logo-heading

ทุกวงการ จะมีคนที่เก่งที่สุดอยู่เสมอ เช่นเดียวกัน ก็จะมีคนที่เป็นพวกอันธาลในแวดวงนั้นอยู่เสมอ เพียงแต่พฤติกรรมหรือความก้าวร้าวไม่ได้แสดงออกมาอย่างเด่นชัด หากให้หยิบยกเปรียบเทียบวงการฟุตบอล มาริโอ บาโลเตลลี่ คือตัวชูโรงของเรื่องนี้ เมื่อนึกถึงนักเตะจอมเกรียนในยุคปัจจุบัน

ชีวิตของ "ซูเปอร์มาริโอ" เคยขึ้นไปสูงสุด ชนิดเป็นดาวเตะระดับท็อปของยุโรป แต่ด้วยนิสัยของเขา ที่ไม่มีเปลี่ยนตามอายุไปเลย ต่อให้จะเจนโลกใบนี้มามากมายขนาดไหน กลับกลายตกต่ำไปอยู่ในจุดต่ำสุดๆ เผลอๆอาจจะแย่สุดในชีวิตค้าแข้งแล้วด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตาม ชีวิตของ บาโลเตลลี่ เหมือนกำลังจะเกิดใหม่อีกครั้ง ต่อให้ต้องลดระดับไปเล่น กัลโช่ เซเรีย บี โอกาสของเขากำลังจะกลับ และ นี่คือเรื่องราวจากชีวิตตกต่ำ แต่อาจจะกลายเป็น คนใหม่ เผื่อว่ากลับมารุ่งโรจน์แห่งปี 2021  อีกครั้ง

เริ่มเก็บชื่อเสียงกับ อินเตอร์ มิลาน

จริงๆแล้ว บาโลเตลลี่ ต้องการเดินตามเส้นทางความฝัน เดินทางไปทดสอบฝีเท้ากับ บาร์เซโลน่า แต่ก็ต้องอกหัก เพราะโดนปฏิเสธ แต่เขาไม่เคยล้มเลิกความตั้งใจ จนได้มาอยู่กับ อินเตอร์ มิลาน ว่ากันตามตรง ไม่รู้เหมือนกันว่าชีวิตของ บาโลเตลลี่ จะเป็นไปในแบบทิศทางใด ถ้าไม่มี โรแบร์โต้ มันชินี่ คอยควบคุม และ กำหนดทิศทางเอาไว้ บาโลเตลลี่ คือดาวเตะพรสวรรค์ แต่เขากลับมีชีวิตแบบวัยรุ่น ที่ไม่น่าเป็นนักฟุตบอลอาชีพด้วยซ้ำ แต่ด้วยเพราะ มันโช่ คอยเคี่ยวเข็ญ ทำให้ชื่อเสียงของเขาเริ่มกระฉ่อนไปทั่ว ทั้งคว้าแชมป์ สคูเด็ตโต้ กับ อินเตอร์ มิลาน 3 สมัย อาจไม่ได้ถึงขั้นเป็นตัวจริงถาวรลงเล่นแตะระดับ 30 นัด แต่ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งคีย์แมนสำคัญ จากนั้นย้ายไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คราวนี้มาในฐานะนักเตะตัวท็อป เอาจริงๆ เกรียนโอ้ ก็ไม่ได้ทิ้งลายเดิมไปหรอก มีเรื่องกวนส้นตีน หรือ พฤติกรรมเกรียนๆมาให้เห็นบ่อยๆ ชนิดที่คุณพ่ออย่าง มันชินี่ ก็มีเอือมระอาเหมือนกัน แต่กระนั้น บาโลเตลลี่ ก็พิสูจน์อยู่ตลอด กับ แมนฯ ซิตี้ ว่าเขานี่แหละของจริง จึงเกิดเป็นวลีอมตะที่ว่า "Why always me?" หลังแสดงข้อความดีใจ จากการซัดใส่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อเดือนตุลาคม 2011 .. พร้อมจะมีคำพูดเท่ๆมาให้ได้ยินเสมอ อาทิ "เวลาผมยิงประตู ผมไม่ดีใจหรอก เพราะมันเป็นหน้าที่ของผม" นั่นแหละครับ ทำให้ บาโลเตลลี่ โด่งดังมากขึ้นเรื่อยๆ และ หลายๆคนยกให้เป็นแข้งพรสวรรค์ ที่รอวันก้าวไปเป็นระดับโลก

- สถาปนาเป็นแข้งระดับโลก

ยูโร 2012 เหมือนเป็นจุดสูงสุดในชีวิตของ บาโลเตลลี่ เพราะเขาสามารถนำพาทีมชาติอิตาลี ก้าวเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศ ได้สำเร็จ ท่าเบ่งกล้าม ยิงใส่ เยอรมัน จนถีบ อินทรีเหล็ก กระเด็นตกรอบ ยังคงถูกพูดถึง และ เอามาเป็นมีมจนทุกวันนี้ น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้ว อัซซูรี่ แพ้ให้กับ ทีมชาติสเปน ในรอบชิงชนะเลิศ แต่ในมาดความเป็นบุคคลแล้ว บาโลเตลลี่ คือผู้ชนะ .. ลูกเด็กเล็กแดง ล้วนแต่มาขอลายเซ็น และ ขอถ่ายรูปไว้เป็นเกียรติ ประหนึ่งว่านี่คือไอดอลของพวกเขา จากนั้นเขากลายมาเป็นดาวยิงตัวความหวัง ที่รอวันผงาดกับทีมชาตอิตาลี ถึงกระนั้นวันเวลาผ่านไปไวมากเหลือเกินครับ เพียงเวลาแค่ 2 ปีต่อมา บาโลเตลลี่ ตกรอบแรก ฟุตบอลโลก 2014, ไม่ติดทีมไปเล่น ยูโร 2016 และ ได้แค่นั่งดูเพื่อนๆล้มเหลวจากการชวดตั๋ว เวิลด์ คัพ 2018

- ชีวิตที่ ลิเวอร์พูล พังไม่เป็นท่า

เชื่อว่าเด็กหงส์แดง ไม่เคยลืมการมาของ บาโลเตลลี่ เขาคือตัวแทนที่จะมาทำหน้าที่ล่าตาข่าย แทน หลุยส์ ซัวเรซ ซึ่งตัดสินใจย้ายไปตามความฝันกับ บาร์เซโลน่า จำได้ว่าตอนนั้น 2 จิต 2 ใจ .. ใจหนึ่งก็ดีใจ เพราะว่า เกรียนโอ้ ผลงานระดับแชมเปี้ยนส์ ก่อนมา ลิเวอร์พูล ก็ซัลโวระดับ 20 ประตู+ แต่อีกหนึ่งใจก็กลัวเหลือเกิน จะมาทำอะไรเกรียนๆ โชว์พฤติกรรมไม่มืออาชีพ เพราะตอนนั้นเขามาด้วยความหวังจริงๆ ถึงขั้นที่สาวก เดอะ ค็อป ไปยืนรอหน้าสนาม พร้อมกับทำท่าเบ่งกล้าม ท่าดีใจอันลือลั่น จากเวที ยูโร 2012 แต่แล้วสิ่งร้ายๆที่คิด ก็เกิดขึ้นจริง เพราะ บาโลเตลลี่ ไม่อาจแจ้งเกิดกับ ลิเวอร์พูล ได้เลย เขาทำได้เพียงแค่ 4 ประตู เท่านั้น แค่ในศึก พรีเมียร์ลีก แค่ 1 ตุง สวนทางกับความคาดหวังที่จะมาแทน หลุยส์ ซัวเรซ แบบสิ้นเชิง สตีเว่น เจอร์ราร์ด ถึงกับเอ่ยปากว่า บาโลเตลลี่ ใช้ชีวิตประจำวันไม่ดีพอ อยากอยู่บนฉากสปอร์ตไลท์มากเกินไป สุดท้ายเพียงแค่ 1 ฤดูกาล ก็ต้องเก็บกระเป๋าออกจากถิ่นแอนฟิลด์

- ชีวิตพังกับ เบรสชา เพราะพฤติกรรมเดิมๆ

เหมือนว่าพรหมลิขิตขีดเขียน ให้โชคชะตามาบรรจบกัน เบรสชา ต้องการ บาโลเตลลี่ และ บาโลเตลลี่ ก็ต้องการมาพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งกับ เบรสชา .. ซูเปอร์มาริโอ้ เล่าให้ฟังว่า แม่ของเขาร้องไห้ทันที กับการย้ายมาอยู่ เบรสชา เพราะพ่อบุญธรรมผู้ล่วงลับ โปรดปรานทีมนี้เป็นที่สุด และ นี่คือเมืองที่เขาเติบโตขึ้นมา ความคาดหวัง ที่ต้องการกลับมางัดฟอร์มเก่ง ไม่เป็นไปแบบหวัง เขายังมีปัญหาเหมือนครั้งก่อนๆ อีกทั้งยังเจอเรื่องเหยียดผิวแบบไม่หยุดหย่อน ซึ่งเรื่องราวเหล่านั้น ส่งผลกระทบต่อจิตใจ บาโลเตลลี่ อย่างยิ่ง 19 นัด ยิงไปเพียง 5 ประตู ทั้งประธานสโมสร และ ผู้จัดการทีม เบรสชา ต่างผิดหวัง ที่ บาโลเตลลี่ ไม่เปลี่ยนพฤติกรรม เมืองที่เขาเติบโตมา ไม่มีผลอะไรเลยที่จะเพิ่มความมุ่งมั่นมากกว่าเดิม สุดท้ายช่วงที่ กัลโช่ เซเรีย อา กลับมาเตะ หลังจากเลื่อนเพราะ โควิด-19 ระบาดหนัก .. บาโล โดนแฉเรื่องหายหัว ไม่ยอมมาซ้อม ถึงขั้นสโมสรตัดขาด จนบานปลายกลายเป็นความสัมพันธ์ขาดสะบั้น และ ถูกยกเลิกสัญญาทันที ต่อให้ บาโล จะพยายามอ้างว่าป่วยมาซ้อมไม่ได้ แต่เขาขาดการติดต่อ นั่นแหละคือสิ่งที่ เบรสชา รับไม่ได้ บดจะมาก็มา พอจะหายก็หายหัวไปดื้อๆ เมื่อการใช้ชีวิตไม่แปลก อนาคตค้าแข้งจึงเคว้งคว้าง นับเป็นชีวิตค้าแข้งที่ตกต่ำสุดๆ

- มอนซ่า คือ โอกาสสร้าง บาโลเตลลี่ 2021

ในมุมมองของแฟนบอล การที่ บาโลเตลลี่ ย้ายไปอยู่กับ มอนซ่า ในระดับ เซเรีย บี เป็นเหมือนความถดถอยในชีวิต เพราะโปรไฟล์ระดับเขาแชมป์ เซเรีย อา และ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ไม่ควรมาเล่น ลีก รอง อะไรแบบนี้ แต่คนประวัติเสื่อมเสีย อย่าง บาโลเตลลี่ เขาไม่อาจทำให้ทีมดังๆเชื่อใจได้อีกแล้ว เรียกว่า 10 ปี ยังคงเป็นคนเดิม แต่กระนั้น มอนซ่า คือทีมที่ให้โอกาสอีกครั้ง ต้นเดือนธันวาคม มอนซ่า จัดการเซ็นฟรีกับ บาโลเตลลี่ และ เวลาไม่ถึงเดือน เขาได้โอกาสลงสนามกับทีมเป็นครั้งแรก นัดเจอกับ ซาแลร์นิตาน่า  เขาใช้เวลาเพียงแค่ 4 นาที กับการสัมผัสบอลครั้งแรก ก็ซัดประตูให้กับ มอนซ่า ได้ทันที ซึ่งเป็นประตูเบิกร่อง และ ทีมชนะไป 3-0 โอกาสครั้งนี้ จะเป็นโอกาสอีกครั้ง ที่ บาโลเตลลี่ จะได้พิสูจน์ตัวเองว่าเขายังดีพอกับการค้าแข้งหรือไม่ ซึ่งหากพฤติกรรมยังไม่เปลี่ยน อาจจะไม่มีใครหยิบยื่นสัญญาให้อีกแล้ว ด้วยวัย 30 ปี เขาต้องโชว์ฟอร์มให้แฟนบอลเห็นเป็นขวัญตาอีกครั้ง ว่าดีกรีระดับแชมเปี้ยนส์ ตั้งแต่ 10 ปีก่อน ยังคงไว้ลายอยู่เสมอ และ มาดูกันว่า มาริโอ บาโลเตลลี่ เวอร์ชั่น ปี 2021 จะเป็นอย่างไร มารอดูกัน

ฮาย ฮาวดี้-

logoline