logo-heading

ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว สำหรับศึก แดงเดือด ประจำฤดูกาล 2020-21 เพราะคืนนี้ เป็นการลั่นกลองรบว่า ลิเวอร์พูล เตรียมเปิดบ้านพบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงเวลา 23.30 น. ตามเวลาประเทศไทย เพื่อเป็นการเรียกน้ำจิ้ม ก่อนศึกนี้จะฟาดแข้ง ไปดูกันว่ามีเรื่องอะไรที่ควรจะต้องจับตากันไว้ให้ดีๆ

- ใครจะเสียสถิติก่อนกัน

แดงเดือด หนนี้ นอกจากศักดิ์ศรีแล้วนั้น มันน่าสนใจตรงที่ ทั้ง 2 ทีม มีสถิติที่สวยหรูเหลือเกิน ก่อนที่จะมาพบกัน ต่อให้ ลิเวอร์พูล จะฟอร์มไม่ดีเท่าไหร่ แต่กระนั้นเขามีสถิติที่ยอดเยี่ยมเหลือเกิน เวลาเล่นในถิ่นแอนฟิลด์ วันเวลาผ่านมาเกือบ 4 ปีแล้ว ที่ไม่แพ้คาบ้านเลย กินระยะเวลามานานถึง 67 เกม แต่กระนั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็พกความมั่นใจมาเต็มเปี่ยม เพราะเกมเยือน 15 นัดหลังสุด "ปีศาจแดง" ไม่แพ้ใครเช่นกัน เป็นการชนะถึง 12 นัด และ หลุดเสมอไปเพียงแค่ 3 นัด เท่านั้น เท่ากับว่าแมตช์นี้ ถ้าหากมีผลแพ้-ชนะเกิดขึ้น จะมีทีมใดทีมหนึ่ง เสียสถิติทันที .. ไม่ได้เข้าข้างใครทั้งสิ้น ถ้า ลิเวอร์พูล โดนหยุดสถิติล่ะก็ มีเรื่องอะไรให้โดนล้ออีกยาวอย่างแน่นอน

- VAR

ประเด็นนี้ ไม่พูดถึงไม่ได้แน่นอนครับ แดงเดือด ครั้งนี้ จะดราม่าหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการทำหน้าที่ของ VAR ที่จะเข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญ โดยเฉพาะประเด็น จุดโทษ ที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือใหญ่ หงส์แดง ได้ทำจิตวิทยา ไซโคเรื่องที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มักได้ผลประโยชน์จากเรื่องนี้อยู่บ่อยๆ  มีการขุดคุ้ยสถิติมาว่า นับตั้งแต่ที่ คล็อปป์ เข้ามาคุมทีม ลิเวอร์พูล ราวๆปี 2015 พวกเขาได้จุดโทษ 30 ประตู ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้จุดโทษมากถึง 32 ลูก ทั้งๆที่เริ่มนับจากเดือนสิงหาคม ฤดูกาล 2018-19  ฉะนั้น VAR ประเด็นเรื่องจุดโทษ จะเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ ที่จะถูกจับตามอย่างแน่นอน เพราะนับตั้งแต่ที่ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เริ่มมีเทคโนโลยีวีดีโอช่วยตัดสินย้อนหลัง ก็มีดราม่าให้เห็นกันอยู่ตลอด มารอดูกันว่าจะมีดราม่าอะไรหรือไม่

- แนวรับใครจะรั่วกว่า

ถ้าให้พูดถึงแนวรุกทั้ง 2 ทีม ไม่ว่าจะเป็น ลิเวอร์พูล หรือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คงไม่มีอะไรให้สาธยายอีกแล้ว เพราะต่างฝ่ายต่างมีตัวทีเด็ดเป็นอาวุธหนักอยู่เต็มทีม โดยทางฝั่ง หงส์แดง ก็มี 3 ประสาน โม ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ พร้อมมีไอเทมตีบวกอย่าง ติอาโก้ อัลคันตาร่า เข้ามาเป็นตัวทีเด็ดตรงมิดฟิลด์ ส่วน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ณ ขณะนี้ บรูโน่ แฟร์นานเดส คือ เดอะ แบก โดยมี ปอล ป็อกบา ที่เรียกฟอร์มตัวเองกลับมาเรื่อยๆ และ ยังมี มาร์คัส แรชฟอร์ด รวมถึง เอดินสัน คาวานี่ ที่พร้อมเป็นตัวทีเด็ดให้กับทีม ฉะนั้นเรื่องของแนวรับทั้ง 2 ทีม นี่แหละครับ น่าสนใจกว่าเยอะ ทางฝั่ง ปีศาจแดง มีความเพียบพร้อมมากกว่า เพราะแทบไม่มีตัวหลักบาดเจ็บ แฮร์รี่ แม็คไกวร์, อาร่อน วาน บิสซาก้า, เอริค ไบยี่ หรือ ลุค ชอว์ อีกทั้งยังมีสำรองที่พร้อมหมุนเวียนลงสนาม แต่กระนั้นข้อเสียก็คือเวลาออกไปเยือน ปีศาจแดง มักเสียประตูบ่อยๆ 8 เกมล่าสุดทุกรายการ เสียไป 11 ประตู นับเป็นเรื่องที่ไม่ดีสักเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม แนวรับ ลิเวอร์พูล น่าหนักใจยิ่งกว่า เพราะ 2 เซ็นเตอร์แบ็ก ยังคงต้องพักฟื้นตัวต่อไป ทั้ง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และ โจ โกเมซ ส่วน โจเอล มาติป ก็ไม่รู้จะฟิตเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ หรือไม่ เท่ากับว่าจะมี ฟาบินโญ่ ยืนพื้นแน่นอน แต่อยู่ที่ใครจะมายืนคู่เขา ถ้า มาติป ไม่ไหว ก็คงมี 2 ช๊อยส์ ไม่ รีส วิลเลี่ยมส์ ก็ แนท ฟิลลิปส์ ฟังดูแล้ว น่าเป็นกังวลมากเหลือเกิน เจ้าบ้านมาแบบไม่เต็มสูบ ส่วน ปีศาจแดง พกความมั่นใจมาเต็มเปี่ยม ในเมื่อเกมรุกสูสีกัน ต้องมาดูกันที่เกมรับแล้วล่ะครับว่า ใครจะทำได้ดีกว่ากัน ถ้าหากมีช็อตผิดพลาดเกิดขึ้นล่ะก็ มีโดนด่ายับลงบนโลกโซเชี่ยล เน็ตเวิร์ค อย่างแน่นอน

- โซลชา จะล้างอาถรรพ์

หากย้อนกลับไปเกม แดงเดือด เมื่อสัก 3-4 นัดก่อน ต้องบอกว่า ลิเวอร์พูล มีอะไรที่เหนือกว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะการเล่นในถิ่นแอนฟิลด์ ซึ่งนับตั้งแต่ที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เข้ามารับงานกุมบังเหียน ปีศาจแดง เขายังไม่เคยเอาชนะ หงส์แดง ได้เลย แบ่งเป็นเสมอ 2 นัด และ แพ้ 1 นัด ซึ่งนัดล่าสุดก็คือบุกไปพ่ายที่แอนฟิลด์ 0-2 แต่ เร้ด วอร์ เวอร์ชั่นนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้มาบุกถิ่นแอนฟิลด์ แบบเจี๋ยมเจี้ยมอีกแล้ว พวกเขาพกความมั่นใจมาแบบเกิน 100 เปอร์เซ็นต์ ถึงขั้นที่ โซลชา ประกาศกร้าวว่า จะบุกมาคว่ำ หงส์แดง ถึงบ้านให้ได้ ซึ่งจะคิดแบบนั้นก็ไม่แปลกครับ เป็นจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ จะต้องไปกลัวใครหน้าไหนอีก ? เกมนี้ จะเป็นตัวชี้วัดฝีมือของ โซลชา เลยว่า วลี ปลุก ปีศาจ ต้องใช้ ปีศาจ คือของจริงหรือไม่ เพราะนี่คือหนึ่งในเกมที่หินที่สุดของซีซั่น ไม่มีทีมไหนชนะในถิ่นแอนฟิลด์ บนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาแล้วเกือบ 4 ปี .. โซลชา จะถูกจับตามองเป็นพิเศษ ทั้งเรื่องแทคติค, แอคติ้งข้างสนาม และ การเปลี่ยนตัว ซึ่งหากชนะได้โมเมนตั้ม เซฟโซลชา คงหายไปจากสารบบ ที่สำคัญจะฉีกหนี ลิเวอร์พูล ไป 6 คะแนน

- แขวนป้ายผ้า แรชฟอร์ด ที่แอนฟิลด์

อีกหนึ่งประเด็นที่คงเป็นไฮไลท์ก่อนเกมการแข่งขัน เพราะมันแทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน กับการแขวนป้ายผ้าแบนเนอร์นักเตะคู่อริในถิ่นแอนฟิลด์ แต่ครั้งนี้ มาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้าจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาจได้รับเกียรตินั้นจากสาวก เดอะ ค็อป เรื่องความบาดหมาง การเป็นศัตรู ที่โยนทิ้งไว้ชั่วคราว โดยสาวก ลิเวอร์พูล ต้องการนำแบนเนอร์ แรชฟอร์ด ไปแขวนตรงอัฒจันทร์ฝั่ง เดอะ ค็อป เพื่อยกย่องนักเตะรายนี้ ที่ต่อสู้กับรัฐบาล มาอย่างยาวนาน เพื่อให้เด็กๆครอบครัวยากจน ได้มีอาหารกลางวันรับประทานฟรีๆ ช่วงที่ โควิด-19 ระบาดหนัก ซึ่งในแทบพื้นที่เมอร์ซี่ย์ไซด์ ก็เป็นย่านที่ครอบครัวทำแรงงาน ซึ่งเรื่องที่ แรชฟอร์ด ได้ทำนั้น ถูกยกย่องไปทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวว่า จะแขวนป้ายผ้ารูป แรชฟอร์ด ในถิ่นแอนฟิลด์ หรือไม่ เพราะก็มีแฟนบอลบางกลุ่ม ที่ไม่เห็นด้วยเช่นกัน ฉะนั้นคงต้องมารอดูกันว่า แรชฟอร์ด จะได้รับเกียรติครั้งนี้หรือไม่

ฮาย ฮาวดี้-

logoline