logo-heading

เรียกได้ว่าสกอร์ขาดเกินคาด สำหรับเกมยูฟ่า ยูโรปาลีก รอบ 32 ทีมสุดท้ายนัดแรกที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สามารถถล่ม เรอัล โซเซียดาด ไปขาดลอยถึง 4-0 ประตู ซึ่งทำให้พวกเขากุมความได้เปรียบไว้เยอะมากก่อนเตะเลกสอง เพราะตุนประตูทีมเยือนเอาไว้แล้วถึง 4 ตุง แม้ว่าเกมนี้จะต้องมาเล่นที่สนามกลางอย่าง อัลลิอันซ์ สเตเดี้ยม ก็ตามทีแต่ โซเซียดาด ถือว่าเป็นเจ้าบ้าน ว่าแล้วเกมนี้มีอะไรเกิดขึ้นกันบ้าง เราไปไล่เรียงดูกันเลยดีกว่า

  เริ่มต้นที่การจัดทีมกันก่อนเลย นัดนี้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือทัพ "ปีศาจแดง" มีการโรเตชั่นนักเตะเล็กน้อย ผู้รักษาประตูใช้งาน ดีน เฮนเดอร์สัน เฝ้าเสาแทน ดาบิด เด เคอา ส่วนแบ็กซ้ายก็พัก ลุค ชอว์ และใช้ อเล็กซ์ เตลลิส ประจำการแทน ขณะที่ในแผงแนวรุก ดาเนียล เจมส์ ปีกทีมชาติเวลส์ ก็ได้รับโอกาสให้ลงเล่นเป็นตัวจริง  ตัดสลับกลับมาที่ เรอัล โซเซียดาด ที่แม้จะเตะสนามกลาง แต่ก็ถือว่าอยู่ในฐานะเจ้าถิ่นใช้ อัดนาน ยานาไซ อดีตเด็กเก่า แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นเป็นตัวรุกฝั่งขวา ขณะที่อีกฝั่งเป็น มิเกล โอยาร์ซาบัล หน้าเป้าใช้ อเล็กซานเดอร์ อิซัค ส่วนกองกลางก็มีตัวเก๋าอย่าง ดาบิด ซิลบา คอยประคองน้องๆ เริ่มเกมมาได้ไม่ถึง 2 นาที ทั้ง 2 ทีมต่างก็เกือบได้ประตูขึ้นนำ โดยจังหวะยิงครั้งแรกในเกมนี้เป็นของ โซเซียดาด แล้วก็เป็นเด็กเก่าอย่าง ยานาไซ ซะด้วย ที่ได้ง้างเท้ายิง แต่บอลก็เฉียดคานออกหลังไปนิดเดียว ซึ่งจังหวะต่อเนื่องมานี้ ผีแดง ก็เกือบได้เหมือนกันจากจังหวะที่ แนวรับ โซเซียดาด ดักบอลโด่งพลาด ไปเข้าทาง มาร์คัส แรชฟอร์ด หลุดไปดวลเดี่ยวกับผู้รักษาประตู ทว่าก็ดันยิงไปติดเซฟของ อเล็กซ์ เรมิโน่ ซะอย่างงั้น แถมนาทีถัดมา โซเซียดาด ก็เกือบได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งจากจังหวะที่ อัดนาน ยานาไซ เปิดให้ อเล็กซานเดอร์ อิซัค ซัดแต่ ดีน เฮนเดอร์สัน ก็ยังปัดบอลออกหลังไปได้ เรียกได้ว่าช่วงต้นเกมแนวรับ แมนฯ ยู ยังดูไม่ค่อยมีสมาธิสักเท่าไหร่  แต่หลังจากนั้นเกมรับ ผีแดง ก็ทำได้ดีขึ้น รูปเกมก็ค่อนข้างเปิด แล้วก็เป็น แมนฯ ยู ที่ทำได้ดีกว่าชัดเจนโดยเฉพาะการหาโอกาสจบสกอร์ ทั้งจาก สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ และ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ได้หลุดเดี่ยวไปยิง แต่ อเล็กซ์ เรมิโน่ ก็โชว์ซูเปอร์เซฟได้ จนในที่สุดความพยายามของพวกเขาก็เป็นผลในนาทีที่ 27 มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ขยับโยกมาอยู่ทางซ้าย วางบอลย้ายเข้าไปในเขตโทษ บอลดูเหมือนจะลึกเกินไปไม่มีอะไร ทว่าแนวรับ โซเซียดาด กับ ผู้รักษาประตู ดันสื่อสารกันพลาดวิ่งมาชนกันซะอย่างงั้น บอลเลยหลุดไปหา บรูโน่ แฟร์นันเดส ยิงเข้าไปง่ายๆ ส่งให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ออกนำ 1-0 ซึ่งหลังจากได้ประตูขึ้นนำ แมนฯ ยู ก็ดูจะผ่อนเกมรุกลงไป แต่ทาง โซเซียดาด เองก็ไม่ได้มีพิษสงอะไรให้ต้องกลัวนัก สุดท้ายก็เลยจบครึ่งแรกลงไปด้วยสกอร์นี้ เข้าสู่ครึ่งหลัง ดูท่าว่า โซลชา จะกำชับให้ลูกทีมเดินเกมรุกบุกต่อ ไม่ให้ผ่อนเกม เพราะคงจะอยากได้อเวย์โกลล์กลับไปให้มากที่สุด นัด 2 ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด จะได้เล่นกันง่ายขึ้น ซึ่งลูกทีมของ น้าลูกอม ก็ตอบสนองได้ดีทีเดียว ครึ่งหลังกลับมาเล่นได้อย่างมีชีวิตชีวา ไม่ได้เนือยๆ เหมือนท้ายครึ่งแรก และแล้วนาทีที่ 57 ผีแดง ก็มาได้ประตูที่ 2 สมใจอยากจากจังหวะที่ แรชฟอร์ด จ่ายบอลให้ ดาเนี่ยล เจมส์ แตะหนีคู่แข่ง บอลไหลมาเข้าทาง บรูโน่ แฟร์นันเดส ที่วิ่งตามมาพอดี ซัดตามน้ำเข้าประตูไปทำให้ ผีแดง นำห่างเป็น 2-0 ซึ่งลูกนี้ผู้เล่น โซเซียดาด พยายามจะฟ้องว่าล้ำหน้า แต่เช็ค VAR เรียบร้อย บรูโน่ ยังอยู่ในไลน์ไม่ล้ำหน้า เท่านั้นไม่พอนาทีที่ 65 เฟร็ด ก็แทงบอลทะลุช่องอย่างงามให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด หลุดเข้าไปดวลเดี่ยวกับผู้รักษาประตูอีกครั้ง ซึ่งหนนี้ กองหน้าทีมชาติอังกฤษ ก็ไม่ยอมพลาดแล้ว แปลบอลเล่นทางสวนตัว อเล็กซ์ เมริโน่ เข้าประตูไปกลายเป็น 3-0 พูลสวสดิ์ อย่างที่บอกไปครึ่งหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นได้อย่างคึกคักผิดหูผิดตา และทาง โซเซียดาด เองก็เหมือนจะถอดใจยอมยกธงขาวแล้วหลังโดนเม็ดที่ 3 ซึ่งพอเป็นแบบนี้ โซลชา ก็ได้โอกาสพักตัวหลักออกไปพัก ซึ่งหนึ่งในตัวสำรองที่ลงมาก็คือ อาหมัด ดิยัลโล่ ริมเส้นตัวใหม่ที่ได้ลงประเดิมสนามให้ทีมชุดใหญ่เป็นนัดแรกในเกมนี้ โดยลงมาแทน เมสัน กรีนวู้ด ในนาทีที่ 83 เสียดายมีเวลาโชว์ฝีเท้าน้อยไปหน่อย แต่ก็มีจังหวะปล่อยของอยู่  เกมทำท่าว่าจะจบลงที่ 3-0 พูลสวัสดิ์ แต่นาทีที่ 90 ผีแดง ก็มาได้ประตูย้ำชัยชนะ 4-0 จากจังหวะที่ เอริค ไบยี่ โดยบอลยาวจากทางด้านข้างมาให้ ดาเนี่ยล เจมส์ ก่อนจะเลี้ยงเข้าเขตโทษและตะบันมุมแคบลอดหว่างขา อเล็กซ์ เมริโน่ เข้าประตูไป ทำให้จบเกม แมนฯ ยูไนเต็ด ถล่ม เรอัล โซเซียดาด ไปขาดลอย 4-0 ประตู กุมความได้เปรียบมากโข ก่อนจะเล่นเลกสองที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด วันพฤหัสที่ 25 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้  

ชิน ชินพัฒน์

logoline