logo-heading

ความพ่ายแพ้คาบ้านต่อ เชลซี 0-1 เหมือนเป็นการตอกย้ำให้เห็นภาพที่ชัดเจนว่า ลิเวอร์พูล กำลังเป็นแชมป์เก่า พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่มีผลงานย่ำแย่สุดๆในซีซั่นถัดมา ต่อให้ทำยังไงก็ยังกู่ไม่กลับ จากเคยไม่แพ้ใครที่แอนฟิลด์ ยาวนานเป็นสถิติสโมสร 68 นัด แต่มาวันนี้พวกเขาพ่ายคาบ้านมาแล้ว 5 เกมรวด เป็นประวัติศาสตร์ครั้งแรกของทีมเช่นกัน

เราคงไม่มานั่งพูดแล้วว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ หงส์แดง สาละวันเตี้ยลงได้ขนาดนี้ แต่ขอจะไปพูดถึงจุดเปลี่ยนแล้วกันครับว่า พวกเขามีหนทางใดบ้านที่จะกลับมา "สยายปีก" รุ่งโรจน์บนเส้นทางลูกหนังอีกครั้ง ! 

- รอ ฟาน ไดค์ กลับมา

การเปลี่ยนแปลงบางครั้ง ก็ไม่ใช่ปุบปับแล้วจะรับโชค เพราะอาจจะต้องรอคอยใครเข้าสักคนเข้ามาเติมเต็มในส่วนที่สึกหรอ และ คนๆที่สาวก เดอะ ค็อป คิดถึงจับใจ คงหนีไม่พ้น เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ เซ็นเตอร์แบ็กตัวเก่ง ที่ หงส์แดง รอคอยให้กลับมายืนเป็นภูผาน้ำแข็งอีกครั้ง หลังบาดเจ็บเอ็นไขว้หัวเข่า ตั้งแต่เดือนตุลาคม ที่ผ่านมา อย่างที่ทราบกันว่า ลิเวอร์พูล เปลี่ยนคู่เซ็นเตอร์แบ็กซีซั่นนี้ ไปแล้ว 20 คู่ ซึ่งมันแสดงให้เห็นถึงความเปราะบางในแนวรับ ทั้งเรื่องอาการบาดเจ็บ และ ฟอร์มการเล่นที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังไม่ไว้ใจพวกบรรดาดาวรุ่งในทีม ซึ่งการไม่มีอยู่ของ ฟาน ไดค์ ทำให้หลังบ้าน ลิเวอร์พูล รั่วเหมือนประตูน้ำ โดยตอนนี้เสียไปแล้ว 35 ประตู มากที่สุดในบรรดาท็อปเทน แบ่งเป็นเสีย 22 ประตู ช่วงที่ไร้ ฟาน ไดค์ จากผลงานอันย่ำแย่ ทำให้สาวก เดอะ ค็อป คิดถึง ฟาน ไดค์ จับใจ เพราะไม่มีพี่ใหญ่คอยคุมหลังบ้าน, ไม่มีตัววางบอลยาวจากแดนหลัง, ไม่มีตัวขึ้นลุ้นไปทำประตูจากลูกตั้งเตะ หรือ ไม่อาจขู่กองหน้าคู่แข่งได้เลย .. แต่กระนั้นตอนนี้ พี่เบิ้ม กลับมาเรียกความฟิต ฟื้นฟูสภาพร่างกายอีกครั้ง ว่ากันว่ามีสิทธิ์ทันลงสนามช่วงปลายซีซั่น ถึงตอนนั้นไม่รู้ว่า ลิเวอร์พูล จะมีฟอร์มการเล่นเป็นแบบไหน แต่ถ้าได้ ฟาน ไดค์ กลับมา จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้พวกเขากลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งแน่นอน

- ต้องกล้าดรอปสตาร์

หากเทียบผลงานนักเตะ หงส์แดง ซีซั่นนี้ กับ ซีซั่นก่อน เรียกว่าต่างกันแบบหนังคนละม้วน หลายๆคนพุ่งเป้ามาหา เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ หรือ แม้กระทั่ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ว่าฟอร์มตกลงไปอย่างชัดเจน ซึ่งเรื่องนี้ถูกต้องครับไม่เถียง เพราะมันเป็นแบบนั้นจริงๆ บ้างก็ว่าถูกจับทางได้ บ้างก็ว่าเรื่องหมดแพชชั่น แต่กระนั้นคนที่ผมมองว่าฟอร์มตกไปมากที่สุด และ มีส่วนร่วมกับทีมน้อยมาก แทบไม่อาจสร้างพิษสงใดๆ ก็คือ ซาดิโอ มาเน่ โดย พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่นนี้ เขายิงไปเพียงแค่ 7 ลูก เท่านั้น ต่างกับซีซั่นที่แล้วแบบครึ่งต่อครึ่งในห้วงเวลาเดียวกัน ซึ่ง 10 นัดหลังสุด เขาทำได้แค่ประตูเดียว อย่างที่แพ้ เชลซี 0-1 มาเน่ ไม่อาจจะยิงให้ตรงกรอบหรือแอสซิสต์สร้างโอกาสให้กับเพื่อนได้เลย ถึงขั้นที่แฟนบอลตั้งคำถามถึง คล็อปป์ ว่า ทำไมถึงเปลี่ยน ซาลาห์ ออกจากสนาม เพราะดูแล้ว มาเน่ ไม่น่าได้อยู่ครบ 90 นาที ฉะนั้นในเมื่อฟอร์ม มาเน่ ฟอร์มตกขนาดนี้ คล็อปป์ ควรจะต้องกล้าดรอปเพื่อให้เขานั่งสำรองบ้าง ยิ่งตอนนี้มี ดิโอโก้ โชต้า กลับมาแล้ว, มี เซอร์ดาน ชากิรี่, ดิว็อค โอริกี้ หรือ แม้กระทั่ง อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ที่พร้อมเป็นออปชั่นแนวรุก ก็ควรให้โอกาสลงสนามบ้าง ขึ้นอยู่กับการปรับเปลี่ยนแท็คติค บางทีการได้นั่งข้างสนาม อาจจะทำให้ มาเน่ หรือ พวกนักเตะฟอร์มฝืด ได้ทบทวนตัวเอง, ได้มีแรงกระตุ้น และ ได้เห็นมุมมองใหม่ๆระหว่างเกม เพื่อเป็นการกระตุ้นตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่ง คล็อปป์ ควรจะต้องทำแบบนั้นได้ เพราะมันอาจเป็นจุดเปลี่ยนกลับสู่เส้นทางที่ดีอีกครั้ง

- สามประสานเกมรุกคืนฟอร์ม

บางทีหากวิเคราะห์กันดีๆ ปัญหาของ ลิเวอร์พูล อาจไม่ใช่แนวรับก็ได้นะครับ จริงอยู่การขาด ฟาน ไดค์, โจเอล มาติป หรือ โจ โกเมซ ในเวลาที่ไม่ห่างกันมาก มันสร้างบาดแผลกว้างลึกให้กับ หงส์แดง แต่เป็นกองหน้าและแนวรุกต่างหาก ที่ไม่อาจรังสรรค์ประตูได้เป็นกอบเป็นกำเหมือนซีซั่นก่อน จริงๆ ดูจากสถิติ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่นนี้ ก็ไม่ได้เลวร้าย โม ซาลาห์ 17 ประตู / โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ 6 ประตู และ ซาดิโอ มาเน่ 7 ประตู .. แต่หากเจาะลึกลงไป 3 ประสาน หงส์แดง ไม่ได้สร้างความอันตรายเหมือนเมื่อก่อน .. หลายๆนัด ซาลาห์ โดนตามประกบเป็นเงา จนสลัดไม่ออก, มาเน่ จังหวะลากเอง ซัดเอง ไม่มีให้เห็น, ฟีร์มิโน่ ยิ่งถอยมาต่ำ ยิ่งหายไปจากเกม ประหนึ่งว่าคู่แข่งรู้หมดทุกอย่างว่าพวกเขาจะทำอะไร ที่ไหน อย่างไร บางนัด การยิงตรงกรอบแค่ครั้ง สองครั้ง กลายเป็นของทำยาก ที่ ลิเวอร์พูล ไม่อาจเจาะแนวรับคู่แข่งไปได้ ฉะนั้นถ้าแฟนบอล ลิเวอร์พูล อยากให้ทีมรักกลับเข้าสู่เส้นทางที่ถูกต้องอีกครั้ง 3 ประสานตัวรุก โม ซาลาห์ / โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ / ซาดิโอ มาเน่ จะต้องกลับมาเค้นฟอร์มเก่งให้ได้ ไม่ต้องทั้งหมด แต่ขอแค่ใครสักคน มิเช่นนั้นอาจจะต้องหลุดไปนั่งสำรอง

- ผลงาน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

ในเมื่อผลงาน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มันย่ำแย่ เพิ่งสร้างประวัติศาสตร์แพ้คาบ้าน 5 นัดซ้อน เป็นครั้งแรก มีโอกาสหลุดท็อปโฟร์สูงมากซีซั่นนี้ มองไปทางไหนก็เห็นแต่ความหดหู่ สิ่งหนึ่งที่พอจะเรียกขวัญกำลังใจ ให้ ลิเวอร์พูล กลับมาสู่ฟอร์มที่ยอดเยี่ยมอีกครั้ง คงต้องไปพึ่งผลงาน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เข้ามาช่วย ! ตามหลักทฤษฎี เป็นไปได้ยากเหลือเกิน ที่ ลิเวอร์พูล จะคว้าแชมป์ยุโรป สมัย 7 หากเทียบฟอร์มกันแบบง่ายๆ โดยวัดจากผลงานในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แต่ในหลักปฏิบัติทุกอย่างเป็นไปได้เสมอ เพราะ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มันเป็นฟุตบอลน็อคเอาท์ แท็คติควัดกัน นัดต่อนัด ใครจะอยู่ใครจะไป ยิ่งตอนนี้ ลิเวอร์พูล โอกาสเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ค่อนข้างสดใส เพราะบุกไปเอาชนะ ไลป์ซิก มาก่อน 2-0 ในนัดแรก ฉะนั้นการได้เข้ารอบลึกๆ มันน่าจะเป็นการเติมเต็มความเชื่อมั่นของทีมกลับมาอีกครั้ง ยิ่งชนะ ยิ่งมั่นใจ ซึ่งแชมป์รายการนี้ จะได้ตั๋วอัตโนมัติไป ยูซีแอล ซีซั่นหน้าทันที และ นั่นมันอาจเป็นแรงจูงใจให้ หงส์แดง กลับมาฟอร์มดีอีกครั้ง

ส่วนใครที่คิดว่าการลาออกของ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะทำให้ ลิเวอร์พูล ดีขึ้น กระผมเชื่อว่ามันอาจไม่เป็นแบบนั้น เพราะต้องไม่ลืมว่าซีซั่นนี้ นักเตะ ลิเวอร์พูล วนเวียนกันบาดเจ็บอยู่ตลอด ต่อให้ปลดจริงๆ คนที่เข้ามาแทนก็คงปวดหัวไม่แพ้กันกับสถานการณ์แบบนี้่ และ ก็ไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาได้จริงๆหรือเปล่า

ฉะนั้น 4 ประเด็นที่ได้ร่ายมา หากมีสักข้อที่เกิดขึ้น ก็หวังว่า ลิเวอร์พูล จะกลับมาคืนฟอร์มเก่ง และ อยู่ในเส้นทางที่จะคัมแบ็กติดอันดับท็อปโฟร์อีกครั้ง

ฮาย ฮาวดี้-

logoline