logo-heading

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงฤดูกาล 2012-13 ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อบรมกุนซืออย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้ประกาศแบบฟ้าผ่ากลางโอลด์ แทรฟฟอร์ด ว่าเขาจะวางมือหลังจบฤดูกาลดังกล่าวแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ไม่มีใครระแคะระคายมาก่อน

ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานข่าวลือก็สะพัดไปทั่วเกาะอังกฤษ และวงการลูกหนัง ว่าผู้ที่ได้โอกาสสืบทอดตำนานอย่าง "ป๋าเฟอร์กี้" นั้นก็คือ เดวิด มอยส์ อดีตกุนซือของ เอฟเวอร์ตัน ที่ในห้วงเวลาที่เป็นนายใหญ่ของทัพ "ทอฟฟี่" ได้รับการยกย่องว่าเป็นกุนซือฝีมือดีคนหนึ่งของวงการลูกหนังอังกฤษ ชนิดที่ถ้าเทียบกันแบบปอนด์ต่อปอนด์ เขาสามารถอยู่เหนือได้ทุกคน โดยภายหลังถูกแต่งตั้งให้เป็นนายใหญ่ของทัพ "ปีศาจแดง" มอยส์ ก็ได้รับฉายาจากแฟนบอลนั้นก็คือ "The chosen one " หรือ "ผู้ที่ถูกเลือก" แน่นอนว่าการเข้ามาของเขาถูกตั้งความหวังไว้มากพอสมควร เพราะด้วยความเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ทีมที่พุ่งชนกับความสำเร็จมาตลอดในช่วง 10-15 ปีหลัง ทำให้ความกดดันค่อนถูกถามโถมเข้ามาหาเขาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ซึ่งภารกิจแรกของ มอยส์ คือการโละทีมสต๊าฟฟ์ชุดเก่าออกทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น ไมค์ ฟีแลน, เรเน่ มิวเลนสตีน หรือ เอริค สตีล เพื่อเปิดทางให้กับคนใกล้ตัวเข้ามาทำงานแทนที่ ซึ่งตรงนี้เขาก็ถูกวิจารณ์มากพอสมควรถึงความเหมาะสม เพราะอย่างน้อยๆ รายชื่อข้างต้นคือคนที่รู้ความเป็นมาแนวทางของทีม และเข้าใจ DNA ของสโมสรมากที่สุด แต่ทว่า มอยส์ กลับไม่สนใจ และเฉดหัวทิ้งออกไปจากทีม ทั้งที่ควรเก็บเอาไว้เผื่ออย่างน้อยเป็นที่ปรึกษาก็ยังดี  ย้อนรอยวีกรรมของ มอยส์ เมื่อครั้งคุมทัพ แมนฯ ยูไนเต็ด ส่วนภารกิจต่อมาของ มอยส์ ในบทบาทกุนซือ แมนฯ ยูไนเต็ด คือการลงตลาดเพื่อแต่งเติมเสริมความแกร่งให้กับทีม แต่ทว่าทุกอย่างดูเหมือนจะไม่ได้เหมือนกับสิ่งที่แฟนบอลคาดหวังไว้ โอเคแหละครับว่าขุมกำลังชุดเดิมที่ เซอร์ อเล็กซ์ ทิ้งไว้นั้นชื่อชั้นมันค่อนข้างยอดเยี่ยม เพราะนั้นคือชุดที่มีดีกรีเป็นถึงแชมป์พรีเมียร์ลีกมาแล้ว  บทสรุปตลาดช่วงซัมเมอร์ 2013 แมนฯ ยูไนเต็ด สามารถคว้าแข้งใหม่เข้ามาเสริมทัพได้เพียงรายเดียวเท่านั้นก็คือ มารูยาน เฟลไลนี่ อดีตเด็กเก่าของ มอยส์ ที่ เอฟเวอร์ตัน ด้วยค่าตัว 27.5 ล้านปอนด์ ซึ่งในช่วงอุ่นเครื่องปรี-ซีซั่น ของทัพ แมนฯ ยูไนเต็ด ประเดิมด้วยการบุกมาเยือน ราชมังคลากีฬาสถาน ที่ประเทศไทยของเราพบกับทีม ออลสตาร์ไทย ซึ่งผลปรากฎว่าทัพตราปีศาจแดงพ่ายประเดิมโค้ชใหม่ด้วยการโดน ธีรเทพ วิโนทัย สังหารประตูชัยเข้าไป  ก่อนที่หลังจากนั้นจะมีเกมอุ่นเครื่องอีก 6 เกม ผลสรุปคือชนะเพียง 2 นัด และเสมอ กับ แพ้ ไปอีกอย่างละ 2 เกม ก่อนเกมอย่างเป็นทางการนัดแรกจะเริ่มขึ้นคือในศึกคอมมิวนิตี้ ชิลด์ ที่พบกับ วีแกน แอธเลติก ผลปรากฎว่า ลูกทีมของ มอยส์ จัดการตบไป 2-0 จากการเหมาของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ คว้าแชมป์ถาดการกุศลไปครอบครอง ซึ่งนั้นเป็นสัญญาณแล้วว่าเกมของจริงอย่างศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในอีกไม่ช้า ... ย้อนรอยวีกรรมของ มอยส์ เมื่อครั้งคุมทัพ แมนฯ ยูไนเต็ด จะว่าไปการเริ่มต้นนัดแรกในลีกของ มอยส์ กับ ยูไนเต็ด ก็ถือว่าเป็นไปได้อย่างสวยงามเพราะทีมบุกไปเยือน สวอนซี ซิตี้ และถล่มไปด้วยสกอร์ 1-4 พร้อมกับปิดฉากวีคแรกของพรีเมียร์ลีกด้วยการนำเป็นจ่าฝูงของตารางคะแนน ซึ่งนั้นคือการขึ้นไปสูดลมหายใจบนหัวตารางครั้งแรก และครั้งเดียวของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในยุค เดวิด มอยส์ เพราะจากนั้นมีแต่จะรูดไต่อันดับลงไปข้างล่างอยู่เรื่อยๆ ว่าแล้วการออกสตาร์ทได้อย่างสวยงามนั้นเหมือนภาพลวงตาหลอกให้แฟนบอลตายใจ เพราะในช่วง 6 เกมแรก แมนฯ ยูไนเต็ด เก็บชัยชนะได้เพียง 2 นัดเท่านั้น และพบเจอกับความพ่ายแพ้ไปมากถึง 3 เกม พร้อมหล่นไปอยู่อันดับ 12 ของตารางคะแนน  ซึ่งในระหว่างที่ มอยส์ คุมทีมนั้นผลงานที่ดีที่สุดคือการพาทีมเก็บชัยชนะในลีกได้ 3 เกมรวด ไม่เคยไปได้ไกลกว่านั้น แถมวนลูปตามเดิม ชนะ, เสมอ และ แพ้ ไร้ซึ่งความสม่ำเสมอ แม้ในช่วงตลาดนักเตะช่วงเดือนมกราคมจะไปตัว ฆวน มาต้า มาเสริมทัพจาก เชลซี อีกคน แต่ทว่าผลงานของทีมก็ไม่ไม่ได้กระเตื้องขึ้นมากเท่าไหร่ จนกระทั่งเกิดกระแส "moyes out" อย่างรุนแรง ถึงขนาดที่มีคนจ้างเครื่องบิน เพื่อบินวนเหนือสนามพร้อมติดข้อความว่า "Wrong one- moyes out" แสดงจุดยืนว่าแฟนบอลอยากจะให้คุณรับผิดชอบผลงานของทีมด้วยลาออกจากตำแหน่งซะ แน่นอนเมื่อพิจารณาจากผลงาน และฟอร์การเล่นของทีมในห้วงเวลานั้นต้องยอมรับว่ามันเละเทะ บอลไม่มีทรง และไร้ทิศทางในการที่จะเดินไปข้างหน้าอย่างแท้จริง มอยส์ ไม่สามารถดึงศักยภาพของลูกทีมออกมาได้ และไร้ซึ่งไอเดียต่างๆ ในการรังสรรค์เกมรุกออกมาเพื่อเผด็จศึกคู่แข่งได้เลย ย้อนรอยวีกรรมของ มอยส์ เมื่อครั้งคุมทัพ แมนฯ ยูไนเต็ด จนกระทั่งถึงวันที่บอร์ดบริหารอดทนไม่ไหว … 22 เมษายน 2014 ข่าวใหญ่หน้าหนึ่งสื่อทุกฉบับ แมนฯ ยูไนเต็ด บรรจงปลด เดวิด มอยส์ ออกจากตำแหน่งกุนซือเป็นที่เรียบร้อย ภายหลังเกมที่บุกไปพ่าย เอฟเวอร์ตัน 2-0 ได้เพียง 2 วันเท่านั้น ซึ่งตรงกับเกมการแข้งขันนัดที่ 34 ของฤดูกาล ก่อนที่ทีมจะไปทำการแต่งตั้ง ไรอัน กิ๊กส์ มาคุมทีมแบบชั่วคราวจบจบฤดูกาลนั้น ซึ่งเท่ากับว่า มอยส์ มีเวลาอยู่บนเก้าอี้ทัพ "ปีศาจแดง" เพียง 10 เดือนเท่านั้น ซึ่งระยะเวลาดังกล่าวมันอาจจะมากไปด้วยซ้ำถ้าเทียบกับผลงานของทีมในช่วงที่ผ่านมา การจบซีซั่นด้วยอันดับ 7 บนตารางคะแนน พร้อมเก็บคะแนนไปได้เพียง 64 แต้ม มันคือภาพที่แฟน แมนยูฯ ไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นทีมรักจะตกมาอยู่กลางตารางแบบนี้ เหมือนเป็นจุดหักเหที่ไม่มีเวลาให้เตรียมใจเหมือนกัน ทั้งที่ย้อนกลับไปหนึ่งปีก่อนหน้านั้นพวกเขายังคงเริงร่าอยู่กับการฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีกอยู่เลย  ฉะนั้นเมื่อเวลาผ่านไป และนั่งนึกเหตุการณ์ในวันนั้นต้องบอกว่า มอยส์ เดินหมากทุกอย่างผิดพลาดไปหมดเริ่มตั้งแต่เปลี่ยนทีมสต๊าฟฟ์ใหม่ทั้งหมด, การเสริมทัพนักเตะใหม่, การวางตัวให้สัมภาษณ์ต่างๆ และ สไตล์การทำทีมที่ไม่ใช่ แมนฯ ยูไนเต็ด ในรูปแบบที่แฟนบอลเคยเห็นมาก่อน สุดท้ายนั้นอาจจะเป็นช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดของ แมนฯ ยูไนเต็ด และตัวแทนคนแรกของ “ป๋าเฟอร์กี้” สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่ามันคือความล้มเหลวอย่างสมบูรณ์แบบ ล้มเหลวทั้งในแง่ของสโมสร, ตัวบุคคล และความคาดหวังของแฟนบอลที่ไม่คิดว่าทีมจะดำดิ่งได้มากขนาดนั้น

- เปา ขอบสนาม -

logoline