logo-heading

สาวก "เดอะ ค็อป" คงมีหวั่นๆเสียหน้าเหมือนกัน เพราะต่อให้ ลิเวอร์พูล ชุดเกือบใหญ่สุด จะเจอเพียงแค่ชุดเยาวชน แอสตัน วิลล่า ในศึก เอฟเอ คัพ รอบ 3 เพราะโดนเด็กเจ้าบ้านลูบคม ยิงประตูใส่ เหมือนกัน

ถึงแม้ว่าสกอร์จะจบลงด้วยสกอร์ 4-1 เป็นชัยชนะของ หงส์แดง แต่ถ้าใครได้ดูเกมครึ่งแรก บอกเลยว่าเป็นอะไรที่อึดอัดมากๆ เพราะการเจาะเข้าไปทำประตู เป็นอะไรที่ยากลำบาก จนกระทั่ง เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องแก้เกมครึ่งหลัง ด้วยการส่งชุดใหญ่ ไฟกระพริบลงมา จะมีเหตุการณ์อะไรน่าสนใจเกิดขึ้นบ้าง ไปติดตามกัน

- เริ่มเกมนำอย่างไว

เหมือนว่านัดนี้จะเป็นวัน(ตบ)เด็ก ของจริง เพราะ แอสตัน วิลล่า ใช้ชุดเยาวชน มาทั้งกระบิ เนื่องด้วยนักเตะตัวหลัก ติดเชื้อร้าย โควิด-19 ถึง 10 คน และ ยังมีสตาฟฟ์โค้ชอีก 4 คน ส่วนที่เหลือถูกสั่งกักตัวทั้งหมด ส่วน ลิเวอร์พูล แทบจะจัดชุดใหญ่ลงมาเจอ มีสลับเปลี่ยนหมุนเวียนอยู่ 4-5 ตำแหน่ง เท่านั้น นำโดย ซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ฉะนั้นไม่มีมุมที่ แอสตัน วิลล่า ชุดเด็ก จะสู้กับ ลิเวอร์พูล ได้เลย ทำให้เริ่มเกมมาเพียงแค่ 4 นาที ขุนพล หงส์แดง ก็ออกสตาร์ทเดินหน้าบุก และ หลังจากเคาะหาพื้นที่เข้าทำ ก็เป็น เคอร์ติส โจนส์ บรรจงวางบอลจากกราบขวา ครอสเข้าไปในกรอบเขตโทษ ให้กับ ซาดิโอ มาเน่ โขกเข้าไปเสียบตาข่าย เป็นประตูขึ้นนำ 1-0 ตั้งแต่ไก่โห่  นำเร็วแบบนั้น มันก็ไม่แปลกที่ว่าสกอร์น่าจะไหล เพราะเชื่อว่า หงส์แดง คงเก็บความแค้น จากเกมอัปยศที่เคยบุกไปแพ้ แอสตัน วิลล่า ถึงถิ่น 2-7 ในช่วงต้นซีซั่น 2020-21

- ลิเวอร์พูล ยิ่งเล่น ยิ่งไม่เหนือกว่า

นำเร็วใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี ! เพราะเหมือนจะทำให้นักเตะ ลิเวอร์พูล เล่นผ่อนคลายเกินไปหน่อย ไม่ดุดันเท่าที่ควร และ กลายเป็นว่า หงส์แดง เจาะแนวรับ แอสตัน วิลล่า ไม่เข้าเสียแล้ว ซึ่งหากไม่นับจังหวะที่ขึ้นนำ 1-0 ถือเป็นผลงานที่ผิดฟอร์มของลูกทีม เจอร์เก้น คล็อปป์ อีกครั้ง โดยเฉพาะครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ตะบี้ตะบันถ่ายบอลออกด้านข้าง เมื่อเห็นว่า สิงห์ผงาด ชุดเล็ก แพ็คตรงกลางอย่างแน่นหนา และ ใช้การครอสเข้ามาเพื่อหวังทำประตู ซึ่งมุกนี้เป็นมุขเดิม ที่ใช้มาตลอด แต่ไม่ได้ผลเลยตลอด 3-4 นัดหลังสุด เช่นเดียวกับแมตช์นี้ ไม่เปิดลึกเข้ามือประตู ก็ถูกสกัดออกมา ต่อให้จะได้โอกาสยิง ก็ไม่ได้ลุ้นอะไร หงส์แดง ยิ่งเล่น ยิ่งไม่เหนือกว่า ทั้งๆที่ดีกรีเหนือกว่าหลายขุม โอกาสยิงประตูก็ไม่เยอะ จะมีที่เห็นๆก็มาจาก โม ซาลาห์ แต่ก็ถูกปัดออกไปได้ บอกเลยว่าสาวก "เดอะ ค็อป" มีอึดอัดแน่นอน เพราะต่อให้ครองบอลมากกว่าก็จริง แต่การจะซัดประตูที่ 2 เป็นอะไรที่ยากลำบาก

- เดอะ ค็อป ช็อก ถูกเด็ก วิลล่า ยิงตีเสมอ

เมื่อ ลิเวอร์พูล ดีแต่ป้อ ล่อไม่เป็น ครองบอลได้ แต่จบสกอร์ไม่ได้ ความผิดพลาดก็บังเกิด เมื่อพวกเขาไม่กดดันไล่เพรสซิ่งใส่นักเตะ แอสตัน วิลล่า ทำให้เด็กเจ้าบ้าน มีพื้นที่ มีเวลาในการเซ็ตบอลจากแดนตัวเอง ขึ้นสู่แดนหน้า เพียงแค่โอกาสครั้งแรกๆ วิลล่า ก็ไม่พลาด เมื่อ สิงห์ผงาด ถ่ายบอลไป ถ่ายบอลมา อยู่เกือบ 1 นาที จนกระทั่ง อากอส โอโนดี้ ผู้รักษาประตู วิลล่า เปิดไปเกือบๆกลางสนามให้กับ คัลลั่ม โรว์ แตะหลบ เฮนโด้ 1 ที ก่อนจะโชว์เซนส์บอลจ่ายตัดหลังแนวรับ ลิเวอร์พูล ไปให้กับ ลูอี้ แบร์รี่ อดีตเด็ก บาร์ซ่า วิ่งกระชากหนี รีส วิลเลี่ยมส์ เซ็นเตอร์แบ็ก ลิเวอร์พูล อารมณ์เหมือน เวฟ 100 วิ่งไล่ตาม บิ๊กไบค์  และ เจ้าหนู ลูอี้ แบร์รี่ ผู้เคยปฏิเสธ ลิเวอร์พูล เพื่อย้ายมาอยู่ อะคาเดมี่ วิลล่า หลุดเข้าไปยิงผ่านมือ ควีวิน เคลเลเฮอร์ นายทวารมือ 2 ลิเวอร์พูล เข้าไปยิงตีเสมอ 1-1 อย่างเฉียบคม นาทีที่ 40 นับเป็นสกอร์ที่เซอร์ไพรส์สุดๆ ถึงขนาดที่เด็กๆ สิงห์ผงาด วิ่งเข้าไปกอดดีใจประหนึ่งว่าภารกิจครั้งนี้สำเร็จ

- คล็อปป์ กลัวเสียหน้า ครึ่งหลังจัดชุดใหญ่เต็มสูบ

จบครึ่งแรก สกอร์ 1-1 เชื่อเถอะว่าคนเป็นโค้ชอย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่มีทางพอใจอย่างยิ่ง เพราะนี่คือเกมที่เหนือกว่าทุกอย่าง แต่ ลิเวอร์พูล ทำให้มันออกมาสูสีเสียแบบนั้น ทำให้ "เดอะ นอร์มอล วัน" ต้องถอด จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ออกไปพัก และ ส่ง "พาส มาสเตอร์" เจ้าพ่อจ่ายบอล อย่าง ติอาโก้ อัลคันตาร่า ลงมาสนามมาแทน รูปเกมเริ่มดีขึ้น มีความหลากหลายในการเข้าทำ ไม่ดื้อแพ่งที่จะออกแต่ริมเส้น และ ครอสเข้ามาอย่างเดียว อย่างไรก็ตามถึงแม้ ติอาโก้ จะลงสนามแล้ว ทว่าแนวรุก ลิเวอร์พูล ก็ไม่อาจเจาะแนวรับของ วิลล่า ไปได้ มักจะขาดๆเกินๆในจังหวะสุดท้ายอยู่ตลอด โดยมีช็อตที่ ซาลาห์ ส่งบอลเข้าไปซุกตาข่ายได้แล้ว แต่ผู้ตัดสินมองว่าเป็นจังหวะฟาวล์ไปก่อน เมื่อเวลาเดินไปเรื่อยๆ และ สกอร์ยังคง 1-1 ทำให้ คล็อปป์ อยู่ไม่สุข ต้องตัดสินใจทิ้งไพ่เด็ด ด้วยการเตรียมส่ง โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ กับ เซอร์ดาน ชากิรี่ ลงมาแทน เพื่อปิดบัญชีให้ได้ เรียกว่าไม่มีออมมือให้กับทีมเด็ก วิลล่า อีกต่อไป แต่ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนตัว การบุกของ ลิเวอร์พูล ก็มาสัมฤทธิ์ผล เมื่อ ทาคุมิ มินามิโนะ ที่วันนี้จ่ายบอลพลาดหลายครั้ง ไหลย้อนกลับมาให้กับ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ที่ยืนรอบริเวณหัวกะโหลก แปเสียบมุมเข้าไป เป็นสกอร์ขึ้นนำ 2-1 แบบหืดจับ นาที 60 และ เป็นแอคชั่นสุดท้ายของ มินามิโนะ เพราะโดนเปลี่ยนออกไปทันที ไปๆพร้อมกับ เคอร์ติน โจนส์ 

- นำปุ๊บ สกอร์ไหลปั๊บ

ลิเวอร์พูล เคยมีบทเรียนแล้วว่า พอขึ้นนำ แล้วไปผ่อนเกม จนทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก แต่คราวนี้แนวรุก จัดหนักจัดเต็มกว่าเดิม ใช้ 3 ประสานตัวจริง ซาลาห์, มาเน่ และ ฟีร์มิโน่ ส่วนกองกลางมีทั้ง ติอาโก้ กับ ชากิรี่ ที่โดดเด่นเรื่องการจ่ายบอล  จากนั้นเพียงไม่นานประตูนำ 3-1 ก็ตามมา ให้หลังลูก 2 แค่ 3 นาที เท่านั้น ซึ่งก็เป็น ชากิรี่ ตัวสำรอง เปิดย้อยๆไปให้กับ ซาดิโอ มาเน่ โหม่งย้อยๆตามน้ำไปอีกที บอลฮุกเข้าเสาไกล คราวนี้โยนความกดดันออกไปได้เยอะ และ ประตู 4-1 ปิดฝาโรง เกิดขึ้นหลังจากประตู 3 เพียงแค่ 2 นาที เช่นกัน โดยยังเป็นทีเด็ดตัวสำรองเช่นเดิม เริ่มจาก ติอาโก้ จ่ายมาพื้นที่ว่างให้กับ ชากิรี่ ก่อนจะทิ่มสั้นๆมาให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ พลิกตัวยิงเสียบเสาแรก เข้าไปเสียที หลังจากพยายามยิงเองหลายครั้ง เรียกว่า คล็อปป์ ต้องส่งชุดแนวรุกแบบเต็มสูบ เพื่อเอาชนะ วิลล่า ชุดเด็ก และ กรุยทางเข้าสู่ เอฟเอ คัพ รอบ 4 ต่อไป

ฮาย ฮาวดี้-

logoline