logo-heading

แอนฟิลด์ "นรกแห่งทีมเยือน" คำกล่าวขวัญที่เคยขู่คู่แข่งทุกครั้งที่มาเยือน กลายเป็นว่าทุกวันนี้ คือ "คลับเฮ้าท์" ที่ผู้คนจะมาย่ำยีได้ตามใจ กลายเป็นแหล่งที่ใครๆก็ระบายได้ตามใจ

เพราะล่าสุด หงส์แดง แพ้คาบ้านให้กับ เอฟเวอร์ตัน 0-2 ไม่มีวี่แววเลยว่าจะกลับมาเข้าฝั่ง อีกทั้งเป็นการแพ้คาบ้าน 4 นัดติด ในรอบเกือบ 100 ปี .. ไม่ใช่อุบัติเหตุลูกหนังแล้วครับ แต่เป็นเพราะตัวของ ลิเวอร์พูล เองทั้งหมด ที่สำคัญเป็นการพ่ายที่แอนฟิลด์ ให้กับคู่อริร่วมเมืองเมอร์ซี่ย์ ไซด์ อย่าง ทอฟฟี่สีน้ำเงิน ในรอบ 21 ปี

ฉะนั้นมาเหลาประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นในเกมนี้กันดีกว่า

- โดนนำ แต่หัววัน

ลิเวอร์พูล หมายมั่นปั้นมือหวังว่าจะใช้เกม เมอร์ซี่ย์ ไซด์ ดาร์บี้ จะเรียกโมเมนตั้มกลับคืนมา หลังจากบุกไปเอาชนะ ไลป์ซิก 2-0 ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก .. แต่ทว่าเริ่มมายังไม่ทันทำอะไร เผลอๆแฟนบอล หงส์แดง บางคน ยังไม่ได้เปิดโทรทัศน์ด้วยซ้ำ ก็มาโดนประตูแรกเสียแล้ว เมื่อ ลิเวอร์พูล ไปทำพลาด จ่ายไม่เคลียร์กันเอง ในจังหวะที่บอลอยู่หลังบ้านตัวเอง กลายเป็นว่า เอฟเวอร์ตัน ตัดบอลได้ จากนั้นไปถึงเท้า ฮาเมส โรดริเกซ ก่อนที่เพลย์เมกเกอร์รายนี้ จะโชว์คิลเลอร์พาส จ่ายตัดหลัง โอซาน คาบัค แนวรับ ลิเวอร์พูล ไปให้กับ ริชาร์ลิซอน วิ่งไปตามช่อง หลุดกับดักล้ำหน้า ซัดด้วยขวาบอลพุ่งผ่านมือ อลิสซอน เข้าไป เป็นประตูขึ้นนำ 1-0 ของ เอฟเวอร์ตัน ตั้งแต่ 3 นาทีแรก ! จริงๆลูกนี้หลายคนโทษไปที่ คาบัค คนเดียว โดยเฉพาะการยืนเช็คไลน์ล้ำหน้า ซึ่งก็ไม่ถูกทั้งหมด เพราะกองกลางก็ไปทำเสียบอลกันเอง ทำให้เสียกระบวนทั้งหมด ซึ่งการตามหลัง 0-1 ตั้งแต่ 3 นาทีแรก ไม่ทรุดแบบเสียทรง ก็จะฮึกเหิมอยากตีเสมอกลับมาให้เร็วที่สุด

- หงส์แดง งานเข้า เฮนโด้ เจ็บอีกราย

แค่ตามหลังยังไม่พอ คราวนี้ หงส์แดง มาเจอข่าวร้ายอีกระลอก เมื่อ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีม ลิเวอร์พูล เกิดอาการบาดเจ็บ จากการจังหวะที่พยายามกระชากหนีผู้เล่น เอฟเวอร์ตัน ซึ่งจากภาพช้าฟ้องว่า เป็นการเจ็บเองของ เฮนโด้ ซึ่งเหมือนกล้ามเนื้อกระตุก ตอนแรก เฮนเดอร์สัน พยายามจะฝืนเล่นต่อ แต่ว่าเมื่อลองมาจ็อกกิ้งแล้ว เล่นต่อไม่ไหวจริงๆ ถึงขั้นต้องเปลี่ยนตัวออกจากสนาม ทำเอาสาวก เดอะ ค็อป คอตก ปลงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และ ยอมรับต่อโชคชะตาที่เล่นงานเรื่องปัญหาเดี้ยงไม่หยุดหย่อน  ยิ่งคราวนี้เป็น เฮนโด้ คนสำคัญอีกรายที่แทบขาดไปไม่ได้ เพราะต่อให้ถอยลงมาเล่นเป็นเซ็นเตอร์แบ็กก็ทำได้ยอดเยี่ยม ทำให้แฟนบอลเริ่มทำใจ โดย คล็อปป์ ตัดสินใจเปลี่ยนเอา แนท ฟิลลิปส์ ลงสนามมาเล่นแทน ยืนคู่กับ คาบัค

- พิคฟอร์ด ก็เหนียวเกิ๊น

"อยากใส่คอนเวิร์ส แล้วเข้าไปเตะหน้ามึง ถีบสองตีนละกูก็เก๊กท่านึง" ท่อนนี้สาวก เดอะ ค็อป คงอยากเอาเท้าประเคนไปใส่หน้า พิคฟอร์ด มากที่สุดแล้ว เพราะว่ากันตามตรง สาเหตุที่ทำให้ หงส์แดง เป๋ยาวทั้งซีซั่น คือจังหวะที่ พิคฟอร์ด ไปเสียบใส่ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ จนเอ็นไขว้หน้าเข่าขาด ต้องพักยาวเกือบทั้งฤดูกาล เรียกว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญจริงๆ เดิมที พิคฟอร์ด จะไม่ได้ลงในเกมนี้ด้วยซ้ำ เพราะมีอาการบาดเจ็บ ไม่ได้ลงเฝ้าเสามาแล้วหลายนัด แต่ทว่าเจ้าตัวหายจากอาการบาดเจ็ลพอดิบพอดี ทำให้ได้ลงเล่นเป็นตัวจริง ซึ่งแฟนบอล หงส์แดง หวังว่าจะล้างแค้นให้กับ ฟาน ไดค์ อย่างน้อยยิงประตูตอกหน้าใส่ก็ยังดี !! อย่างไรก็ตาม พิคฟอร์ด กลายเป็นหนึ่งในพระเอก ที่ทำผลงานได้อย่างสุดตีน เพราะไม่ว่าการยิงประตูของนักเตะ ลิเวอร์พูล จะยากเย็นแสนเข็ญเพียงใด เขาสามารถปัดป้องไว้ได้หมด ทั้งลูกวอลเล่ย์ไซด์ก้อยของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ยิงไกลของ เทรนท์ อาร์โนลด์ รวมถึงลูกที่ ซาลาห์ ทำชิ่งสั้นๆกับ เซอร์ดาน ชากิรี่ ยิงก็ไปติดเซฟ พิคฟอร์ด ทั้งหมด ท้ายเกมมี จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม จะกดแบบลูกใบไม้ร่วง ก็สปริงท์ข้อเท้าปัดไปได้อีก

- กองหลังเปื่อยยุ่ยเป็นกระดาษทิชชู่

ความรู้สึกเวลาเล่น ลิเวอร์พูล เล่นเกมรุก บอกเลยครับ เหมือนไปเตะที่กำแพงเมืองจีน ! เพราะไม่ว่าจะทำยังไง ก็ไม่สามารถทำลายแนวรับคู่แข่งได้เลย .. โม ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และ ซาดิโอ มาเน่ 3 ประสาน ลิเวอร์พูล ไม่อาจสร้างพิษสงอะไรได้เลย ผิดกัน เวลาที่ ลิเวอร์พูล ต้องเป็นฝ่ายไปตั้งรับ กลับกลายเป็นว่าจะต้องพบเจอแต่ความหวาดเสียวทุกครั้งร่ำไป และแล้วสิ่งที่คุ้นเคยก็เกิดขึ้น พยายามบุกตีเสมอแทบตาย เจาะแล้ว เจาะอีก แต่พอโดนสวนกลับเร็ว จากจะหวังตีเสมอ กลับกลายเป็นว่าต้องเสียประตูที่ 2  เมื่อ ลิเวอร์พูล ไปทำเสียจุดโทษ จากช็อตที่ เทรนท์ อาร์โนลด์ ไปสไลด์ดัก โดมินิค คัลเวิร์ต-เลวิน จังหวะแรกไปติดเซฟ อลิสซอน ทว่าจังหวะฟอลโลว์ทรูของ เทรนท์ ไปขวางการเล่นของ เลวิน ทำให้ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษทันที ถึงแม้ว่า สาวก เดอะ ค็อป จะพยายามประท้วงว่าหัวเข่าของ คัลเวิร์ต เลวิน วิ่งเข้ามาชนหัว เทรนท์ ทำให้เสียการทรงตัวและสะดุดขา เทรนท์ ล้มไปเอง ทว่าผู้ตัดสิน เดินไปดูจอ var ไม่ถึง 10 วินาที ก็เป่าจุดโทษให้กับ ทอฟฟี่สีน้ำเงิน ทันที และ เป็น กิลฟี่ ซิกูร์ดสัน สังหารเข้าไปไม่พลาด จบเกมนัดนี้ ทำให้เห็นว่า ลิเวอร์พูล ยังไม่ได้ฟื้นไข้เลยสักนิด มีแต่โดนตอกให้ฝังลงจมดิน และ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาจะกลับมาได้เมื่อไหร่ ซึ่งเวลานั้นอาจทำให้ หงส์แดง หลุดลอยจากโควต้า ท็อปโฟร์ ไปแล้ว

ฮาย ฮาวดี้-

logoline