logo-heading

ย้อนกลับไปในเกมที่ อาร์เซน่อล เปิดบ้านเอาชนะ ท็อนแน่ม ฮอตสเปอร์ เมื่อค่ำคืนวันอาทิตย์ (14 มี.ค.) ที่ผ่านมา นอกจากชัยชนะของฝั่งทัพ 'ไอ้ปืนใหญ่' แล้ว ประตูจากปลายสตั๊ดของ เอริค ลาเมล่า ก็ได้คำชื่นชม และพูดถึงกันเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นจังหวะที่ทุกอย่างมันค่อนข้างลงตัว และสวยงามยอดเยี่ยมเป็นที่สุด

ไขข้อข้องใจลูกยิง ราโบน่า มีต้นกำเนิดมากจากที่ใด ? โดยในจังหวะดังกล่าว ลาเมล่า ได้บอลจากการจ่ายมาของ ลูคัส มูร่า ก่อนที่เจ้าตัวที่เหมือนตัวของเขาจะเลยบอลไปแล้ว แต่กลับมาเอี้ยวตัว และไขว้เท้ายิงผ่านตัวบล็อคของผู้เล่น อาร์เซน่อล เข้าไปอย่างสวยงาม จนกระทั่งได้รับเสียงยกย่องว่าเป็นหนึ่งในประตูลุ้นแคนดิเดตประตูยอดเยี่ยมประจำซีซั่นเลยก็ว่า ซึ่งท่าทางการยิงประตูดังกล่าวถูกกล่าวขาน และตั้งชื่อเรียกว่าท่า "ราโบน่า" โดยลักษณะการยิงคือการไขว้ขารอบเท้าขาข้างหลักที่ปักหลักยืนเพื่อทรงตัวและยิงประตู ซึ่งถือว่าเป็นทริคที่พอนักเตะเอามาใช้แล้วมันจะเป็นประตูที่สวยงาม รวมไปถึงสามารถหลอกคู่ต่อสู้ให้จับทางได้ค่อนข้างยาก และเหนือชั้นมากพอสมควร แต่ทว่าการทำรูปแบบนี้ก็ต้องเสี่ยงที่จะมีโอกาสพลาด หรือถ้าวางร่างกายไม่ดีอาจบาดเจ็บได้ง่ายๆ เช่นกัน ว่าแล้วเรามาไล่เรียงดูกันหน่อยว่าต้นกำเนิดที่แท้จริงของท่ายิง "ราโบน่า" มันมาจากไหน และใครเป็นคนริเริ่มให้เกิดท่าทางที่สวยงาม แบบนี้บนโลกของลูกหนัง ท่ายิง "ราโบน่า" ได้รับความนิยมจากนักเตะที่นามว่า โจวานนี่ รอคโคเตลลี่ แข้งชาวอิตาลีในช่วงปี 1970 แต่ทว่าจากการบอกกล่าวระบุว่าแท้จริงต้นกำเนิดของมันต้องย้อนกลับไปไกลกว่านั้นคือเมื่อปี 1948 จากการแข่งขันในฟุตบอลประเทศอาร์เจนติน่า ในเกมที่ เอสตูเดียนเตส ลา พลาต้า พบกับ โรซาริโอ เซ็นทรัล  โดยในจังหวะดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อผู้เล่นของ เอสตูเดียนเตส ที่ชื่อว่า ริการ์โด อินแฟนเต้ จัดการกระหน่ำยิงจากระยะ 35 หลา ด้วยการเคลื่อนไหวในลักษณะท่าทางดังกล่าว จนกระทั่งนิตยสารของแดน "ฟ้า-ขาว" อย่าง El Grafico ได้ใช้คำว่า Rabora (ราโบน่า) ในการพาดหัวข่าวที่ว่า "El infante que se hizo la rabona" โดยอ้างอิงการท่ายิงของ อินแฟนเต้ ที่ใช้เท้าที่อ่อนแอกว่าในการเคลื่อนไหว ซึ่งประโยคที่สื่อเจ้าดังกล่าวนำมาอ้างอิงคือมาจากสำนวนท้องถิ่นอย่าง "hacerse le rabona" ซึ่งใน อาร์เจนติน่า หมายถึงการโดดเรียนที่ไม่ได้รับการอนุญาตจากผู้ปกครอง มาเปรียบเปรย แต่ทว่าในวันที่ครบรอบ 50 ปีประตูสุดสวยของ รีการ์โด อินแฟนเต้ เมื่อปี 1998 ได้มีการพูดถึงกันว่าจังหวะดังกล่าวไม่ได้รับการยอมรับ เพราะในห้วงเวลาดังกล่าวยังไม่ได้มีสื่อโทรทัศน์ หรือการนำเสนอที่ใช้เป็นแหล่งอ้างอิงได้ ทำให้เครดิตคนแรกที่ได้รับการยกย่องจึงตกเป็นของ โจวานนี่ รอคโคเตลลี่ แข้งของสโมสร อัสโคลี่ ทีมในประเทศอิตาลีแทน จนถูกขนานนามว่า “อินครอเซียตา” หรือแปลเป็นไทยที่ว่า "ลูกไขว้เตะ" ไขข้อข้องใจลูกยิง ราโบน่า มีต้นกำเนิดมากจากที่ใด ? แน่นอนว่าเรื่องดังกล่าวไม่มีใครสามารถให้คำตอบที่แน่ชัดว่าต้นกำเนิดจริงๆ มันเกิดขึ้นจากที่ไหน และใครกันแน่ที่เป็นคนถูกบัญญัติว่าเป็นบุคคลที่นำมาใช้บนโลกลูกหนังเป็นคนแรก แต่ทว่าท้วงท่าลีลาดังกล่าวมันก็ส่งผลประทบต่อวงการลูกหนังได้มากพอสมควร เพราะหลังจากนั้นแข้งยุคหลังก็นำมาปรับใช้กันอย่างกว้างขวาง ซึ่งมันเริ่มนิยมใช้กันมาตั้งแต่ยุค พอล แกสคอยน์ ดาวเตะชื่อดังทีมชาติอังกฤษที่นำมาใช้กับตนเอง เรื่อยมาจนถึงเทพของวงการลูกหนังอย่าง โรนัลดินโญ่ ที่ใช้สกิลนี้บ่อยมากๆ ในการโชว์ลีลาสเต็ปของเขา ก่อนที่จะแข้งยุคหลังหยิบจับมาใช้กันบ่อยครั้งโดยเฉพาะ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่แสดงออกมาอยู่หลายครั้งทั้งเรื่องของการยิงประตู หรือจ่ายให้เพื่อนร่วมทีมทำประตู  สำคัญเลยคือท่า "ราโบน่า" กลายเป็นท่าทางที่เด็กๆ เฝ้าฝันว่าอยากจะทำประตูด้วยบริบทแบบนี้ เพราะมันจะเพิ่มความเท่ในการทำประตูขึ้นเป็น 2 เท่า และเชื่อว่าชาว ขอบสนาม เองก็อาจจะเคยทำท่าเท่ๆ แบบนี้ในการสังหารประตูกันมาแล้ว

- เปา ขอบสนาม -

logoline