการถาวร ข้ามไปดูที่ ลา ลีกา สเปน กันบ้าง เรอัล มาดริด ก็โดนซัดไป 10 ลูก จาก 9 เกม ส่วน บาร์เซโลน่า ก็ไม่น้อยหน้า เล่นไป 8 นัด โดนจัดไป 9 ลูก เฉลี่ยเสียนัดละเกิน 1 ลูกทั้ง 2 ทีม แต่ที่เห็นจะเหนียวแน่นแรงดีไม่มีตก ก็คงจะเป็น แอตเลติโก มาดริด ของ ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ นี่แหละ ที่เน้นแนวทางการเล่นรับเหนียว โต้กลับดี ทำให้ตอนนี้ "ตราหมี" เพิ่งจะเสียไปแค่ 2 ลูก จาก 8 เกม และน่าจะเป็นบิ๊กทีมแค่ไม่กี่ทีมที่ไม่ประสบปัญหาเรื่องการเสียประตู หรือเก็บคลีน-ชีท จะว่าไปอีกหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้บรรดาทีมยักษ์ใหญ่เสียประตูง่ายขึ้นก็อาจจะเป็นเพราะเรื่องอายุอานามของนักเตะด้วย ยอดกองหลังแห่งยุคช่วง 10 ปีหลังมานี้อย่างเช่น เซร์คิโอ รามอส, เคร์ราร์ด ปิเก้, ดิเอโก้ โกดิน, จอร์โจ้ คิเอลลินี่ และ มัตส์ ฮุมเมิ่ลส์ พวกนี้ต่างอายุขึ้นเกินหลัก 3 ไปหมดแล้ว ความเร็ว ความฟิต อะไรมันก็ไม่เหมือนสมัยหนุ่มๆ  นอกจากนี้ในโลกลูกหนังสมัยใหม่ ทีมเล็กๆ ก็มักจะกล้าบุกกล้าโจมตีใส่ทีมใหญ่มากขึ้นด้วย ไม่ได้เกรงกลัวบารมีเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว นั่นจึงทำให้เราเห็นมหกรรมล้มยักษ์เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ ในช่วงหลังๆ มานี้ อีกอย่างคือโค้ชสมัยนี้ เน้นบอลเอ็นเตอร์เทนมากขึ้น ทำเกมรุกบุกเข้าใส่ เสียได้ไม่ว่า แต่ข้าต้องยิงให้ได้มากกว่าเสีย ไม่เน้นรับ ไม่เน้นเก็บคลีน-ชีท แถมมันยังมี VAR มา ทำให้ได้จุดโทษง่ายขึ้นอีกด้วย  ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลนี้ คงไม่น่าแปลกใจว่าทำไม กองหลังอายุน้อยฝีเท้าดีอย่าง ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, มัธไทส์ เดอ ลิกต์ หรือ ยูเลส คูนเด้ ที่กำลังทำผลงานได้อย่างแจ่มแมวแวววับกับ เซบีย่า จะถูกบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ จับจ้องกันตาเป็นมัน เพราะ มาดริด ก็คงอยากหาตัวแทน รามอส บาร์ซ่า เองก็หาตัวแทน ปิเก้ ส่วน เป๊ป ก็คงอยากได้คนที่ไว้ใจมายืนคู่หรือเป็นแบ็คอัพ อาเมริค ลาปอร์กต์ กับ รูเบน ดิอาซ เชลซี ของ แลมพาร์ด ก็หาคนมาจับคู่ลงตัวกับ ติอาโก้ ซิลวา และทีมใหญ่อีกหลายๆ ทีมก็คงอยากแก้ปัญหาอุดรูรั่วในเกมรับนี้ให้ได้ ฉะนั้นไม่แปลกใจเลยที่ทำไมช่วงนี้ ราคากองหลังดาวรุ่งถึงพุ่งสูงสุดๆ โก่งกันมันส์เลย แต่มันก็เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องลงทุน หากคุณอยากประสบความสำเร็จ ในโลกลูกหนังยุคนี้  

ชิน ชินพัฒน์

 
logoline