logo-heading

ไม่มีปาฏิหารย์ ไม่มีพลิกล็อคอะไรใดๆ ทั้งนั้น สำหรับผลการแข่งขันศึก คาราบาว คัพ เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา เพราะ อาร์เซน่อล เปิดบ้านแพ้ง่ายสบายตัวให้กับ แมนฯ ซิตี้ ไปตามคาด 4-1 ประตู ร่วงตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนเกมนี้จะมีอะไรน่าสนใจเกิดอะไรขึ้นบ้างไปไล่ดูกันเลย

  เริ่มต้นที่การจัดทีมกันก่อนเลย อาร์เซน่อล ของ มิเกล อาร์เตต้า ที่ต้องการจุดเปลี่ยนหลังฟอร์มห่วยแตกมาอย่างต่อเนื่อง จนเก้าอี้กุนซือร้อนฉ่า ยังกล้าๆ ไม่ใส่ชุดใหญ่ให้โอกาสตัวสำรองลงเล่นซะเป็นส่วนใหญ่ โดยตัดสินใจใช้แผนหลัง 3 ตัว บวกแบ็กอีก 2 ฝั่ง เกมรุกแนวหน้าฝากความหวังเอาไว้ที่ อเลซ็องดร์ ลากาแซตต์ และ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ที่เพิ่งหายเจ็บกลับมา ขณะที่ทีมเยือน แมนฯ ซิตี้ ของกุนวือสมองเพชร เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ถือว่าจัดทีมมากะเอาตายเหมือนกันนะ เพราะพักตัวหลักแค่ไม่กี่คนเท่านั้น ชัดๆ เลยที่ได้พักไปเห็นจะมีแค่ เอแดร์ซอน, ไคล์ วอล์คเกอร์ส, เควิน เดอ บรอยน์ และ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เป็นต้น แต่ก็ยังมีนักเตะอย่าง กาเบรียล เฆซุส, ฟิล โฟเด้น, ริยาด มาห์เรซ, โรดรี้, แบร์นาร์โด้ ซิลวา และ รูเบน ดิอาส ลงเล่นเป็นตัวจริง หลังจากรายชื่อออกว่ากันตามหน้าเสื่อแล้ว ต่อให้ อาร์เซน่อล จัดชุดใหญ่ที่ดีที่สุดลงสนาม ยังไม่รู้จะต้านทาน "เรือใบสีฟ้า" ชุดนี้ได้รึป่าวเลยด้วยซ้ำ แล้วนี่เล่นส่งสำรองเกือบยกชุดแบบนี้ ผู้สันทัดกรณีก็มองว่า ผู้มาเยือนเหนือกว่าอยู่หลายขุม และมันก็ดูจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะเริ่มเกมมาได้แค่ 3 นาที ตดยังไม่ทันหายเหม็น ลูกทีมของเป๊ปก็ฉวยโอกาสออกนำไปก่อน จากจังหวะที่ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ แบ็กซ้าย เปิดบอลเข้ามาตรงเสาแรก และเป็น กาเบรียล เฆซุส ที่โฉบมาโขกตัดหน้า รูนาร์ รูนาร์สสัน นายด่าน ปืนใหญ่ เข้าประตูไป ส่งให้ เรือใบ ออกนำ 1-0 ตั้งแต่ไก่โห่ และถือเป็นการปลดล็อคของ เฆซุส ด้วย หลังเจ้าตัวทำประตูไม่ได้มานานถึง 609 นาที แม้ว่าจะโดนนำเร็ว แต่ดูเหมือนว่าเกมของ อาร์เซน่อล ก็ยังตั้งหลักกันไม่ได้ กลายเป็น แมนฯ ซิตี้ ที่ยังขึงเกมรุกบุกเข้าใส่ได้น่ากลัวกว่า และเกือบนำห่างเป็น 2-0 ได้ด้วย ทั้งจากจังหวะยิงไกลของ แฟร์นันดินโญ่ และจังหวะที่ มาห์เรซ เปิดเตะมุมมาให้ อายเมริค ลาปอร์กต์ โขกหลุดกรอบออกไป อย่างไรก็ตามพอฉวยโอกาสหนีห่างออกไปไม่ได้ ก็มาโดนลงโทษแทนซะอย่างงั้น กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ แนวรุก อาร์เซน่อล ขึ้นบอลมาทางซ้าย ก่อนจะย้ายเข้ากลาง วางไปให้ อเลซ็องดร์ ลากาแซตต์ บรรจงโขกเข้าไปไม่เหลือ ปืนใหญ่ ไล่ตีเสมอได้สำเร็จในนาทีที่ 32 ก่อนจะจบครึ่งแรกลงไปด้วยสกอร์นี้ ครึ่งหลังเกมก็ยังคงเป็นของ แมนฯ ซิตี้ ที่ทำได้ดีกว่า และแล้วก็มาได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งจนได้ในนาทีที่ 55 จากจังหวะที่ ริยาด มาห์เรซ ปั่นฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษเยื้องไปทางขวา บอลลอยข้ามกำแพง แต่ไม่แรงนัก ทว่า รูนาร์สสัน ดันทำพลาดตัดสินใจไม่ดีว่าจะรับหรือชกทิ้งดี บอลเจ้ากรรมเลยปลิ้นเข้าประตูไปซะอย่างงั้นเลย หลังจากโดนนำอีกครั้ง ปืนใหญ่ ก็ทำนบแตก 4 นาทีต่อมาก็มาโดนสอยเพิ่มอีก 1 เม็ด แฟร์นันดินโญ่ กองกลางพี่ใหญ่ในขุมกำลังชุดนี้ แทงบอลจากทางซ้ายย้ายเข้าไปในเขตโทษให้ ฟิล โฟเด้น โฉบเข้ามายกบอลข้ามตัวผู้รักษาประตู ปืนใหญ่ เข้าประตูไป ส่งให้ เรือใบ นำไปเป็น 3-1 ตอนครบ 1 ชั่วโมงเต็มของเกมพอดี  เท่านั้นไม่พอ 3-1 ยังไม่สาแกใจ ไอ้เรือใบจอมโหด กดเพิ่มอีก 1 ตุง ในนาทีที่ 73 ฟิล โฟเด้น ครอสบอลมาให้ อายเมริค ลาปอร์กต์ ขึ้นโขกกดลงพื้นผ่านมือ รูนาร์สสัน เข้าประตูไป เป็นการย้ำชัยชนะ 4-1 ถล่มเละเทะชนิดไม่เกรงใจเจ้าบ้าน และ เป๊ป เองก็ไม่เกรงใจอดีตลูกทีมและอดีตมือขวาที่ตูดกำลังร้อนผ่าวอย่าง มิเกล อาร์เตต้า เลย และชัยชนะนัดนี้ทำให้ แมนฯ ซิตี้ กลายเป็นทีมแรกที่บุกมาเอาชนะ อาร์เซน่อล ได้ถึงถิ่น 4 นัดติดต่อกัน นับตั้งแต่ที่ เชลซี เคยทำเอาไว้ได้ระหว่างปี 1960-1965 เลยทีเดียว  

ชิน ชินพัฒน์

logoline