logo-heading

ปิดฉากตำนานวงการลูกหนังกันไปอีกหนึ่งบทสำหรับ เวย์น รูนี่ย์ ที่ได้ประกาศรีไทร์จากเส้นทางอาชีพค้าแข้งที่ยาวนานกว่า 19 ปี พร้อมผันตัวเองไปเดินในเส้นทางสายกุนซือกับ ดาร์บี้ เคาน์ตี้

เพื่อเป็นการส่งท้ายและอำลาเส้นทางอาชีพนักฟุตบอลอย่างยิ่งใหญ่ของ เวย์น รูนี่ย์ วันนี้ทาง เราขออาสาพาทุกท่านไปย้อนชม 10 โมเมนต์อันน่าจดจำของชายที่ชื่อ เวย์น รูนี่ย์ กัน

แฮตทริกนัดเปิดตัว

The inevitable debut hat trick for Manchester United เวย์น รูนี่ย์ ย้ายจาก เอฟเวอร์ตัน มา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 25.6 ล้านปอนด์นับเป็นแข้งรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปีที่ค่าตัวแพงที่สุด ณ เวลานั้น หลายคนอาจจะงงว่าไอ้เด็กอายุ 18 ปีคนนี้มันค่าตัวแพงไปรึเปล่า ? แต่พอได้ประเดิมสนามให้ "ปีศาจแดง" เท่านั้นแหละเจ้า เวย์น รูนี่ย์ คนนี้ก็แผลงฤทธิ์โดยทันทีด้วยการซัดแฮตทริกในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก พาทีมถล่ม เฟเนร์บาห์เช่น ไปด้วยสกอร์ 6-2 พร้อมกับสร้างสถิติเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ทำแฮตทริกได้บนสังเวียน ยูซีแอล ณ ตอนนั้นที่ตัวเลขอายุ 18 ปี กับอีก 335 วัน 

8-2 

Arsenal v Manchester United classic encounters - Eurosport อีกหนึ่งแฮตทริกที่น่าจดจำในชีวิตค้าแข้งของ เวย์น รูนี่ย์ เกิดขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคมปี 2011 นัดที่เจอกับ อาร์เซน่อล เพราะเกมๆ นี้มันมีสถิติที่น่าจดจำเกิดขึ้นมากมาย เริ่มตั้งแต่ประตูแรกที่พี่แกใส่ชื่อบนสกอร์บอร์ดได้ นั่นคือประตูที่ 150 ในสีเสื้อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทุบสถิติแซงหน้า พอล สโคลส์ กับ รุด ฟาน นิสเตลรอย ในชาร์ตดาวซัลโวสูงสุดของสโมสร และก็นับเป็นแฮตทริกที่ 6 กับการค้าแข้งให้ "ปีศาจแดง" แต่ที่พีคสุดๆ เลยก็คือการยัดเยียดความปราชัยให้กับ อาร์เซน่อล ด้วยสกอร์ 8-2 นับเป็นความพ่ายแพ้เกมเยือนใน พรีเมียร์ลีก ที่ย่อยยับที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร

หยุดสถิติไร้พ่ายของ อาร์เซน่อล

Wayne Rooney helped end Arsenal นัดที่ถล่ม อาร์เซน่อล ไป 8-2 จริงๆ ไม่ใช่ครั้งแรกที่ เวย์น รูนี่ย์ สร้างบาดแผลและความเจ็บช้ำไว้ในจิตใจของ อาร์แซน เวนเกอร์ ย้อนกลับไปวันที่ 24 ตุลาคม ปี 2004 นั่นคือยุคที่ อาร์เซน่อล จัดว่าเป็นทีมเบอร์ท็อปๆ ของ พรีเมียร์ลีก และก็มีสถิติที่ยอดเยี่ยมด้วยไม่แพ้ใครมายาวนาน 49 เกมติดต่อกัน แต่ท้ายที่สุดก็ต้องมาโดนสยบด้วยน้ำมือของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดย รุด ฟาน นิสเตลรอย เป็นคนยิงจุดโทษให้ทีมขึ้นนำ 1-0 ก่อนที่ เวย์น รูนี่ย์ จะมาซัดประตูตอกฝาโลง 2-0 พา "ปีศาจแดง" เก็บ 3 คะแนนอันล้ำค่าได้สำเร็จ และที่พิเศษสุดๆ เลยก็คือวันนั้นคือวันเกิดอายุครบ 19 ปีบริบูรณ์ของ เวย์น รูนี่ย์ คนนี้ด้วย

ดาวยิงสูงสุดของ อังกฤษ

England ไปดูในเกมระดับนานาชาติกันบ้างกับ ทีมชาติอังกฤษ ชุดซีเนียร์ ก่อนจะรีไทร์ไปในปี 2018 เวย์น รูนี่ย์ ฝากผลงานไว้ที่การรับใช้ชาติ 120 นัด นับเป็นแข้งเอาท์ฟิลด์ที่ติดธงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของทัพ "สิงโตคำราม" พร้อมกับครองตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดด้วยที่ 53 ประตู แต่ถ้าจะพูดถึงช่วงโมเมนต์แห่งประวัติศาสตร์ที่พี่แกทุบสถิติของ เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน และกลายเป็นยอดดาวยิงสูงสุดของ อังกฤษ ที่ 50 ประตู มันเกิดขึ้นในช่วง กันยายน ปี 2015 ที่เจอกับ สวิตเซอร์แลนด์ โดยตัวของ เวย์น รูนี่ย์ เป็นคนรับหน้าที่สังหารจุดโทษพาทีมชนะไปด้วยสกอร์ 2-0

เปเล่ ผิวขาว

T ถึงแม้ ทีมชาติอังกฤษ จะต้องจอดป้ายแค่รอบก่อนรองชนะเลิศเท่านั้นในศึกฟุตบอล ยูโร ปี 2004 ด้วยน้ำมือของ โปรตุเกส แต่หลายๆ คนยกย่องให้ทัวร์นาเมนต์นั้นเป็นปีที่ดีที่สุดของ เวย์น รูนี่ย์ กับการเล่นให้ ทีมชาติอังกฤษ เพราะเขากลายเป็นขุมกำลังสำคัญในทีมของ สเวน โกรัน อีริคส์สัน ในวัยแค่ 18 ปี เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นอีกหนึ่งแข้งพรสวรรค์รอบด้าน มีความดุดัน มีความรวดเร็ว เป็นเด็กที่ไม่มีความเกรงกลัวใด และวาดลวดลายฝีเท้าได้แบบชวนตื่นเต้นสุดๆ นั่นจึงทำให้ชื่อของ เวย์น รูนี่ย์ ถูกนำไปเปรียบเทียบกับโคตรตำนานอย่าง เปเล่ ของ บราซิล ว่าเป็น "เปเล่ ผิวขาว" หลังจากแผลงฤทธิ์ตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มด้วยการซัดไป 2 ประตู พา อังกฤษ ถล่ม สวิตเซอร์แลนด์ ไป 3-0 พร้อมกับครองตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดร่วมของทัวร์นาเมนต์ที่ 4 ประตู นอกจากนี้พี่แกจารึกสถิติเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูได้ในประวัติศาสตร์ของศึก ฟุตบอล ยูโร ณ ตอนนั้นด้วย

ดาวซัลโวสูงสุดของ ปีศาจแดง

Celebrating Man Utd เมื่อพูดถึงการทุบสถิติการเป็นดาวซัลโวสูงสุดในระดับทีมชาติไปแล้วคราวนี้มาดูในระดับสโมสรกันบ้าง ถึงแม้มันจะไม่ได้ดูเลิศหรูเฟอร์เพคอลังการเท่าไหร่ เพราะซีซั่น 2016-17 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของ เวย์น รูนี่ย์ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พี่แกถูกลดบทบาทลงเยอะมากในยุคของ โชเซ่ มูรินโญ่ แต่อย่างน้อยกุนซือ "เดอะ เวิร์ส วัน" ก็ไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำถึงขั้นดองจนกลายเป็นแข้งที่ถูกลืมไปเลย โดยในวันที่ 21 มกราคม ปี 2017 ในขณะที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกไปเยือน สโต๊ค ซิตี้ ที่ บริทานเนีย สเตเดี้ยม และเป็นฝ่ายตามหลัง 0-1 ตั้งแต่ 9 นาทีแรก และในช่วง 20 นาทีสุดท้าย เวย์น รูนี่ย์ ถูกเปลี่ยนลงมาเป็นตัวสำรอง เกมทำท่าว่าจะจบลงที่สกอร์ดังกล่าว แต่ถึงกระนั้นวินาทีแห่งประวัติศาสตร์ก็เกิดขึ้นในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 90+4 แมนฯ ยูไนเต็ด ได้โอกาสลุ้นตีเสมอครั้งสุดท้ายจากลูกฟรีจิกริมกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ผลปรากฏว่า เวย์น รูนี่ย์ ตัดสินใจไม่เปิดให้เพื่อนและเลือกที่จะยิงเอง ก่อนที่บอลจะมุดเสียบสามเหลี่ยมเสาไกลเป็นประตูที่สวยสดงดงามสุดๆ

ประตูสุดสวยกับ เอฟเวอร์ตัน

A teenager making top-flight football look child แน่นอนว่าความทรงจำส่วนใหญ่ของ เวย์น รูนี่ย์ จะถูกจดจำกับการสวมยูนิฟอร์มของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ใช่ว่าช่วงเวลาสั้นๆ ในถิ่น กูดิสัน พาร์ค มันจะไม่มีโมเมนต์อะไรที่น่าจดจำเลยสำหรับผู้ชายคนนี้ ถ้าจะพูดถึง 1 ประตูที่สวยงามและมีความล้ำค่ามากๆ ต้องย้อนกลับไปโน่นเลยตอนฤดูกาล 2002-03 เดวิด มอยส์ ส่งเขาลงสนามในเกมที่เปิดรัง กูดิสัน พาร์ค เจอกับ อาร์เซน่อล หลายคนอาจจะจำภาพที่พี่แกเป็นตัวการที่หยุดสถิติไรพ่ายของ อาร์เซน่อล ตอนปี 2004 ที่ 49 เกมติดต่อกัน แต่หารู้ไม่ว่าจริงๆ ตอนอายุแค่ 16 ปี รูนี่ย์ ก็เคยทำอะไรแบบนั้นมาแล้ว โดยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของเกมดังกล่าว เวย์น รูนี่ย์ รับบอลบริเวณริมเส้นฝั่งซ้าย ก่อนจะเลี้ยงๆ แต่งเข้าขวา และตัดสินใจตะบันยิงไกลนอกกรอบเขตโทษ บอลโค้งหนีมือ เดวิด ซีแมน เช็ดใต้คานเป็นประตูชัยสุดสวยพา เอฟเวอร์ตัน พลิกแซงกลับมาชนะ 2-1 พร้อมหยุดสถิติไร้พ่ายของ อาร์เซน่อล ไว้ที่ 30 เกมติดต่อกัน

ลูกยิงที่สวยที่สุดในชีวิต

Wayne Rooney scores a sensational overhead kick against Manchester City Wayne Rooney...Out of this World! เมื่อคุณได้ชื่อว่าเป็นผู้เล่นในตำแหน่งกองหน้าแน่นอนว่าในชีวิตของคุณมันก็ต้องมีลูกยิงที่สวยที่สุดหรือมีความหมายมากที่สุดในดวงใจของคุณ โดยตัวของ เวย์น รูนี่ย์ ยกให้ลูกยิง โอเวอร์ เฮด คิก นัดที่เจอกับคู่อริร่วมเมืองอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นประตูที่ยอดเยี่ยมที่สุด ก่อนจะพา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เถลิงบัลลังก์แชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จในฤดูกาล 2010-11 และที่สำคัญคือประตูดังกล่าวได้รับเสียงโหวตให้เป็นหนึ่งในลูกยิงระดับประวัติศาสตร์ของ พรีเมียร์ลีก ด้วย

กลับไป เอฟเวอร์ตัน อีกครั้ง

Wayne Rooney scored a stunning long-range goal to complete his hat-trick against West Ham ปี 2017 เวย์น รูนี่ย์ ตัดสินใจอำลาทัพ "ปีศาจแดง" และกลับไปค้าแข้งกับสโมสรแรกเริ่มในอาชีพที่ปลุกปั้นเขามานั่นก็คือ เอฟเวอร์ตัน ถึงแม้บทบาทของพี่แกจะไม่ใช่กองหน้าจ๋าๆ เหมือนสมัยหนุ่มๆ แต่ รูนี่ย์ ก็ยังมีชื่อทำประตูให้เห็นอยู่บ่อยๆ และถ้าจะพูดถึงการกลับไปบ้านเก่าที่ กูดิสัน พาร์ค รอบที่ 2 หนึ่งในประตูที่สวยงามที่สุดของเขาก็คงเป็นเกมที่เจอกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด มันเป็นจังหวะที่ เอฟเวอร์ตัน เล่นเกมสวนกลับ หลังมีคนสาดโด่งขึ้นไปยังแดนหน้า ถึงแม้ โจ ฮาร์ท จะออกมาตัดบอลได้ทัน แต่เผอิญมันดันพุ่งมาเข้าทาง เวย์น รูนี่ย์ พอดี ก่อนจะยิงสวนทางกลับไปในระยะกว่า 60 หลา เป็นประตูสุดสวยก่อนที่ เอฟเวอร์ตัน จะกำชัยไปด้วยสกอร์ 4-0 และเกมๆ นั้น เวย์น รูนี่ย์ ทำแฮตทริก ได้อีกด้วย

อเมริกัน ทไวไลท์

https://www.youtube.com/watch?v=pWDwYSkQj5g&feature=emb_title การย้ายไปค้าแข้งบนสังเวียน เมเจอร์ ลีก ซ็อคเกอร์ สหรัฐอเมริกา จริงอยู่ที่เรื่องความสนใจมันไม่ได้รับความนิยมมากเหมือน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ หรือลีกชั้นนำอื่นๆ แต่สำหรับ ดีซี ยูไนเต็ด ที่มี เวย์น รูนี่ย์ มันมีอยู่เกมๆ นึงที่ถูกพูดถึงกันมาก และมีคนมาตามดูย้อนหลังหลายล้านวิวเลยทีเดียว มันเกิดขึ้นในเกมที่ ดีซี ยูไนเต็ด เปิดบ้านเจอกับ ออร์แลนโด้ ซิตี้ โดยในช่วงนาที 90+5 ที่สกอร์เสมอกันอยู่ 2-2 และห้วงอารมณ์สำคัญของเกมๆ นี้ก็อยู่ตรงที่จังหวะที่ผู้เล่นของ ดีซี ยูไนเต็ด ขึ้นไปกันหมดเพื่อลุ้นประตูชัยจากลูกเตะมุม แต่สุดท้ายดันโดนสวนกลับโดยผู้เล่นของ ออร์แลนโด้ ที่เก็บบอลได้และกระชากลากเลื้อยลุยเดี่ยวขึ้นมาทางกราบซ้าย แต่สุดท้ายก็ต้องแพ้ให้ความพยายามของ เวย์น รูนี่ย์ ที่กดสปีดวิ่งไล่จี้มาสกัดบอลได้สำเร็จ ก่อนจะสวนกลับอีกทีด้วยการเปิดบอลโยนยาวเข้าไปในกรอบเขตโทษให้ ลูชาโน่ อคอสต้า ขึ้นเทคตัวโหม่งเป็นประตูชัยพา ดีซี ยูไนเต็ด เก็บชัยชนะอันล้ำค่ามาได้ด้วยสกอร์ 3-2

HaMu Dos Santos

ส่วนหนึ่งของข้อมูล : skysports ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทางไลน์ขอบสนาม
logoline