ไล่เรียงไทม์ไลน์ของ คากาวะ ชีวิตหลังออกจาก แมนยูฯ เป็นยังไงบ้าง
ถ้าจะบอกว่าชื่อของ ชินจิ คากาวะ ถือว่าเป็นปรากฎการณ์ของแข้งเอเชียที่ย้ายไปแจ้งเกิดในเวทีบอลยุโรปอย่าง บุนเดสลีกา เยอรมัน ก็คงจะไม่ได้มากจนเกินไป
จากเด็กหนุ่มที่ค้าแข้งกับ เซเรโซ่ โอซาก้า ทีมในเจลีก ญี่ปุ่น ก่อนก้าวกระโดดกลายเป็นแข้งตัวหลักของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และได้รับโอกาสย้ายไปเป็นส่วนหนึ่งของทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชุดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก หนล่าสุดเมื่อซีซั่น 2012-13
ว่าแล้ววันนี้ ขอบสนาม ของเราจะขอไล่เรียงไทม์ไลน์ของแข้งชาวเอเชียคนนี้กันหน่อยว่านับตั้งแต่ย้ายออกจากทัพ “ปีศาจแดง” ชีวิตของเขาเป็นอย่างไร เพราะล่าสุดถึงขั้นย้ายไปค้าแข้งในประเทศกรีซกันแล้ว
ชีวิตในสีเสื้อ ยูไนเต็ด
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2012 ชินจิ คากาวะ ได้ย้ายมาร่วมทัพ แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 16 ล้านยูโร ภายหลังสร้างผลงานได้อย่างโดดเด่นกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ซึ่งจะว่าไปการเข้ามาของดาวเตะชาวญี่ปุ่นผู้นี้ก็ทำให้แฟนบอล "ปีศาจแดง" ตั้งความหวังไว้ว่าเจ้าตัวจะสามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมเหมือนครั้งที่ พาร์ค จี-ซอง อีกดาวเตะจากเอเชียได้สร้างชื่อไว้กับทีม
โดยในช่วงขวบปีแรกก็ต้องยอมรับว่า คากาวะ มีผลงานที่จับต้องได้เหมือนกัน แม้จะมีช่วงเวลาที่ได้รับบาดเจ็บ และต้องพักรักษาตัวยาวไปกว่า 2 เดือนเศษ แต่ทว่าโดยรวมถือว่าสอบผ่านแบบไม่ได้ยากเย็น แถมยังสร้างสถิติเป็นแข้งเอเชียคนแรกที่กระหน่ำแฮตทริกได้ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งเยื่อในค่ำคืนวันนั้นก็คือ นอริช ซิตี้ นั้นเอง บทสรุปฤดูกาลแรกในอังกฤษของเจ้าตัวก็สามารถกวาดแชมป์ลีกไปครองได้สำเร็จ พร้อมเป็นกำลังสำคัญของทีมอีกด้วย
แต่ทว่าจุดเปลี่ยนก็มาถึงเมื่อ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เจ้านายที่เป็นคนดึงตัวเขาเข้ามาได้ประกาศวางมือแบบสายฟ้าผ่ากลางโอลด์ แทรฟฟอร์ด ซึ่งเมื่อเปลี่ยนหัวเรือมาอยู่ในกำมือของ เดวิด มอยส์ ชีวิตของหนุ่มจากแดนซามูไรของเขาก็เปลี่ยนไป คากาวะ เหมือนเป็นส่วนเกินของทีม บางนัดก็มีชื่อเป็นตัวสำรอง ส่วนบางเกมของหายไปแบบดื้อๆ ทำให้บทสรุปสุดท้ายหลังจบซีซั่น 2013-14 คากาวะ ก็ได้เก็บกระเป๋าย้ายออกจากทีม พร้อมทิ้งสถิติการลงเล่นกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ไว้ที่ 57 นัด ซัด 6 ประตู พ่วงด้วย 10 แอสซิสต์
กลับไปอยู่กับ ดอร์ทมุนด์
หลังจากชีวิตในช่วงท้ายกับ แมนฯ ยูไนเต็ด จะไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่ ฉะนั้นการกลับมายังต้นสังกัดที่สร้างชื่อให้กับเขาถือว่าเป็นทางออกที่สวยงามพอควร โดยการรีเทิร์นรอบ 2 กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในฤดูกาล 2014-15 เจ้าตัวได้ร่วมงานกับ เจอร์เก้น คล็อปป์ และเป็นกำลังหลักของทีมมาตลอดฤดูกาล หลังจากนั้นทัพ "เสือเหลือง" ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งกุนซือเมื่อ คล็อปป์ ถอยออกไป ทีมก็ไปแต่งตั้ง โธมัส ทูเคิ่ล ขึ้นมาเป็นเทรนเนอร์ของทีมแทน
ซึ่งแม้จะเปลี่ยนผู้นำแต่ คากาวะ ก็ยังคงเป็นกำลังสำคัญของทีมเหมือนเดิม พร้อมโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจนกระทั่งมีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมศึกบุนเดสลีกาในฤดูกาล 2015-16 รวมไปถึงได้รับสัญญาฉบับใหม่ขยายออกไปจนถึงปี 2020 แต่ทว่าทุกอย่างที่กำลังไปได้สวยกับต้องหยุดชะงักแม้จะต้องเปลี่ยนเจ้านายจาก ทูเคิ่ล มาเป็น ปีเตอร์ บอสซ์
แต่ปัญหาใหญ่ที่ฉุดรั้งตัวเขามากที่สุดคืออาการบาดเจ็บในช่วงท้ายฤดูกาล 2017-18 ประจวบเหมาะกับรอยต่อฤดูกาลต่อมาทีมไปดึง ลูเซียง ฟาร์ฟ มาคุมทัพ ทำให้โอกาสลงสนามของดาวเตะทีมชาติใหญ่นั้นค่อนข้างถูกจำกัด สุดท้ายเป็นอีกครั้งที่เขาต้องโยกย้าย ในช่วงตลาดนักเตะเดือนมกราคมปี 2019 เขาต้องออกไปหาความท้าทาย และโอกาสในการลงสนามกับ เบซิคตัส ทีมในประเทศตุรกี
สู่ความท้าทายใหม่
หลังจากที่ต้องย้ายออกจาก ดอร์ทมุนด์ อีกครั้งอย่างที่บอกเจ้าตัวย้ายไปค้าแข้งกับ เบซิคตัส ในรูปแบบยืมตัว ซึ่งก็ต้องบอกว่าเขาก็ไม่ได้สร้างผลงานสักที่ยอดเยี่ยมสักเท่าไหร่ แถมบทบาทยังเป็นเพียงตัวสำรองซะส่วนใหญ่ โดยรวมแล้วชีวิตที่ตุรกีของเจ้าตัวลงเล่นไปเพียง 14 นัดเท่านั้น ซึ่งในจำนวนดังกล่าวเป็นการออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเพียง 4 เกมเท่านั้น โดยผลิตสกอร์ไปได้ทั้งสิ้น 4 ตุง บวกกับอีก 2 แอสซิสต์ ก่อนที่จะกลับมาเจรจาอนาคตกับ ดอร์ทมุนด์ อีกครั้งว่าจะเก็บเขาไว้ใช้งาน หรือปล่อยออกจากทีมไป
บทสรุป ดอร์ทมุนด์ เลือกที่จะขายเขาออกไป ซึ่งสถานีต่อไปคือ เรอัล ซาราโกซ่า ทีมในระดับ เซกุนด้า สเปน หรือลีกรองของแดนกระทิงนั้นเอง ซึ่งตัวเลขการลงสนามทุกรายการของเขาอยู่ที่ 36 นัด แม้จะเป็นสถิติที่ค่อนข้างสวยงามแต่ผลงานในสนามกลับไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมายที่ทีมที่วางไว้นั้นก็คือการเลื่อนชั้นสู่ศึกลาลีกา สเปน อีกทั้งสโมสรยังต้องแบกรับค่าเหนื่อยของ คากาวะ ที่มากกว่าเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ อีกกว่า 1 เท่าตัว ทำให้หลังจบฤดูกาล 2019-20 ระหว่าง คากาวะ กับ ซาราโกซ่า ก็ต้องแยกทางกัน และด้วยเหตุนี้มันเลยทำให้ดาวเตะวัย 31 ปี ต้องกลายเป็นแข้งไร้สังกัดแบบไม่น่าเชื่อ
ว่างงานนาน 6 เดือน
อย่างที่กล่าวไปนับตั้งแต่ยกเลิกสัญญากับ เรอัล ซาราโกซ่า คากาวะ ก็ไม่ได้มีสโมสรไหนมารองรับเลยทำให้ช่วงเวลากว่า 6 เดือนที่ผ่านมาดาวเตะจากแดนอาทิตย์อุทัยต้องกลายเป็นแข้งไร้สังกัด ก่อนที่ล่าสุดเจ้าตัวจะได้มีโอกาสเซ็นสัญญาร่วมทัพ พีเอโอเค เทสซาโลนิกิ สโมสรในประเทศกรีซเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยสัญญา 1 ปีครึ่ง
แน่นอนว่าเส้นกราฟชีวิตของเขาดูเหมือนมันจะด่ำดิ่งพุ่งลงอย่างรวดเร็วในระยะเวลาเพียง 2-3 ปี เท่านั้นทั้งที่ก่อนหน้านั้นไม่นานเขายังเป็นขุมกำลังหลักของทีมใหญ่อย่าง ดอร์ทมุนด์ จนเป็นแข้งเบอร์ต้นของลีกสูงสุดประเทศเยอรมัน วันเวลาผ่านไป คากาวะ จะกลายเป็นแข้งไร้สโมสร จนต้องโยกย้ายไปค้าแข้งกับทีมในกรีซทั้งที่อายุเพิ่งแตะหลัก 31 ปี เท่านั้น
สุดท้ายเชื่อว่าด้วยความที่เขาเป็น ชินจิ คากาวะ นักเตะที่ลงมือทำงานอย่างหนักในสนาม จะย้ายไปอยู่ที่ไหนแฟนบอลก็ต่างแห่ไปให้กำลังใจ และชีวิตลูกหนังครั้งใหม่ของเขาก็หวังว่าจะเรียกความมั่นใจ และกลับมาโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมอีกครั้ง
- เปา ขอบสนาม -