logo-heading

จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับศึก "แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมตซ์" ซึ่งต้องบอกว่าเซอร์ไพร้ส์ไม่น้อย เพราะเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เล่นได้ดีเกินคาดบุกมาอัด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จ่าฝูงได้ถึงถิ่น 2-0 ประตู หยุดสถิติชนะรวด 21 นัดติดของ "เรือใบสีฟ้า" ลงไปได้ซะอย่างงั้น คือเรื่องแชมป์พวกเขาคงไม่ได้คาดหวังอะไรกันแล้ว เพราะตามเยอะเหลือเกิน แต่ว่ามันสะใจยิ่งนักกับผลที่ออกมา ว่าแล้วเกมนี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้างไปไล่ดูกัน 

  เริ่มต้นที่การจัดทีม นัดนี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังคงวางหมากมาในระบบเดินคือ 4-3-3 คู่เซ็นเตอร์สุดแกร่ง รูเบน ดิอาส จับคู่กับ จอห์น สโตนส์ กองกลางวาง โรดรี้, อิลคาย กุนโดกัน และ เควิน เดอ  บรอยน์ ส่วน 3 แนวรุกใช้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, ริยาด มาห์เรซ และ กาเบรียล เฆซุส โดยมี ฟิล โฟเด้น, เซร์คิโอ กุน อเกวโร่ และ แบร์นาร์โด้ ซิลวา นั่งรอโอกาสอยู่บนม้านั่งสำรอง  ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ผู้มาเยือน โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ก็ยังมาในระบบเดิมเช่นกันนั่นคือ 4-2-3-1 ดีน เฮนเดอร์สัน เฝ้าเสาแทน ดาบิด เด เคอา ที่บินกลับสเปนไปเพราะลูกเพิ่งคลอด แผงหลังก็ชุดเดิม วาน-บิสซาก้า, แม็คไกวร์, ลินเดเลิฟ และ ลุค ชอว์ คู่มิดฟิลด์ใช้ เฟร็ด กับ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ คอยวิ่งไล่บอลตัดเกม เพลย์เมกเกอร์เป็น บรูโน่ เดอะแบก แฟร์นันเดส ขนาบข้างด้วย มาร์คัส แรชฟอร์ด กับ ดาเนียล เจมส์ กองหน้าตัวเป้าวาง อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล เริ่มเกมมาได้ไม่ถึงนาที แมนฯ ซิตี้ เจ้าถิ่นก็เพลี่ยงพล้ำก่อนเลย เพราะ กาเบรียล เฆซุส ที่ลงมาช่วยเกมรับดันเข้าไปสกัดโดน อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ในกรอบเขตโทษ ทั้งที่ตรงนั้นก็มีเพื่อนคอยสกรีนให้อีกตั้งหลายชั้น แต่เมื่อสะกิดไปแล้ว มาร์กซิยาล ล้มลงไป ผู้ตัดสินก็ไม่รอช้าเป่าเป็นจุดโทษทันทีแบบไม่ลังเล แล้วก็เป็น บรูโน่ แฟร์นันเดส มือสั่งหารเบอร์ 1 วิ่งเข้ามายิงไปทางซ้ายมือของตัวเอง เอแดร์ซอน พุ่งถูกทางปัดได้ปลายมือ แต่บอลยังแรงปลิ้นเข้าประตูไป ส่งผลให้ ผีแดง บุกมาออกนำเร็วตั้งแต่หัววัน 1-0 และกลายเป็นประตูที่ 16 ในพรีเมียร์ลีกของดาวเตะทีมชาติโปรตุเกสรายนี้ด้วย ซึ่งทำให้ตอนนี้ตามหลัง โม ซาลาห์ ดาวซัลโวสูงสุดอยู่แค่ลูกเดียวเท่านั้น หลังจากโดนนำ เรือใบสีฟ้า ก็ยังตั้งตัวไม่ติด สมาธิสติสตางค์ยังไม่มา และเกือบโดน ผีแดง ทิ้งห่างเป็น 2-0 จากจังหวะที่ บรูโน่ แฟร์นันเดส จ่ายบอลให้ ลุค ชอว์ ที่เติมขึ้นมาในกรอบเขตโทษ บอลขลุกขลิกเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็ยังมาเข้าทางให้ ชอว์ ได้ซัดด้วยขวาหน้าประตู แต่ก็ยังไปตรงตัว เอแดร์ซอน  หลังผ่านไป 10 นาที แมนฯ ซิตี้ ก็เริ่มตั้งเกมได้ และเป็นฝ่ายเดินหน้าทำเกมรุกบุกเข้าใส่ แมนฯ ยูไนเต็ด แทบจะฝั่งเดียว แต่ทาง ผีแดง ก็มีเกมโต้กลับที่วูบวาบใช้ได้ ซึ่ง เจ้าถิ่นมีโอกาสจะตีเสมอได้ในนาทีที่ 24 โอเล็กซานเดร์ ซินเชนโก้ สอดมาซัดด้วยซ้ายนอกกรอบเขตโทษแบบเต็มข้อ บอลพุ่งแรงแต่ ดีน เฮนเดอร์สัน ยังยืนตำแหน่งได้ดีปัดป้องออกไปได้ นาทีที่ 38 แมนฯ ซิตี้ มีลุ้นอีกครั้ง อิลคาย กุนโดกัน ได้ยิง แต่ก็เบาเกินไป ดีน เฮนเดอร์สัน รับสบาย ช่วงท้ายครึ่งแรก เรือใบ มีโอกาสตีเสมออีกครั้ง ริยาด มาห์เรซ หลุดมาทางขวาก่อนจะปาดบอลเข้ามาแบบกึ่งยิงกึ่งผ่าน กาเบรียล เฆซุส พยายามจะพุ่งตัวเข้ามาชาร์จ แต่ไม่ทัน บอลเลยล้นออกหลังไป ทำให้จบครึ่งแรก เจ้าถิ่นตามหลัง 1-0 เริ่มครึ่งหลัง แมนฯ ซิตี้ ก็ยังเป็นฝ่ายเปิดเกมรุกบุกเข้าใส่ตั้งแต่เริ่ม และเกือบจะตีเสมอได้ตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง จากจังหวะที่ กาเบรียล เฆซุส บังบอลในเขตโทษก่อนจะจ่ายย้อนกลับมาให้ โรดรี้ วิ่งมาปั่นด้วยขวา บอลลอยไปชนสามเหลี่ยมเข้าเต็มๆ พลาดโอกาสตีเสมอไปอย่างน่าเสียดาย และเมื่อทำไม่ได้ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่เน้นรับแล้วโต้ ก็จัดการลงโทษเจ้าถิ่น ดีน เฮนเดอร์สัน ออกบอลเร็วไปให้ ลุค ชอว์ พาบอลกระชากลากเลื้อยเข้าไปก่อนจะฝากให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด แล้วตัวเองสอดเข้าไปในเขตโทษ แรชฟอร์ด ปาดกลับคืนมาให้ ชอว์ ซัดด้วยซ้ายบอลพุ่งเลียดเบียดเสาเข้าไปเลย ชนิดที่ เอแดร์ซอน ได้แต่ใช้สายตาป้องกัน เป็นประตูแรกของ แบ็กซ้ายทีมชาติอังกฤษ ในฤดูกาลนี้ และทำให้ ผีแดง ออกนำเป็น 2-0 ช่วงเวลาหลังจากนั้น รูปเกมก็เป็นแบบเดิมนั่นคือ เรือใบสีฟ้า เดินหน้าบุกเข้าใส่ ปีศาจแดง แต่ก็จบสกอร์กันไม่คม แล้วก็ต้องชมหลังของ แมนฯ ยู ด้วยที่วันนี้เหนียวแน่นกันดีเหลือเกิน หนำซ้ำน่าจะได้ประตูฝัง 3-0 ด้วยซ้ำ ตอนนาทีที่ 69 จากจังหวะที่ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ได้ลูกส้มหล่นหลุดไปดวลเดี่ยว 1-1 กับ เอแดร์ซอน แต่ น้องหมาก ที่ตอนนี้ตกเป้นขี้ปากของแฟนผีทั่วโลก ดันทำเรื่องง่ายให้กลายเป็นเรื่องยาก ยิงไปตรงตัว เอแดร์ซอน ซะอย่างงั้น ยังดีที่ช่วงเวลาที่เหลือ ซิตี้ ดีแต่ป้อล่อไม่เป็น เพราะหากโดนตีเสมอ หรือพลิกกลับมาแพ้ มาร์กซิยาล โดนด่าเตลิดเปิดเปิงแน่นอน  สุดท้ายอย่างที่บอกไป ผีแดง ยันเอาไว้ได้สำเร็จ บุกมาจม เรือใบ ถึงถิ่น 2-0 ประตู หยุดสถิติชนะรวด 21 นัดของ แมนฯ ซิตี้ ไว้ได้สำเร็จ พร้อมกับเพิ่มสถิติตัวเอง ในการไม่แพ้ยามเล่นเกมเยือนเป็น 22 นัดติดต่ออกันเข้าไปแล้ว พร้อมขยับกลับขึ้นไปเป็นรองจ่าฝูงเหมือนเดิม ถีบ เลสเตอร์ ตกลงมาที่ 3 แล้วก็ขยับช่องว่างระหว่าง แมนฯ ซิตี้ เหลือ 11 คะแนน กับการแข่งขันอีก 10 เกม

ซึ่งบอกตรง ๆ ก็คงยากที่จะไล่ทันนั่นแหละ แต่แฟนผีไม่สนแล้ว ขอดื่มด่ำกับชัยชนะเหนือเพื่อนร่วมเมือง เพื่อเป็นการประกาศศักดาว่าวันนี้ Manchester is red 

 

ชิน ชินพัฒน์

logoline