logo-heading

โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ชื่อนี้กลายเป็นเครื่องการันตีว่าคือหัวหอกจอมถล่มประตูไปแล้ว จากผลงานของเจ้าตัวทำมาตลอดในช่วงหลายปีหลัง จนกระทั่งล่าสุดสามารถคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่ามาครองได้สำเร็จ

ซึ่งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า เลวานดอฟสกี้ ในวัย 32 ปี เจ้าตัวสามารถรักษามาตรฐานของตัวเองไว้ได้อย่างดีเยี่ยม กลายเป็นว่ายิ่งแก่ยิ่งเก๋า ยิ่งแก่ ยิ่งบ้าคลั่งการถล่มประตู อย่างเช่นฤดูกาลที่ผ่านมาเจ้าตัวกระหน่ำไปถึง 55 ประตู จากการลงสนาม 47 นัด เป็นกำลังสำคัญของ บาเยิร์น มิวนิค ในการกวาด 5 แชมป์มาครองได้สำเร็จ โดยแท้จริงแล้วชื่อของ เลวาน เริ่มโด่งดังมาตั้งแต่สมัยค้าแข้งกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เมื่อปี 2010 ภายหลังทัพ "เสือเหลือง" ไปดึงตัวมาจาก เลซ พอชนัน สโมสรในประเทศโปแลนด์บ้านเกิดของเจ้าตัว ซึ่งในช่วง 2 ปีแรกกับ ดอร์ทมุนด์ ต้องบอกว่าโคตรสะเด่า โดยเฉพาะซีซั่น 2011-12 ที่ซัดไปถึง 30 ประตู และด้วยฟอรมที่ยอดเยี่ยมแบบนี้มันไม่แปลกที่เขาจะได้รับความสนใจจากหลายสโมสรใหญ่ในยุโรป เรื่องราวของวันวาน! ถ้าวันนั้น เลวาน มา แมนยูฯ จะเป็นเช่นไร  แน่นอนหนึ่งในนั้นต้องมีชื่อของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เข้ามาอยู่ในลิสต์รายชื่อด้วย โดย "ปีศาจแดง" เมื่อปี 2012 ยังคงมี เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เป็นนายใหญ่ และดีลการคว้าตัว เลวาน มันก็เริ่มปฎิบัติการขึ้นในช่วงตลาดนักเตะในปีนั้นเอง  และคนที่ลงมาพูดคุยเรื่องนี้ด้วยตัวเองก็คือ "ป๋าเฟอร์กี้" ที่ในตอนนั้นอยากได้กองหน้าประเภทโป้งปิดบัญชี เพื่อที่จะเข้ามาช่วยเหลือ เวย์น รูนี่ย์, แดนนี่ เวลเบ็ค และ ฮาเวียร์ เอร์นานเดส และที่สำคัญคือการกลับมาไล่ล่าแชมป์พรีเมียร์ลีก และความสำเร็จอื่นๆ ให้กลับมาสู่โรงละครแห่ความฝันอีกครั้งให้ได้  การเจรจาเกิดขึ้น และมันถึงขั้นที่ว่า เลวาน พร้อมแล้วที่จะโยกย้าย และขายวิญญาณให้กับ "ปีศาจแดง" แต่ทว่าฝันของเขาต้องล่มสลายไปด้วยเหตุที่ว่า ดอร์ทมุนด์ ไม่ต้องการปล่อยเจ้าตัวออกมาจากทีม "หลังจากปีที่สองของผมกับ ดอร์ทมุนด์ ผมได้พูดคุยกับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน  เขาต้องการให้ผมมาที่ แมนเชสเตอร์ ซึ่งผมนั่นให้สนใจเป็นอย่างมาก และผมนสามารถพูดได้ว่าผมพร้อมมากแล้ว"  "แต่ ดอร์ทมุนด์ ไม่ต้องการปล่อยผมออกไป แต่มันไม่ได้ทำให้ผมหงุดหงิดอะไรมากมายหรอกนะ พราะทุกอย่างกำลังไปได้สวยกับ โบรุสเซีย" ซึ่งจะว่าไปในห้วงเวลานั้นถือว่าน่าเสียดายเป็นอย่างที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องพลาดกองหน้าฟอร์มฮอต และฟอร์มกำลังแรงของวงการในขณะนั้น แต่อย่างไรก็ตาม "ป๋าเฟอร์กี้" ก็ไปให้ทางออกในการหันไปคว้าตัว โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ หัวหอกจาก อาร์เซน่อล มาร่วมทัพแทน และสุดท้ายก็อย่างที่เราเห็นว่า เพอร์ซี่ กับ ยูไนต็ด ในขวบปีแรกถือว่าประสบความเร็จมากเลยทีเดียวทั้งคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ, คว้าดาวซัลโวด้วยจำนวน 26 ประตู และติดทีมยอดเยี่ยม PFA ฟาน เพอร์ซี่ ส่วนฝั่ง เลวานดอฟสกี้ เจ้าตัวค้าแข้งกับ ดอร์ทมุนด์ ต่อไปอีก 2 จนกระทั่งหมดสัญญากับทีม และย้ายไปร่วมทัพ บาเยิร์น มิวนิค คู่แข่งร่วมลีกแบบฟรีๆ ไร้ซึ่งค่าตัว ซึ่งนั้นเปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นความสำเร็จทุกอย่างของ เลวาน 6 ปี ในสีเสื้อ "เสือใต้" กวาดไปแล้ว 15 โทรฟี่แชมป์ และถ้าจะบอกว่านี่คือดีลที่โคตรคุ้มของ บาเยิร์น มิวนิค ก็สามารถพูดได้อย่างเต็มปาก ย้อนกลับไปที่ แมนฯ ยูไนเต็ด การได้ RVP เข้ามาก็ถือว่าเป็นตัวแทน และตัวเลือกที่เหมาะสม แต่ทว่าสิ่งที่แตกต่างกับ เลวานดอฟสกี้ คือเรื่องของอายุ และการใช้งาน ณ วันนั้นเมื่อปี 2012 ฟาน เพอร์ซี่ อายุปาเข้าไป 29 ปีแล้ว ส่วน เลวาน เพิ่งจะ 24 ปี และตอนนี้อย่างที่กล่าวไปข้างต้น เลวานดอฟสกี้ เหมือนของที่ยิ่วแก่ก็ยิ่งร้อนแรง  ถามว่าถ้าวันนั้น เลวานดอฟสกี้ ย้ายไปสวมยูนิฟอร์มตรา "ปีศาจแดง" เขาต้องพบเจอกับอะไรบ้าง?  แน่นอนอย่างแรกเลยคือเรื่องของการปรับตัว แข้งหลายคนที่ฟอร์มอย่างเทพกับลีกอื่น แต่สุดท้ายก็มาตกม้าตายกับพรีเมียร์ลีกก็เยอะ รวมไปถึงความกดดันต่างๆ ที่จะถาโถมเขาเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว เพราะด้วยยี่ห้อของ แมนฯ ยูไนเต็ด มันช่างมีพลังงานรอบตัว พลาดเมื่อไหร่ทั้งสื่อ และแฟนบอลก็พร้อมที่จะมารุมวิจารณ์คุณเช่นเดียวกัน เลวานดอฟสกี้ ส่วนในเรื่องของแผนการเล่นในเวลานั้นถ้า แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ เลวาน มาจริงเขาก็คงยึด 11 ตัวจริงได้อย่างแน่นอน โดยมีนักเตะฝีเท้าเยี่ยมอย่าง เวย์น รูนี่ย์, ไมเคิ่ล คาร์ริค, แอชลี่ย์ ยัง, ไรอัน กิ๊กส์ หรือ พอล สโคลส์ ในการคอยสนับสนุนการทำประตูของดาวยิงจากโปแลนด์ ซึ่งมันอาจจะช่วยเกื้อหนุนให้ เลวาน กลายเป็นยอดดาวยิงเหมือนในทุกวันนี้ก็เป็นได้ แต่สุดท้ายทุกอย่างเป็นเพียงแค่การคาดเดาดีลดังกล่าวไม่ได้มีการเกิดขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริง ฉะนั้นมันอาจเกิดเหตุการณ์ที่ว่า เลวานดอฟสกี้ ล้มเหลวไม่ประสบความสำเร็จ หรือกลายเป็นแข้งเบอร์ 1 ของโลกได้ลุ้นรางวัลบัลลง ดอร์ ในทุกขวบปีปฎิทินก็เป็นได้ 

ถ้าจะให้ตอบว่าถ้าวันนั้น เลวาน ได้ลงเอยกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ถึงวันนี้สถานภาพของเจ้าตัวจะเป็นอย่างไร มันคงเป็นสิ่งที่วิเคราะห์ได้ยาก ก็อย่างที่ว่าโลกของลูกหนังอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ และยากเสมอต่อการคาดเดาสถานการณ์

- เปา ขอบสนาม -

 
logoline