logo-heading

เวย์น รูนี่ย์ กลายเป็นตำนานทีมชาติอังกฤษ ยุค โกลเด้น เจเนเรชั่น อีกหนึ่งคน ที่กลายร่างสวมบทบาทเป็นกุนซือแบบเต็มตัว ตามรอยพวก แฟร้งค์ แลมพาร์ด และ สตีเว่น เจอร์ราร์ด หลังรับงานกุมบังเหียน ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ทีมในระดับ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ด้วยสัญญา 2 ปีครึ่ง

โอกาสที่เขาจะประสบความสำเร็จในเส้นทางโค้ช เหมือนกับสมัยเป็นนักเตะหรือไม่นั้น อันนี้ไม่สามารถล่วงรู้อนาคตได้ แต่งานแรกที่้เขาต้องทำให้สำเร็จ คือเครื่องพิสูจน์ชั้นดี ฉะนั้นไปดูเส้นทางกันว่า เวย์น รูนี่ย์ จะมีโอกาสประสบความสำเร็จกับ ดาร์บี้ หรือไม่ เมื่อตัดสินใจแขวนสตั๊ด กลายเป็นกุนซือเต็มตัว

- จุดเริ่มต้นมา ดาร์บี้

ในช่วงที่ รูนี่ย์ กำลังค้าแข้งอยู่กับ ดีซี ยูไนเต็ด ก็มีข่าวมากหน้าหลายตา มาตลอดว่า หลายสโมสรตามจีบเพื่ออยากได้นักเตะรายนี้ มารับงานเป็นกุนซือใหญ่ เพราะเข้าสู่ช่วงปลายอาชีพแล้ว เพื่อนร่วมรุ่นก็ผันตัวเป็นโค้ชหลายคน เรื่องประสบการณ์ไม่ต้องพูดถึงเจ้าตัวบ่มเพาะวิชาลูกหนัง มาตั้งแต่อายุ 17 ปี สร้างผลงานที่จารึกไว้เป็นตำนาน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตลอด 13 ซีซั่น  จนกระทั่ง ดาร์บี้ เคาน์ตี้ สร้างเซอร์ไพรส์ ด้วยการดึง รูนี่ย์ แบบมีข้อจูงใจที่เจ้าตัวไม่อาจปฏิเสธได้ นั่นก็คือให้ควบตำแหน่ง เพลย์เยอร์&โค้ช  ซึ่งขณะนั้นด้วยวัยที่เข้าสู่บั้นปลายอาชีพ อายุประมาณ 34-35 ปี เสี่ยรูน จึงตอบตกลงแบบไม่มีท่าทีลังเล เลือกมา แกะเขาเหล็ก ในเดือนสิงหาคม 2019 อย่างที่บอก ในช่วงเวลานั้น อดีตแข้งทีมชาติอังกฤษ ยุค โกลเด้น เจเนเรชั่น ขยับขึ้นไปเป็นกุนซือใหญ่กันหมดแล้ว โดยเฉพาะ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ที่เคยคุมทีม ดาร์บี้ ก่อนหน้านี้ หรือ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่กำลังไปได้สวยกับ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส และ นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ เวย์น รูนี่ย์ ได้จับงานโค้ช แต่ก็ยังไม่ได้เต็มตัว เพราะว่า ฟิลลิป โคคู ยังรับหน้าที่เป็นกุนซือใหญ่

- รับงานขัดตาทัพ

ถึงแม้ว่า ดาร์บี้ จะได้ รูนี่ย์ เข้ามาช่วยยกระดับ แต่กระนั้นผลงานของทีม ก็ไม่ได้จะกระเตื้องขึ้นสักเท่าไหร่ เผลอๆจะแย่ลงกว่าด้วยซ้ำ เพราะ แกะเขาเหล็ก เคยหล่นไปรั้งบ๊วย เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ในซีซั่นนี้ แข่ง 6 นัด มีเพียง 11 คะแนน ทำให้ ฟิลลิป โคคู ที่เข้ามารับงานต่อ แลมพาร์ด ถูกทางบอร์ดบริหารสั่งปลดออกจากตำแหน่งกุนซือทันที แต่ ด้วยความไว้ใจ บวกกับตำแหน่งที่ ดาร์บี้ ประทานมาให้ก่อนหน้านี้ จึงตัดสินใจแต่งตั้ง เวย์น รูนี่ย์ รับบทเป็นกุนซือแบบขัดตาทัพ พร้อมกับผู้ช่วยอีก 3 คน เพราะจะได้ไม่ต้องไปดิ้นรนหาใครมาแทน เนื่องจากนักเตะรายนี้ ได้เรียนรู้งานมาสักพักใหญ่แล้ว อีกทั้ง "แกะเขาเหล็ก" มีประสบการณ์ที่ดีในการแต่งตั้งกุนซือพลังหนุ่ม เหมือนอย่าง แลมพาร์ด ที่เคยนำสโมสร ผ่านเข้าไปสู่รอบเพลย์ออฟเลื่อนชั้น ถึงแม้จะไม่ได้ขึ้นสู่เวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ก็ตาม

- ผลงานการเป็นเฮดโค้ช

ความจริง กับ ความฝัน ช่างแตกต่างกันเหลือเกิน .. คำนี้ไม่ได้ดูสวยหรูเหมือนดั่งนิทานเลยครับ เพราะชีวิตจริงยิ่งกว่าละครเสียอีก เนื่องด้วยเมื่อนักเตะเข้าสู่วัยใกล้เกษียณ ก็มีความฝันอยากจะเข้ามาจับงานโค้ชกันทั้งนั้น แต่ถ้าทุกอย่างมันง่าย โลกนี้ก็คงมีคนสมหวังเต็มไปหมด การต้องขยับบทบาทเข้ามาเป็นกุนซือขัดตาทัพของ รูนี่ย์ ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะแค่เกมแรกก็ประเดิมด้วยการแพ้ให้กับ บริสตอล ซิตี้ 0-1 ซึ่ง เสี่ยรูน ก็พยายามกระตุ้น และ ให้คำมั่นว่า ดาร์บี้ จะกลับมาชนะนัดต่อไปให้ได้ สุดท้ายต้องหน้าแตกไปอีก โดยบุกไปพ่าย มิดเดิ้ลส์โบรช์ 0-3 เรียกว่าคุม 2 นัด เก็บแต้มไม่ได้เลย เป็นการออกสตาร์ทชีวิตกุนซือ ที่ไม่ได้เป็นแบบฝัน แถมยังสูญเสียกำลังใจอีกต่างหาก อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างต้องใช้เวลา เพราะหลังจากผ่านไป 2 แมตช์ มีเวลาทบทวนและปรับจูนแท็คติคประมาณ 2 สัปดาห์ ดาร์บี้ ของ รูนี่ย์ ก็เริ่มฉายแสง อาจจะไม่ได้โดดเด่นถึงขั้นชนะรวด แต่ทุกอย่างดีขึ้นตามลำดับ 5 นัดนับจากนั้น ไม่แพ้ใครเลย แต่หนักเสมอถึง 4 นัด และ ชนะ 1 นัด ขยับตัวเองขึ้นมาจากอันดับ 24 บ๊วยของตาราง ขึ้นมาอยู่อันดับ 22 แข่ง 22 นัด มีอยู่ 19 คะแนน ทำแต้มเท่ากับโซนปลอดภัยอย่าง เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ เรียบร้อย และ ถึงแม้ว่า 10 นัดที่เขาได้คุมทีม แกะเขาเหล็ก มา จะมีเปอร์เซ็นต์ชนะเพียง 33 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็แพ้ไปแค่ 4 นัด ส่วน เสมอ กับ ชนะ แบ่งเป็นอย่างละ 3 นัด นับว่าไม่เลวเลยทีเดียว

- ดาร์บี้ จะเป็นอย่างไร เมื่อ รูนี่ย์ กลายเป็นเฮดโค้ชเต็มตัว

อย่างที่บอกครับ ผลงานที่ รูนี่ย์ เป็นกุนซือขัดตาทัพ ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร ทำให้สโมสรตัดสินใจประกาศแต่งตั้ง รูนี่ย์ เป็นกุนซือแบบถาวร ด้วยสัญญา 2 ปีครึ่ง พร้อมกับเป็นการปิดฉากเส้นทางค้าแข้งอย่างเป็นทางการ หลังโลดแล่นบนวงการลูกหนัง มานานเกือบ 20 ปี เราไม่รู้หรอกว่าอนาคตผลงานของ รูนี่ย์ จะเป็นอย่างไร จะประสบความสำเร็จกับ ดาร์บี้ หรือไม่ แต่ความท้าทายแรกที่ตัวเขาเองต้องพิสูจน์ให้แฟนบอลได้เห็นก็คือ ภารกิจพาทัพ "แกะเขาเหล็ก" หนีตาย การแข่งขัน เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ฤดูกาลนี้ เพิ่งผ่านมาแค่ครึ่งทางเท่านั้น ยังมีเวลาให้ รูนี่ย์ ได้พิสูจน์อีกเยอะ ฉะนั้นมารอดูกันว่าเขาจะสามารถพา ดาร์บี้ รอดตกชั้นได้หรือไม่ นั่นคงเป็นเป้าหมายเดียวที่ต้องทำ เพราะจะให้ไปลุ้นพื้นที่เพลย์ออฟเลื่อนชั้น คงยากเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา ตอนนี้ ดาร์บี้ ของ รูนี่ย์ กำลังปรับปรุงทุกวิถีทาง เกมรับเริ่มดีขึ้น เพราะ 9 นัด ในศึก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ เสียไปเพียงแค่ 4 ประตู เท่านั้น โดยก่อนหน้านี้ เสียไปถึง 20 ลูก จาก 13 นัด นับเป็นวิวัฒนาการที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง ก็ขึ้นอยู่กับเกมรุกแล้วล่ะว่า จะพัฒนาได้ดีแค่ไหน เขาจะปลูกถ่ายวิชาความเป็นเพชฌฆาต เหมือนสมัยที่อยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้มากเพียงใดมารอติดตามกัน เพราะถ้าซีซั่นนี้อยู่รอดต่อไปได้ เชื่อเถอะว่าซีซั่นหน้า ดาร์บี้ จะกลับมาท้าทายบัลลังก์ เพื่อแข่งเลื่อนชั้นสู่เวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อีกครั้ง

ฮาย ฮาวดี้-

logoline