logo-heading

ในที่สุด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็มี ผู้อำนวยการกีฬาประจำสโมสร เป็นที่เรียบร้อยจนได้ หลังมีข่าวลือว่าจะตั้งคนนู้นคนนี้มา 2-3 ปี เหตุผลที่เอาเข้ามาก็เพื่อมาแบ่งเบาภาระดูแลเรื่องการซื้อ-ขายนักเตะ แทน ลอร์ด เอ็ด วู้ดเวิร์ด ประธานบริหารที่เก่งแต่การหาเงินทำกำไร แต่ไร้น้ำยาเรื่องความรู้ฟุตบอล

  ทว่าคนที่เข้าวินก้าวขึ้นมารับตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ มันไม่ใช่คนที่อยู่ในข่ายรายชื่อที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้เลย ต้องบอกก่อนว่าก่อนหน้านี้ที่มีข่าวเป็นตัวเต็ง 1 ที่จะมารับตำแหน่งนี้คือ เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ อดีตนายด่านขาวดัตซ์ ที่ปัจจุบันทำงานให้กับ อาแจ็กซ์ แล้วก็ยังมี ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล, ปาทริซ เอวร่า และ ราล์ฟ รังนิค ที่มีชื่อเข้ามาเป็นตัวเต็ง ซึ่งชื่อที่กล่าวมาคือบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการที่แฟน ๆ รู้จักกันเป็นอย่างดี  แต่พอท้ายที่สุดอยู่ๆ ทัพ "ปีศาจแดง" ก็ประกาศแต่งตั้งคนที่ชื่อว่า จอห์น เมอร์ทัฟ ให้ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งนี้ซะอย่างงั้น สร้างความฉงนงงงวยให้กับแฟนผีเป็นอย่างมาก ท่ามกลางคำถามที่ว่า "มึงคือใครวะ?" ใช่ครับ ผมเองก็เป็นอีกคนที่แม้จะเชียร์ แมนฯ ยู มานานมากกว่า 20 ปี แต่ก็สารภาพตามตรงว่าไม่เคยได้ยินไอ้หมอนี่มาก่อนเลย ว่าแล้วพอได้เห็นแถลงการณ์ของทีมรัก ก็เลยบรรจงพิมพ์ชื่อ จอห์น เมอร์ทัฟ ลงบนกูเกิ้ล เพื่อจะหาประวัตินางในวิกิพีเดีย แต่แล้วก็ต้องผิดหวังเพราะแม้แต่ วิกิพีเดีย ยังไม่มีข้อมูลเลยด้วยซ้ำ (นับตอนนี้เวลาที่ผมกระแทกแป้นพิมพ์เขียนสกู๊ปนี้) เอาหละเว้ย เป็นปริศนาแบบนี้ยิ่งอยากรู้ใหญ่ว่าหมอนี่มันเป็นใครอะไรมาจากไหน มีหน้ามีตา อยู่ๆ โผล่มา เป็นผู้อำนวยการกีฬาทัพ "ปีศาจแดง" ได้อย่างไร? และแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน วิกิพีเดีย ยังไม่ลงประวัติแต่บรรดาสื่อดังแดนผู้ดี เริ่มทยอยเล่าประวัติไล่เรียงผลงานและวีรกรรมของนายคนนี้มาให้แล้ว ฉะนั้นหลังจากผมอ่านทั้งหมดเสร็จก็อยากเอามาเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง แบบภาษาบ้านๆ ว่าแล้วก็ไปทำความรู้จัก จอห์น เมอร์ทัฟ ไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่า อีตาเมอร์ทัฟ เริ่มเข้าสู่วงการลูกหนัง ด้วยการเป็นนักวิทยาศาสตร์การกีฬาให้กับสโมสร เอฟเวอร์ตัน สมัยที่ เดวิด มอยส์ ยังคุมทีมอยู่ จากนั้นก็ก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการของสโมสร ต่อมาในปี 2013 พี่แกก็ตาม กุนซือหน้าอีที มาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายพัฒนาฟุตบอล ซึ่งนั่นหมายความว่า เมอร์ทัฟ ถือเป็นคนที่มีความเข้าใจเรื่องฟุตบอลดีทีเดียว แล้วก็ได้ทำงานใกล้ชิดกับทีมชุดเล็กและชุดเยาวชนด้วย ซึ่งจะว่าไปแล้ว การแจ้งเกิดของ มาร์คัส แรชฟอร์ด, สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์, แบรนดอน วิลเลี่ยมส์, เมสัน กรีนวู้ด หรือแม้กระทั่ง มหาเทพ เจสซี่ ลินการ์ด ทาง เมอร์ทัฟ ก็มีส่วนในการปลุกปั้นอยู่ด้วย ตามตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายพัฒนาฟุตบอล ซึ่งนี่เองทำให้ เอ็ด วู้ดเวิร์ด และบอร์ดบริหารค่อนข้างเชื่อมั่นในฝีมือของ เมอร์ทัฟ นอกจากการดูแลทีมฟุตบอลชายแล้ว เมอร์ทัฟ นี่แหละเป็นคนที่ผลักดันให้ทัพ "ปีศาจแดง" มีทีมฟุตบอลหญิงในปี 2018 แล้วก็ไม่ได้มีมาเล่นๆ เป็นพรอพประดับบารมี แต่พี่แกค่อนข้างจริงจังและทุ่มเท จนมีส่วนทำให้ ทีมผีสาว คว้าแชมป์ แชมเปี้ยนชิพ ก้าวขึ้นสู่ลีกสูงสุดได้ตั้งแต่ปีแรก และในฤดูกาลนี้ก็ยังขับเคี่ยวแย่งแชมป์กันอย่างเมามันส์กับ ทีมหญิงของ เชลซี และ แมนฯ ซิตี้ ว่าด้วยเรื่องของการวางแผน จอห์น เมอร์ทัฟ ก็ไม่ธรรมดา เพราะว่ากันว่าเขาคนนี้นี่แหละที่เป็นคนส่งทีมงานแมวมองไปส่องดูฟอร์มแล้วกระชากเอา ฮานนิบัล เมจบรี กองกลางฝรั่งเศสอนาคตไกลที่ว่ากันว่านี่คือ นิว ป็อกบา เข้ามาร่วมทีม รวมถึงดีลดัง ๆ ในช่วงหลัง ก็ล้วนแล้วแต่มีเขาอยู่เบื้องหลัง อย่างเช่นการไปจัดการเรื่อง อเล็กซิส ซานเชซ ที่โอเคล่ะ ดาวเตะชิลี เล่นไม่ได้เรื่องกับการเล่นที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แต่นั่นไม่ได้เกี่ยวอะไรเลยกับ เมอร์ทัพ เพราะว่าให้มองไปที่ความเนื้อหอมของ อเล็กซิส ในตอนนั้น เมอร์ทัพ จึงได้เครดิตไปเต็ม ๆ กับการที่ทำให้ดีลนี้เกิดขึ้นได้ กับการพา อเล็กซิส มาเล่นเปียโน ที่โรงละครแห่งความฝัน  คำถามต่อมาที่แฟนผีอยากรู้มากๆ คือ การมีตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาเข้ามาใหม่นี่มันจะมีดีอะไรยังไง ซึ่งจริงๆ คงไม่ต้องอธิบายมาก เพราะแฟนผีต่างเรียกร้องกันให้ เอ็ด หยุด!! เดินหน้าซื้อ-ขาย ได้ห่วยแตกขนาดนี้ มันคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว ยอมรับตามตรงว่า เมอร์ทัฟ อะไรนี่ไม่เป็นที่รู้จักมาก่อนเลย แต่พอได้อ่านประวัติกับผลงานแล้วก็ต้องยอมรับว่าไม่ธรรมดาไชยามิตรชัย ยังไงซะมันก็น่าจะดีกว่าการที่ให้ ลอร์ดเอ็ด ดูแลดำเนินการอยู่คนเดียว รอดูต่อไปละกันว่าจะเป็นอย่างไร เริ่มจากการเดินเครื่องซื้อแข้งใหม่ซัมเมอร์นี้เลย ส่วนใครที่คิดว่า โซลชา จะไม่ปลื้มรึป่าวที่ตั้งคนนี้เข้ามา ก็ไม่ต้องห่วงนะครับ เพราะล่าสุด "น้าลูกอม" ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้แล้วว่า "แน่นอน ผมรู้จักกับ จอห์น ตั้งแต่ผมเข้ามารับตำแหน่งแล้ว เขาอยู่ที่นี่ก่อนผมจะมาซะอีก ตอนนี้งานของเขามันก็เหมือนเดิมนะ มันก็คือการทำงานเบื้องหลัง เพื่อผลประโยชน์ที่ดีที่สุดของสโมสร และผมก็ร่วมงานกับเขาได้ดีทีเดียว มันค่อนข้างลงตัวไปหมด เรารู้ซึ้งถึงศักยภาพการทำงานของเขา เราปรับเปลี่ยนเพื่อให้ทีมพัฒนาขึ้น ดังนั้นผมเลยมีความสุขมากๆ กับการพัฒนานี้ เราเดินหน้าต่อเนื่องไม่มีหยุดตลอดปีที่ผ่านมา"

ฉะนั้นมารอดูผลงานกันว่า ม้ามืดที่วิ่งเข้าวินคนนี้ จะดีจริงสมการรอคอยของเหล่าแฟนผีหรือเปล่า?

 

ชิน ชินพัฒน์

logoline