logo-heading

เสร็จสิ้นการจับสลาก ยูโรปา ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย ปรากฏว่ามีหนังฟอร์มยักษ์ "ใหญ่ ฟัด ใหญ่" อารมณ์คล้ายภาพยนตร์เฉินหลง แค่เปลี่ยนเป็นเวอร์ชั่นลูกหนัง เมื่อ ปีศาจ 2 ตน โคจรมาปะทะกัน ปีศาจฟากหนึ่ง เป็น ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมชั้นนำจาก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ส่วนมุมน้ำเงิน คือ ปีศาจแดง-ดำ แห่งน่านน้ำ กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี

ภาพยนตร์ของคู่นี้ เหมือนนำกลับมา "รีเมค" อีกครั้ง เพราะย้อนกลับไปเมื่อ 14 ปีก่อน ระหว่าง ปีศาจแดง ฟัด ปีศาจแดง-ดำ เคยสร้างตำนาน "ผีกาก้า" ที่โด่งดังไปทั่วทุกสารทิศ 

ไหนๆ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็โคจรมาปะทะฝีเท้ากับ มิลาน อีกครั้ง จะขอพาย้อนตำนาน "ผีกาก้า" ให้ได้ซึมซับกันอีกครั้ง เพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อย

จุดเริ่มต้น ปฐมบท

ก่อนที่โลกลูกหนัง จะอยู่ภายใต้ร่มเงา ลิโอเนล เมสซี่ กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ผลัดกันครอง บัลลง ดอร์ เป็นว่าเล่น ในช่วงระหว่างปี 2008-2018 สิ่งมหัศจรรย์ที่คอลูกหนังต้องตื่นตาตื่นใจ เมื่อพบเห็นฝีเท้า ริคาร์โด้ กาก้า ตำนานเพลย์เมกเกอร์ เอซี มิลาน สร้างปรากฏการณ์บนผืนฟลอร์หญ้า หลายๆคนตอนนั้น รู้จัก กาก้า เป็นอย่างดี เพราะเขาเติบโตสอดแทรกขึ้นมาสู่ชุดใหญ่ "ปีศาจแดง-ดำ" ตั้งแต่ปี 2003 ด้วยการเบียดรุ่นพี่อย่าง รุย คอสต้า ก่อนจะสร้างชื่อโด่งดังขึ้นมาเรื่อยๆ หากจำกันได้ กาก้า อยู่ในชุดรองแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2005 จากการพ่ายจุดโทษให้กับ ลิเวอร์พูล แบบช็อกโลก ทั้งที่นำก่อน 3-0 แต่กระนั้น กาก้า เวอร์ชั่นของจริง และ ดีที่สุด ถูกแผ่รังษีออกมาในฤดูกาล 2006-07 กาก้า ฉายแสงเรียกน้ำจิ้มเป็นออเดิร์ฟ ด้วยการโชว์โซโล่เดี่ยวจากครึ่งสนาม ไปยิงประตูใส่ กลาสโกว เซลติก ช่วงต่อเวลาพิเศษ พาทีมเอาชนะ 1-0 หลังเสมอกัน 0-0 ตลอด 90 นาที 2 แมตช์ ช่วยให้ ปีศาจแดง-ดำ ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูซีแอล และ นั่นเป็นการทำให้ เพลย์เมกเกอร์เลือด "แซมบ้า" รายนี้ มีความมั่นใจเพิ่มขึ้นหลายขุม ตัดภาพมาที่ แมนฯ ยูไนเต็ด พวกเขากำลังแข็งแกร่งแบบสุดๆ เพราะ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ต้องการนำทัพ "ปีศาจแดง" กลับมาผงาดบนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้ง ซึ่งขณะนั้นนำทัพโดย ไรอัน กิ๊กส์, พอล สโคลส์ เวย์น รูนี่ย์ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ พรีเมียร์ลีก เสียแชมป์ไปให้กับ เชลซี, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ปล่อยให้ ลิเวอร์พูล ได้เชยชมไปก่อนหน้านั้น  เหมือนว่า ป๋าเฟอร์กี้ จะหมายมั่นปั้นมือทั้ง 2 รายการ ซึ่งในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปีนั้น ต้องบอกเลยว่า ปีศาจแดง กำลังร้อนแรงสุดๆ พวกเขาหลอกหลอน อาแอส โรม่า จนหาทางกลับบ้านไม่ถูก เมื่อเปิดถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ไล่ต้อน "หมาป่ากรุงโรง" ไปด้วยสกอร์ 7-1 รวมผล 2 นัด ขาดลอยถึง 8-3 และ ส่งผลให้ แมนยู ไนเต็ด ผ่านเข้ารอบไปเจอกับ เอซี มิลาน ที่ก็ไล่ปราบ บาเยิร์น มิวนิค มาเช่นกัน

ทีเซอร์ ผีกาก้า

ปัดฝุ่นความทรงจำกันเล็กน้อยครับพี่น้อง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก แห่งฤดูกาล 2006-07 เริ่มต้นกันที่ถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ซึ่งซีซั่นนั้น ทัพ ปีศาจแดง มีสถิติอันยอดเยี่ยม เมื่อพวกเขายิงมากกว่า 3 ประตู เป็นจำนวนถึง 4 นัด เวลาเล่นในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ต่อให้การโคจรมาเจอกันระหว่าง แมนฯ ยูไนเต็ด กับ มิลาน จะเร็วไปหน่อย เพราะหลายคนอยากเห็นเป็นคู่ชิงชนะเลิศ แต่มันก็เหมาะสมแก่เวลา ใครดีกว่า ก็คู่ควรแก่การผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศ เกมนั้น ปีศาจแดง ได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็ว จากลูกโขกของ โรนัลโด้ ไปติดเซฟ ดิด้า แต่ทว่าบอลยังลอยโด่งกลับหลัง ให้ทีมขึ้นนำตั้งแต่ 5 นาทีแรก แต่บทภาพยนตร์เรื่องนี้ มันเหมือนเขียนให้ ริคาร์โด้ กาก้า เป็นตัวเอก .. เริ่มเรื่องโดนกระทำชำเรา แต่พล็อตมาถึงกลางเรื่อง กาก้า ก็ฉายแววความเป็นซูเปอร์สตาร์ทันที ลูกตีเสมอ 1-1 กาก้า โชว์สปีดอันว่องไว วิ่งหาช่อง ก่อนจะแตะบอลหนีตัวประกบอย่าง กาเบรียล ไฮน์เซ่ จริงๆจังหวะนี้ยิงยากมาก เพราะมุมแคบและบีบสุดๆ โดย เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ก็ยืนปิดเสาแรกไว้แล้ว แต่ กาก้า กลับทรงตัวได้สุดยอด ตวัดยิงตามน้ำด้วยเท้าซ้าย บอลพุ่งทะแยงมุมเข้าเสาไกลแบบเฉียบคม ชนิดที่ ฟาน เดอร์ ซาร์ ได้แต่ชายตามองเท่านั้น แค่ลูกแรกว่าอย่างแล้ว แต่ลูกที่ กาก้า บุกไปยิง แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นนำ 2-1 เป็นที่โจษจันมากกว่า และ เชื่อว่าใครหลายคนที่ดูเกมวันนั้น ไม่มีวันลืมเลือนไปจากความทรงจำ เพราะทักษะนี้ทำให้แนวรับ ปีศาจแดง เสียผู้เสียคน โดยเฉพาะ ปาทริซ เอฟร่า กับ กาเบรียล ไฮน์เซ่ เมื่อ กาก้า โชว์ความเลือดเย็น ด้วยการกระดกบอลข้ามหัว กาเบรียล ไฮน์เซ่ ทันใดนั้น เอฟร่า จะวิ่งเข้ามาช่วยซ้อน เพื่อหวังสกัดกั้นนักเตะรายนี้ให้ได้ แต่หัวสมองของ กาก้า ช่างบรรเจิด เมื่อเขาโหม่งบอลลงพื้น ให้ลอดช่องระหว่างคู่นักเตะ ปีศาจแดง ที่วิ่งตามเบียดตามกัด ถึงขั้นที่ ปาทริซ เอฟร่า กับ กาเบรียล ไฮน์เซ่ วิ่งมาชนกันเอง ล้มลงระเนระนาด ก่อนจะเอี่ยวตัวแปรยิงให้ มิลาน ขึ้นนำ 2-1 ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้ว ปีศาจแดง จะยิงกลับมาแซงเอาชนะ 3-2 ได้สำเร็จ แต่การพ่ายแพ้ครั้งนั้นนับว่า มิลาน ไม่ได้เป็นรองแต่อย่างใด เผลอๆเป็นการปราชัย ที่ดูจะได้เปรียบด้วยซ้ำ เพราะสามารถเก็บอเวย์โกลได้ถึง 2 เม็ด

ตำนาน ผีกาก้า

ความรู้สึกวันนั้น เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ยังจำได้ดีว่าก่อนหน้าที่ มิลาน จะกลับไปเปิดบ้านรอฟาดแข้งกับ แมนฯ ยูไนเต็ด นั้น คู่อริ ปีศาจแดง อย่าง ลิเวอร์พูล ผ่านเข้าไปรอในรอบชิงชนะเลิศ เรียบร้อยแล้ว หลังดวลจุดโทษเอาชนะ เชลซี ได้สำเร็จ ถึงแม้โลกโซเชี่ยล ยังไม่ได้เข้าถึงผู้คนเหมือนทุกวันนี้ แต่สาวก "เร้ด เดวิลส์" รับรู้ได้ถึงความกดดันอันสูงส่ง เพราะการเป็นคู่อริตลอดกาล ย่อมอยากเห็นอีกทีม ประสบแต่ความล้มเหลว ซึ่งต่อให้ แมนฯ ยูไนเต็ด จะเก็บชัยชนะมาก่อนนัดแรก แต่ความมั่นใจในการเข้ารอบแทบไม่มี สิ่งที่คิด มักเป็นความจริงอยู่เสมอ .. เกมที่กลับมาเล่นในถิ่น ซาน ซิโร่ กลายเป็น เอซี มิลาน ที่ไล่ถล่ม แมนฯ ยูไนเต็ด วันนั้น กาก้า ยังคงหลอกหลอน ปีศาจแดง ไม่เลิก เมื่อเขาเป็นคนซัดประตูเบิกร่องให้ทีมขึ้นนำ 1-0 จากนั้น คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ และ อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่ หลุดไปยิงเป็นประตูตอกฝาโรง จบด้วยสกอร์ 3-0 รวมผล 2 นัด มิลาน เอาชนะ 5-3 เมื่อเป็นเช่นนั้น  Parody ที่กลายเป็นกระแสลุกลามเหมือนการกดแชร์ โซเชี่ยล เน็ตเวิร์ค ยุคนี้ ก็คือตำนานเพลง "ผีกาก้า" 2 นัด 3 ประตู ของ กาก้า กับการซัดใส่ แมนฯ ยูไนเต็ด กลายเป็นเรื่องสุดยอดขึ้นหิ้ง แฝงไปด้วยความตลก เพราะหลังจบเกมเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง เพลง ผีกาก้า ก็ถูกปล่อยสู่ท้องตลาด ผ่านหูคนฟัง จนกลายเป็นคำฮิตปากของสังคมไทยไปทั่วทุกวงการ เพราะเนื้อเพลง "ผีกาก้า" ได้ดัดแปลงล้อเลียนมาจากเพลง "หมีแพนด้า" ซึ่งกำลังโด่งดังในสังคมไทย ไม่แพ้กัน โดยเฉพาะแฟนบอล หงส์แดง นำเพลงนี้ไปแซวสาวก ปีศาจแดง กันแทบทุกคน ใครไม่เคยฟังยุคนั้น ถือว่าเชยสุดๆ  เนื้อเพลงยุคนั้นเป็นการแซวนักเตะ ปีศาจแดง รวมถึง ป๋าเฟอร์กี้ ที่ดูมั่นอกมั่นใจ แต่ก็ต้องซดแห้วหน้าแตกกลับบ้าน พร้อมกับยกย่อง กาก้า ที่ปราบ แมนฯ ยูไนเต็ด สำเร็จ และ ด้วยความสุดยอดของ กาก้า ทำให้เพลง ผีกาก้า จะกลายเป็นตำนานที่จะสืบทอดต่อไป ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาช่วยพา มิลาน แก้แค้น ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ ก่อนจะต่อยอดซิวโทรฟี่ บัลลง ดอร์ ปี 2007 มาครอง ไม่รู้ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด กับ มิลาน เวอร์ชั่น 2021 ในศึก ยูโรปา ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย จะดุเด็ดเผ็ดมันส์ แค่ไหน แต่เชื่อเถอะว่า "ผีกาก้า" จะถูกนำกลับมาพูดถึงอีกครั้ง ไม่มากก็น้อย

ฮาย ฮาวดี้

logoline