logo-heading

เสียงแห่งความผิดหวัง สำหรับสาวก ลิเวอร์พูล มันดังแซ่ซ่องไปทั่วโลกโซเชี่ยล เน็ตเวิร์ค เมื่อขุนพล หงส์แดง ทำได้เพียงเสมอกับ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 1-1 แบบช็อกตาตั้ง เพราะเกมนี้แฟนบอลหมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องเก็บ 3 คะแนน ให้ได้

อย่างไรก็ตามทุกอย่างที่้เกิดขึ้น ย่อมมีเหตุผลมารองรับ เพราะ ลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มไม่น่าประทับใจกันเองในช่วงครึ่งหลัง ขณะที่ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ก็เล่นอดทนรออย่างใจเย็น จนได้ลูกตีเสมอ มีอะไรที่ต้องพูดถึงในเกมนี้ มานั่งเหลาจับเข่าคุยประเด็นหลังเกมนี้กันเลยดีกว่า

- หงส์แดง ขึ้นนำ นึกว่าไหล

ไม่ต้องไปเดาอะไรให้มากความ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน มาตั้งรับตามระเบียบ ขึ้นอยู่กับว่า ขุนพล "หงส์แดง" จะเจาะทำนบไปได้หรือไม่ ซึ่งทาง เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็จัดเกมรุกแบบเต็มสูบ นำมาโดย 3 ประสาน ซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ หลังจากเปิดฉากจัดเกมรุก และ พยายามหาวิธีเจาะแนวรับคู่แข่งให้ได้ เพียงแค่ 12 นาที สาวก เดอะ ค็อป ก็ได้เฮกันแล้ว โดยเป็นจังหวะที่บรรดาเซ็นเตอร์แบ็ก บุกขึ้นมากันอยู่ในเขตของ เวสต์บรอม ก่อนจะเป็น โจเอล มาติป เปิดบอลไปในกรอบเขตโทษให้กับ มาเน่ ชิงพักอกเอาบอลลงได้ก่อน และ ตวัดยิงเข้าไปอย่างเฉียบคม เป็นการเปิดซิงได้อย่างสวยงามสำหรับทั้ง มาเน่ และ ลิเวอร์พูล เพราะการออกนำ 1-0 หลังจากผ่านมา 10 นาที น่าจะทำให้พวกเขาเล่นได้ไม่อยาก และ ไร้ความกดดัน ซึ่ง ณ ตอนนั้น ดูแล้วสกอร์อาจจะไหล เพราะเล่นที่แอนฟิลด์ ซึ่ง หงส์แดง เก็บชัยชนะมาตลอด ในลีก ซีซั่นนี้

- บิ๊กแซม มาตามคำพูด ขออุดเพื่อไม่ให้เสียประตู

ก่อนเกม แซม อัลลาร์ไดซ์ กุนซือของ เวสต์บรอมวิช ลั่นวาจาแล้วว่า การบุกมาเยือนแอนฟิลด์ เขาได้กำชับลูกทีมว่าจะต้องไม่เสียประตูเท่านั้น ยิงไม่ได้ช่างแม่งมัน ซึ่งถึงแม้ว่าลูกทีม "บิ๊กแซม" จะไม่อาจทำตามคำสั่ง เพราะเล่นเสียประตูไปตั้งแต่ 12 นาทีแรก แต่กระนั้นรูปแบบและแท็คติค ไม่ได้เสียกระบวนไปแต่อย่างใด เพราะ "เดอะ แบ็กกี้ส์" ยังรับเหนียวแน่นเช่นเดิม ปล่อย ลิเวอร์พูล พับสนามบุกอยู่ฝ่ายเดียว ชนิดที่ หงส์แดง ครองบอลมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ไม่ว่าจะถูกเจ้าบ้านโจมตีมาในรูปแบบไหน ทั้งครอสจากด้านข้าง รับมือจากลูกฟรีคิก หรือ จะเป็นความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะ บอกเลยว่า เวสต์บรอมวิช ทำได้อย่างอยู่หมัด และ การตามหลังเพียงแค่ 1 ประตู นั่นหมายความว่า เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ยังมีโอกาสที่จะกลับมาสู่เกม ซึ่งครึ่งแรก หากไม่นับจังหวะที่เสียประตูให้กับ มาเน่ ที่เหลือถือว่าทำได้อย่างยอดเยี่ยม

- ครึ่งหลัง หงส์แดง เครื่องช็อต มีช็อตเกือบโดนตีเสมอ

ต่อให้ ลิเวอร์พูล จะครองบอลอยู่ฝ่ายเดียว แต่การนำอยู่แค่ 1 ลูก ไม่มีความปลอดภัยใดๆทั้งสิ้น เพราะ เวสต์บรอมวิช เคยทำแสบเสมอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-1 ที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม มาแล้ว โดยครึ่งหลังถึงแม้ว่า หงส์แดง จะยังบุกใส่อยู่ฝ่ายเดียว แต่มันไม่ได้มีประสิทธิภาพใดๆเพียงพอที่จะเจาะแนวรับ เดอะ แบ็กกี้ส์ ได้เลย เพียงแต่คราวนี้ ลูกทีมของ "บิ๊กแซม" ไม่ได้เกรงกลัว ลิเวอร์พูล หรือ จะเอาแต่อุด เพื่อรอวันกลับบ้านมือเปล่าอีกแล้ว พวกเขาใช้ทีเด็ดจากลูกโต้กลับทันที โดยเมื่อตัดบอลได้ พวกเขาจะเปลี่ยนจากรับ เป็นรุก ใช้การเซ็ตบอลแค่ไม่กี่จังหวะถึงหน้าประตู หลังจากที่ มาติป ถูกเปลี่ยนออกไป เพราะอาการบาดเจ็บ ต้องส่ง รีส วิลเลี่ยมส์ ลงสนาม ก็มีช็อตที่เกือบโดนทันที โดยเป็น คาร์ลัน แกรนท์ ทีสปีดรับบอลจากเพื่อน วิ่งแซง วิลเลี่ยมส์ หลุดไปดวลกับ อลิสซอน เบ็คเกอร์ แต่ทว่ายิงไปติดขา พลาดโอกาสทองในการตีเสมอไปแบบน่าเสียดาย

- เวสต์บรอมวิช บุกจนได้ประตู

หลังจากที่ หงส์แดง พยายามแล้ว พยายามอีก เพื่อหวังที่จะยิงประตู แต่ก็ไม่อาจทำได้ ยิ่งผลงานในช่วงครึ่งหลัง นับว่าเป็นอะไรที่แย่มาก บางคนเล่นหลายจังหวะมากเกินไป โอกาสที่จะสวนขึ้นไปทำเกม ก็เสียจังหวะ หรือ เสียบอลไปเลยก็มี คราวนี้พอเสียบอล เหล่านักเตะ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ไม่มีความเกรงกลังใดๆต่อ ลิเวอร์พูล อีกแล้ว จากเกมบุกที่เคยขึ้นมาแค่ 2-3 คน คราวนี้ เพิ่มจำนวนเป็น 4-5 คน เพื่อหวังประตูตีเสมอ ทำเอาสาวก หงสแดง ทั้งในแอนฟิลด์ และ ทางบ้าน นั่งกันแทบไม่ติดเก้าอี้ และ เรื่องที่แฟนบอลไม่อยากให้เกิดขึ้น ก็เกิดจนได้ เมื่อ ลิเวอร์พูล เสียลูกเตะมุม ซึ่งแน่นอนว่าลูกเซตพีซเป็นความหวังที่ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน รอคอย ก่อนจะเป็น มาเธอุส เปเรร่า เปิดมาให้กับ เซมี่ อาจายี่ โดดขึ้นโขกบอลไปเช็ดเสา กระดอนข้ามเส้น เป็นลูกตีเสมอ 1-1 นาที 82 ถึงแม้ภาพช้าจะมีความสงสัยว่าล้ำหน้าหรือไม่ แต่เหมือนว่า VAR ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร 

- ท้ายเกม หงส์แดง เกือบได้ประตูชัย

จากการถูกตีเสมอ 1-1 เหมือนปลุกให้นักเตะ ลิเวอร์พูล ตื่นจากภวังค์ พยายามจะงัดก็อก 2 บุกใส่ เวสต์บรอมวิช อีกรอบ เพื่อหวังยิงประตูแซงนำอีกครั้ง และ เก็บ 3 แต้ม ให้ได้ ซึ่งโอกาสทองที่ควรได้ประตูมากที่สุด คงจะเป็นจังหวะที่ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ บรรจงเปิดไปเสาไกลให้กับ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ หัวหอกเจ้าของฉายา "ปิ้งไก่" มองบอลด้วยสุขุม ขาปักหลักบนพื้นอย่างแน่นอน เกร็งคอแข็งเป็นลำ ! ก่อนจะโขกให้บอลตกลงพื้น ย้อนทางไปทีเสาแรก ทุกอย่างที่ว่ามานั้น กำลังจะสมบูรณ์แบบ แต่ทว่า แซม จอห์นสโตน ผู้รักษาประตู เวสต์บรอม พุ่งปัดมือเดียวได้แบบโคตรซูเปอร์เซฟ เพราะนั่นคือโอกาสเดียวที่ ลิเวอร์พูล มีโอกาสแซงนำ สุดท้าย จบเกมด้วยผลเสมอ 1-1 นับเป็นความเสียหายอย่างยิ่งสำหรับ ลิเวอร์พูล แต่เป็น 1 แต้มอันล้ำค่าสำหรับทีมหนีตายอย่าง เวสต์บรอมวิช และ เป็นอีกครั้งที่ บิ๊กแซม โชว์ให้เห็นว่าชอบเหลือเกินกับการคุมทีมลงเล่นในถิ่นแอนฟิลด์ เพราะมาเยือนที่นี่ 3 ครั้งหลังสุด ไม่แพ้กลับไปเลย พร้อมหยุดสถิติ หงส์แดง ที่ชนะรวด ในถิ่น แอนฟิลด์ เกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่นนี้ ลงเรียบร้อย 

ฮาย-

logoline