logo-heading

ย้อนกลับไปในช่วงซัมเมอร์ปี 2019 ชื่อของ นิโกลาส์ เปเป้ แนวรุกทีมชาติไอวอรี่ โคสต์ ของสโมสร ลีลล์ นี่คือนักเตะเนื้อหอมเบอร์ต้นๆ ที่หลายทีมยักษ์ใหญ่ใยุโรปให้ความสนใจ เพราะแกทำผลงานได้ดีเหลือเกินกับทัพ "ตราหมา" ซัดไป 22 ประตู กับ 11 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 37 นัด ในลีกเอง ใครว่าไม่เก่งก็บ้าแล้ว!!

  ด้วยผลงานการทำประตูและมีส่วนร่วมมากมายขนาดนี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่บรรดาทีมยักษ์ใหญ่จะให้ความสนใจ โดยตอนนั้น ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็มีข่าวว่าเหล่ๆ อยากได้มาตัวมาร่วมทีมด้วย ทว่าท้ายที่สุดก็กลายเป็น "ไอ้ปืนใหญ่" ที่หน้าใหญ่ทุ่มเงินกว่า 72 ล้านปอนด์ ซึ่งมากที่สุดเป็นสถิติสโมสร (ซึ่งแม่งก็ไม่น่าแปลกใจอะไรหรอกนานๆ แม่งจะทุ่มสักที!) แต่ก็แบ่งเป็นการผ่อนจ่ายหลายๆ งวดด้วย เอาล่ะ เนื้อหอมขนดนี้ สถิติดีขนาดนี้ มาร่วมทีมด้วยค่าตัวเป็นสถิติสโมสรขนาดนี้มีหรือ สาวกเดอะกันเนอร์สจะไม่คาดหวัง ยังไงนี่ต้องกลายเป็นตัวความหวังอันดับ 1 หรือ 2 ควบคู่กับ โอบาเมยอง อยู่แล้ว ใช่มั้ยหละ ยิ่งหากย้อนความกลับไป พอย้ายมาปุ๊ป ได้ลงซ้อมมื้อแรกปั๊ป เปเป้ ก็จัดการปล่อยของเลยจ๊ะพี่จ๋า เรียกเสียงฮือฮาจากการลงซ้อมครั้งแรกกับเพื่อนร่วมทีมด้วยการโชว์แตะลอดดาก กรานิต ชาก้า และ กาเบรียล มาร์ติเนลลี ซึ่งคลิปนี้ทางสโมสร อาร์เซน่อล โพสต์ลงทวิตเตอร์เองซะด้วย เรียกได้ว่าอวยกันสุดฤทธิ์ ทว่าพอถึงวันลงแข่งจริงๆ อูไน เอเมรี่ นายใหญ่ทัพ "ปืนโต" ในเวลานั้นกลับยังไม่เลือกใช้ เปเป้ ให้ลงเล่นเป็นตัวจริง และถูกส่งลงเล่นเป็นตัวสำรองอยู่บ่อยๆ โดยตอนนั้นหลังจากที่ส่ง เปเป้ ลงเล่นในครึ่งหลัง เอเมรี่ ก็ให้เหตุผลหลังจบเกมว่า “เปเป้ ทำได้ดีมากๆ ใน 45 นาทีหลังที่อยู่ในสนาม แต่เขาเพิ่งฝึกซ้อมกับเราได้แค่ 2 สัปดาห์ และเขาต้องการความฟิตที่มากกว่านี้ ผมได้คุยกับเขาก่อนเกมถึงความรู้สึก และความพร้อมต่างๆ เขาบอกว่าเขารู้สึกดีขึ้นมาก และน่าจะฟิตพอ แต่ผมยังคิดว่าเขาต้องการเวลาอีกสักนิด ซึ่ง 45 นาทีในเกมนี้ เขาก็ทำมันได้สมบูรณ์แบบมาก” นอกจากนี้ไอ้คำพูดที่ว่า "คำพูดเป็นนายคนเสมอ" มันก็ดันมาเกิดกับ เปเป้ อีกด้วย เพราะเจ้าตัวโดนสื่อขุดบทสัมภาษณ์เมื่อปี 2017 ที่เคยลั่นวาจาเอาไว้ว่า ถ้าจะย้ายมาเล่นที่อังกฤษ เชลซี คือสโมสรเดียวที่ตนเองจะเซ็นสัญญาด้วย โดยคำพูดจากปากชัดๆ คือแบบนี้ “เชลซี คือสโมสรในฝันของผม และเป็นสโมสรเดียวในประเทศอังกฤษที่ผมจะเซ็นสัญญาด้วย” ... . ชิพหายสิครับ ตอนนั้นแฟนปืนใหญ่บางส่วนเริ่มร้องยี้ อีเหี้ยทีมคู่อริร่วมเมืองคือสโมสรในฝันเฉยเลย แต่ก็ยังมีแฟนปืนหลายส่วนที่ให้โอกาส โอเคแหละ เหตุผลพอฟังขึ้น การย้ายลีกมามันต้องใช้เวลาปรับตัว จะปุ๊ปปั๊ปรับโชคเล่นดีเลยมันก็เป็นไปได้ยาก ฉะนั้น ก็ค่อยเป็นค่อยไป ส่วนเรื่องคอมเม้นท์มันก็โบราณนานมาแล้ว ชั่งแม่ง แต่ผลงานมันก็ไม่ดีจริงๆ แหละเพราะในฤดูกาล 2019/20 เปเป้ ได้รับโอกาสลงเล่นใน พรีเมียร์ลีก 31 นัด ตัวจริง 22 นัด ยิงได้จิ๋มมดแค่ 5 ประตู นี่หรอนักเตะค่าตัวแพงที่สุดในสโมสร 72 ล้านปอนด์ มันตำน้ำพริกละลายแม่น้ำชัดๆ หนำซ้ำไม่ยิงไม่ว่าฟอร์มโดยรวมยังไม่คุ้มค่าอีกด้วย  อย่างไรก็ตามแฟนๆ ปืนใหญ่ อาจจะลืมฝันร้ายในการซื้อ เปเป้ เข้ามาร่วมทีมได้ เพราะท้ายสุดทีมรักก็สามารถคว้าแชมป์มาครองประดับบารมีได้หลังจากชนะ เชลซี  2-1 ประตู ในนัดชิงชนะเลิศ แต่ในฤดูกาลถัดมาคือฤดูกาลนี้นี่แหละ ที่มันควรจะต้องคาดหวังอะไรกับคนๆ นี้ให้มากกว่านี้แล้ว ทว่าต้องยอมรับตามตรงว่าตั้งแต่ มิเกล อาร์เตต้า เข้ามาคุม อาร์เซน่อล เปเป้ ก็ไม่ใช่ลูกรักที่การันตีตัวจริงอีกต่อไป แถมเวลาได้ลงเล่นก็ไม่ได้ทำผลงานให้น่าเชยชมด้วย ซึ่งช่วงแรกๆ ที่ อาร์เตต้า เข้ามาแล้วตัดสินใจดรอป เปเป้ ก็ได้ให้เหตุผลเอาไว้ว่า "เปเป้ ไม่ใช่ตัวเลือกแรกของเราแล้ว แต่เขาก็ยังได้ลงเล่นเยอะอยู่ เขาต้องค้นหาความสม่ำเสมอให้ได้ในระหว่างเกม เขาต้องเฉียบคมกว่านี้ และคว้าโอกาสที่มีให้ได้" แปลไทยเป็นไทยได้ง่ายๆ ก็คือ ไอสัส มึงยิงไม่คม แถมยังเล่นไม่สม่ำเสมออีก 3 วันดี 4 วันไข้ ไอสัสไปพักเหอะ! นั่นแหละครับท่านผู้ชมคือสิ่งที่ อาร์เตต้า อยากจะบอกกับ เปเป้  แต่สิ่งที่ อาร์เตต้า พูดในช่วงปลายเดือนตุลาคมปีที่แล้ว แทนที่จะเป็นแรงกระตุ้นให้ เปเป้ โชว์ฟอร์มดีขึ้น กลับไม่ใช่เพราะพี่แกดันโชว์โง่ เก็บทรงไม่อยู่ เอาหัวไปโขกคู่แข่งในเกมที่ทัพ "ปืนใหญ่" บุกไปเสมอกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด 0-0 จนโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม โดนแบนไป 3 เกมซะอย่างงั้น "เปเป้ ทำตัวได้โคตรน่าผิดหวัง ทีมที่เหลือต้องทำในสิ่งที่ทำได้ เราต้องการชัยชนะ ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันยากมากจริงๆ ด้วยสถานการณ์แบบนี้" นี่คือคำพูดหลังจบเกมของ มิเกล อาร์เตต้า ผู้เป็นกุนซือ การกล้าตัด เมซุต โอซิล นักเตะที่รับค่าเหนื่อยแพงสุดในสโมสร รวมถึงเป็นอดีตเพื่อนร่วมทีมทิ้ง นี่คือโคตรเฮี้ยมแล้ว แม้ว่ามันอาจจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรก็เถอะ ฉะนั้นการหั่นขายทิ้งของราคา 72 ล้านปอนด์ที่ซื้อมาผิดพลาด คงไม่ใช่เรื่องยาก และดูท่าทาง เปเป้ คงไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมของ อาร์เตต้า แน่ๆ แล้ว เพราะ 5 นัดหลังสุดใน พรีเมียร์ลีก ดาวเตะเจ้าของค่าตัวสถิติสโมสรได้ลงเล่นแค่ 44 นาทีเท่านั้น คำถามคือสโมสรไหนล่ะจะกล้ารับความเสี่ยงต่อ และด้วยวิกฤติโควิดแบบนี้ อาร์เซน่อล จะย้อมแมวขาย เปเป้ ในวัย 25 ปีนี้ได้สักเท่าไหร่กันเชียว?  

ชิน ชินพัฒน์

logoline