logo-heading

ใกล้รูดม่านปิดประตูแล้วสำหรับตลาดซื้อ-ขาย นักเตะในช่วงเดือนมกราคมนี้ ซึ่งในลีกใหญ่ของยุโรปนั้นเวลาปิดตลาดนั้นไม่ตรงกันอย่างของ ฝรั่งเศส, อังกฤษ และ สเปน จะปิดตรงกับเวลาไทยคือ 6 โมงเช้าวันอังคาร ส่วน เยอรมัน จะปิดเที่ยงคืนประเทศไทยในคืนนี้ และ อิตาลี จะปิดในช่วงตี 2 ของบ้านเรา

ว่าแล้วเราลองย้อนไปดูดีลเด่นๆ ในค่ำคืนสุดท้ายของตลาดหน้าหนาวกันหน่อย ว่ามีแข้งคนไหนที่โยกย้ายกันในคืนหมาหอน และเป็นที่น่าจดจำจนถึงวันนี้บ้าง

เฟร์นานโด ตอร์เรส (จาก ลิเวอร์พูล ไป เชลซี)

หัวหอกชาวกระทิงดุที่สร้างผลงานอย่างยอดเยี่ยมกับ ลิเวอร์พูล พร้อมทั้งกระหน่ำประตูได้มากมายตลอดเกือบ 4 ปี ในถิ่น แอนฟิลด์ ซึ่งดีลนี้เกิดขึ้นในช่วงปี 2011 เมื่อ เชลซี เดินหน้าอยากได้ ตอร์เรส มาร่วมทัพแบบมากที่สุดถึงขั้นยอมจ่ายค่าตัวเป็นสถิติของเกาะอังกฤษที่ 50 ล้านปอนด์ แต่ทว่าผลงานของ "เอล นินโญ่" โดยรวมก็ไม่ได้ปังตามใจที่แฟนบอลคาดหวังไว้ เพราะพี่แกยิงไปได้เพียง 45 ประตู จากการลงสนามทุกรายการ 172 นัด แม้จะยิงน้อยแต่ก็พอมีภาพให้แฟนบอลได้จดจำโดยเฉพาะจังหวะหลุดเดียวเข้าไปสังหารประตู บาร์เซโลน่า ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก  ซึ่งหลังจากค้าแข้งกับ เชลซี ได้อยู่ราว 4 ปี เจ้าตัวก็ย้ายออกไปร่วมทัพ เอซี มิลาน รวมไปถึงกลับบ้านหลังเก่าอีกครั้ง แอต.มาดริด ก่อนที่จะเพิ่งประกาศแขวนสตั๊ดไปเมื่อฤดูกาลที่แล้ว โดยสโมสรสุดท้ายในอาชีพค้าแข้งในก็คือ ซากัน โทสุ ทีมในศึกเจลีก ประเทศญี่ปุ่น 5 ดีลเด่นวันเดดไลน์ตลาดซื้อ-ขาย นักเตะเดือน มกราคม

แอนดี้ คาร์โรลล์ (จาก นิวคาสเซิ่ล ไป ลิเวอร์พูล)

กองหน้าร่างโย่งที่เป็นแข้งดาวรุ่งพุ่งแรงของวงการลูกหนังอังกฤษในตอนนั้น ซึ่งด้วยผลงานกับ นิวคาสเซิ่ล ทำให้ คาร์โรลล์ ค่อนข้างเนื้อหอม และได้รับความสนใจจากหลายสโมสรก่อนที่จะเป็น ลิเวอร์พูล ที่ปิดบัญชีดึงตัวมาร่วมทัพได้สำเร็จพร้อมค่าตัวที่แพงไม่ใช่น้อยถึง 35 ล้านปอนด์  แน่นอนด้วยผลงานที่ผ่านมาไม่แปลกที่แฟนบอลจะตั้งความคาดหวังที่อยากจะเห็นหัวหอกร่างโย่งผลิตสกอร์แบบเป็นกอบกอบเป็นกำ และเมื่อไม่ได้ดั่งใจคิดมันเลยทำให้ "เดอะ ค็อป" ค่อนข้างผิดหวังเพราะเนื่องด้วยเรื่องของสภาพร่างกาย และการปรับตัวต่างๆ ทำให้ คาร์โรลล์ ยิงประตูในสีเสื้อ ลิเวอร์พูล ไปเพียง 11 ตุง จากการลงสนาม 58 นัดทุกรายการตลอด 2 ปี ในถิ่น แอนฟิลด์ ก่อนจะถูกปล่อยยืมตัวออกไปร่วมทัพ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในช่วงปี 2012 และขายขาดให้ในอีก 1 ปี หลังจากนั้น โดยปัจจุบัน คาร์โรลล์ ในวัย 32 ปี กลับไปค้าแข้งกับอู่ข้าวอู่น้ำอย่าง นิวคาสเซิ่ล อีกครั้ง ซึ่งก็ยังไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่งออกมาได้อีกเลย เพราะการกลับมาเป็นครั้งที่ 2 ของเขาตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์ 2019 เขาเพิ่งผลิตสกอร์ให้ทีมได้เพียงประตูเดียวเท่านั้น

หลุยส์ ซัวเรซ (จาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ไป ลิเวอร์พูล)

หัวหอกชาวอุรุกวัยย้ายมาร่วมทัพ ลิเวอร์พูล ในช่วงเดียวกับ แอนดี้ คาร์โรลล์ เพื่อที่จะเป็นหนึ่งในตัวเลือกของทีมแทนที่ของ เฟร์นานโด ตอร์เรส ที่ย้ายสวนทางออกไป แต่ใครจะคิดว่านี้คือดีลที่สุดแห่งความคุ้มค่าอีกครั้งของทีม จำนวนเงิน 22.8 ล้านปอนด์ ที่ทีมจ่ายไปให้ อาแจ็กซ์ มันคุ้มค่ามากจริงๆ และถ้ายิ่งนำไปเปรียบเทียบกับ คาร์โรลล์ พูดได้เลยว่าต่างกันอย่างสุดขั้ว  แม้ตลอด 3 ปีในถิ่น แอนฟิลด์ ซัวเรซ จะไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องของโทรฟี่แชมป์เพราะได้เพียงแชมป์ลีก คัพ มาครอง เท่านั้น แต่ในเรื่องของผลงานส่วนตัวจำนวนการยิงไปถึง 82 ตุง จากการลงเล่น 133 เกม อีกทั้งยังพ่วงดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกอีก 1 สมัย  ก็เพียงพอจะบอกถึงความยอดเยี่ยมของกองหน้ารายนี้แล้ว  แต่ทว่าสุดท้ายตัวเขากับ ลิเวอร์พูล ก็ต้องถึงวันแยกทางด้วยเหตุผลต่างๆ มากมายโดยเฉพาะสื่อในอังกฤษที่ตามเล่นงานเขาอย่างหนัก สุดท้ายก็เป็น บาร์เซโลน่า ได้ตัวเขาไปร่วมทัพ ก่อนที่จะโกยความสำเร็จอย่างมากมายได้ทุกแชมป์ในประเทศสเปน ส่วนปัจจุบันแม้ ซัวเรซ จะโยกย้ายไปร่วมทัพ แอต.มาดริด แล้ว เขาก็ยังคงเป็นกองหน้าที่ร้อนแรง พร้อมพาทีมพุ่งชนความสำเร็จเหมือนเช่นเคย 5 ดีลเด่นวันเดดไลน์ตลาดซื้อ-ขาย นักเตะเดือน มกราคม

ปิแอร์ เอเมอริค-โอบาเมอยอง (จาก ดอร์ทมุนด์ ไป อาร์เซน่อล)

ถ้าจะบอกว่านี่คือกองหน้าของ อาร์เซน่อล ที่ดีที่สุดนับตั้งแต่หมดยุคของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ก็คงจะไม่ได้เกินเลยมากนัก ตัวเลข 56 ล้านปอนด์ ที่ทัพ "ปืนใหญ่" จ่ายไปให้ ดอร์ทมุนด์ ถึงไม่ใช่ตัวเลขที่สูงเกินไปแต่อย่างใด ย้อนกลับไปสมัยที่เจ้าตัวยังคงล่าตาช่ายให้ทัพ "เสือเหลือง" โอบาเมยอง มีตัวเลขการผลิตสกอร์ที่ดีมากๆ อีกทั้งยังเคยรั้งดาวซัลโวศึกบุนเดสลีกา เมื่อซีซั่น 2016-17 มาแล้ว และผลงานกับ อาร์เซน่อล ตัวเลขการยิงประตูเมื่อนำมาถึงตอนนี้มันไปแตะอยู่ที่ 78 ตุง จากการลงสนาม 129 นัด เฉลี่ยแล้ว โอบาเมยอง จะผลิตสกอร์ให้ อาร์เซน่อล ในทุกๆ 2 เกม  ฉะนั้นแม้ในช่วงหลังผลงานอาจจะฝืดยิงไม่ได้ แต่อย่าลืมว่าด้วยความเป็นกองหน้าที่จบสกอร์ได้อย่างยอดเยี่ยม อีกทั้งยังมีความไวในเรื่องของสปีดความเร็วสุดจี๊ดหาตัวจับยาก ยังไงเสียเขาก็ยังคงเป็นกองหน้าเบอร์ต้นของทีม และเป็นคู่แข่งที่อันตรายต่อฝ่ายตรงข้ามเสมอ

ฮาเวียร์ มาสเคลาโน่ (จาก เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ไป ลิเวอร์พูล)

อีกหนึ่งในดีลที่คุ้มค่าของ ลิเวอร์พูล แม้ในช่วงเดือนมกราคม 2007 จะไม่ใช่การซื้อ-ขาย เพราะเป็นเพียงการยืมตัวมาใช้งาน ก่อนค่อยเซ็นสัญญาร่วมทัพถาวรก็ตาม  ซึ่งแท้จริงดีลนี้เกือบที่จะไม่เกิดขึ้นแล้วด้วยซ้ำ เพราะกฎของฟีฟ่าที่ห้ามนักเตะเล่นเกิน 2 ทีมตั้งแต่วันที่ 1 กรกฏาคม ถึง 30 มิถุนายน  แต่ในเคสของ มาสเคลาโน่ เจ้าตัวลงเล่นไปแล้วให้กับ 2 สโมสรอย่าง โครินเธี่ยนส์ กับ เวสต์แฮมฯ แต่อย่างไรก็ตามสุดท้าย ฟีฟ่า ก็ได้อนุมัติให้พี่แกย้ายมาเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล ได้ ก่อนที่เขาจะกลายเป็นแข้งกำลังสำคัญของทัพ "หงส์แดง" เป็นมิดฟิลด์ตัวตัดเกมเบอร์ต้นๆ ของลีกตลอดช่วงเวลากว่า 3 ปีที่เป็นนักเตะของ ลิเวอร์พูล

- เปา ขอบสนาม -

logoline