logo-heading

"ลูกผู้ชายสิบปี ล้างแค้นก็ยังไม่สาย" สุภาษิตจีน ที่สาวก "เดอะ ค็อป" ท่องจำในใจมากขึ้น เมื่อ ลิเวอร์พูล จับสลาก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย ไปพบกับ เรอัล มาดริด เจ้าพ่อแห่งเวที ลา ลีกา สเปน .. ความเกรงกลัว น้อยกว่า ความแค้น

เพราะย้อนกลับไปเมื่อสักประมาณ 3 ปีก่อน "ราชันชุดขาว" เคยฝากรอยแค้นเอาไว้ให้กับ หงส์แดง เพราะสามารถเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 3-1 เป็นทีมแรกที่คว้าแชมป์ ยูซีแอล 3 สมัยซ้อน แต่เกมนี้มันไม่ใช่แค่ผลสกอร์ที่เกิดขึ้น มันมีเรื่องราวดราม่าอยู่หลายเหตุการณ์ ขนาดที่เวลาผ่านมานานแล้ว แต่ทุกคนก็ยังพูดถึงกันอยู่จนถึงวันนี้

ฉะนั้น ขอบสนาม จะขอพาย้อนรอยไปถึงแมตช์ดังกล่าว ว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น และ หลังจากนั้นมีเอฟเฟ็กต์อะไรที่ส่งผลต่อชีวิตหลายๆคน ไปปัดฝุ่นทบทวนความทรงจำกันสักเล็กน้อยครับ

แมตช์ชิงชนะเลิศ เรอัล มาดริด กับ ลิเวอร์พูล เริ่มต้นด้วยความตื่นเต้น เพราะต่อให้ ราชันชุดขาว จะเหนือกว่า แต่ทว่าลูกทีม เจอร์เก้น คล็อปป์ มาด้วยความสด, ความหวัง และ ความสุดยอดของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่สถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นดาวยิงตัวท็อปของยุโรป แต่ทว่าสถานการณ์เลวร้ายกับ หงส์แดง เหลือเกิน เพียงแค่ผ่านไปราวๆครึ่งชั่วโมงของเกม

- ซาลาห์ บาดเจ็บ จากการปะทะกับ รามอส

ชั่วโมงนั้น ลิเวอร์พูล จะขาดใครก็ได้ แต่ขาด ซาลาห์ ไม่ได้ เพราะเขาคือดาวยิงคนสำคัญที่พา หงส์แดง ผ่านเข้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศ แต่สิ่งที่สาวก เดอะ ค็อป ไม่อยากเห็นมากที่สุด ก็เกิดขึ้นจริง เพราะ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ไปเบียดปะทะกับ เซร์คิโอ รามอส จนล้มลงไปนอนกับพื้น การปะทะเกิดขึ้นได้ในเกมฟุตบอล แต่การที่ ซาลาห์ นอนทำหน้าเจ็บปวดบนพื้นสนาม ทำให้แฟนบอล หงส์แดง ใจเสียกลัวว่าจะบาดเจ็บ และ สิ่งที่คาดคิดไว้ก็เกิดขึ้นจริง เมื่อ ซาลาห์ ลุกขึ้นมาเล่นต่อไม่ไหว เนื่องจากช็อตที่ฉุดรั้งอยู่กับ รามอส ไหล่ของเขาลงไปกระแทกกับพื้น ถึงขั้นที่ ซาลาห์ ร่ำไห้ เดินออกจากสนามด้วยความเจ็บปวด หลังจากไม่มี ซาลาห์ อยู่ในสนาม เชื่อว่าทำให้แฟนบอล ลิเวอร์พูล คาดหวังถึงแชมป์น้อยลง เพราะเมื่อไม่มีนักเตะเบอร์ 1 ในสนาม โอกาสที่จะไปสร้างความอันตรายใส่คู่แข่ง ก็ลดน้อยถอยลงไปด้วย

- คาริอุส ยังมาสร้างงานให้อีก

เมื่อไม่มี ซาลาห์ ในสนาม ลิเวอร์พูล ก็ประคองตัวให้ผ่านพ้นครึ่งแรกไปก่อน เพราะอย่างน้อย เจอร์เก้น คล็อปป์ จะได้วางแท็คติคจัดแผนกันใหม่ เพื่อเอาไปสู้กับ เรอัล มาดริด ในช่วงครึ่งหลัง แต่กระนั้นเริ่มต้นครึ่งหลัง มาได้แค่ประมาณ 5 นาที กลายเป็นว่าฝั่ง "หงส์แดง" นั่นแหละครับ ที่ทำลายตัวเอง ไม่ใช่ทาง มาดริด คนที่สร้างงานให้กับ ลิเวอร์พูล กลายเป็น ลอริส คาริอุส ผู้รักษาประตู ที่ทำผิดพลาดแบบไม่น่าให้อภัย เมื่อเขาพยายามจะไหลบอลเร็ว ให้เพื่อนรีบทำเกมรุก แต่ไม่ดูตาม้าตาเรือ ดันไหลบอลไปเข้าตีน คาริม เบนเซม่า ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ยื่นขามาบังบอล ก่อนบอลจะไหลเข้าประตูไปแบบง่ายๆ เพื่อนพยายามช่วยเกมรับกันแทบตาย แต่ คาริอุส ทำให้ หงส์แดง เสียประตูแบบง่ายดายเหลือเกิน

- แกเร็ธ เบล ลงมาปิดงาน

ตอนที่ มาดริด ขึ้นนำ 1-0 และ ลิเวอร์พูล ไม่มี ซาลาห์ ในสนาม เหมือนกับว่าพวกเขาจะคว้าแชมป์ 3 สมัยติดต่อกัน แต่ในเมื่อมี 11 คน เท่ากัน หงส์แดง ไม่ยอมแพ้ สามารถมาตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จ จาก ซาดิโอ มาเน่ ปลุกความหวังให้กับสาวก "เดอะ ค็อป" ได้ฮึดกลับมาสู้เพื่อโทรฟี่ ยูซีแอล อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยนก็เกิดขึ้น หลังจาก แกเร็ธ เบล ลงมาแทน อิสโก้ นาที 61 โดย วานรเทพ จัดการโชว์กระโดดตีลังกาฟาดซัดประตูให้กับ มาดริด ขึ้นนำ 2-1 แบบโคตรสวย หลังอยู่ในสนามแค่ 2 นาทีเท่านั้น ก่อนที่สุดท้าย เบล จะยิงประตูปิดกล่อง 3-1 ซึ่งจังหวะนี้ต้องโทษ คาริอุส อีกครั้ง เพราะเจ้าตัวกะจังหวะบอลส่ายผิดพลาด ปัดแล้วแต่ยังปลิ้นเข้าประตูไป หลังจากจบเกม มาดริด คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ 3 สมัยติดต่อกัน ก็มีเรื่องราวเอฟเฟ็กต์เกิดขึ้นมากมาย ทั้งทางฝั่ง ลิเวอร์พูล และ เรอัล มาดริด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการย้ายทีม และ อนาคตของคนๆนึงที่ต้องดับวูบลงไป

- ชีวิต คาริอุส พังทันที

นับตั้งแต่เกมนั้น ชีวิต คาริอุส ก็ไม่เหมือนเดิมอีกเลย เขาเหมือนโดนตราบาปติดตัว ไม่ว่าจะไปทำอะไร ที่ไหน ภาพจำที่เขาไหลบอลเขาตีน คาริม เบนเซม่า จะถูกนำมาพูดถึงตลอดชีวิต และ เอฟเฟ็กต์จากความผิดพลาด ส่งผลให้เส้นทางค้าแข้งถอยหลังลงคลองลงไปเรื่อยๆ หากจำไม่ผิด ในช่วงปรีซีซั่น คาริอุส ก็มีช็อตเหวออยู่บ่อยๆ แน่นอนว่าทีมงานสตาฟฟ์โค้ช หงส์แดง คงจะอดรนทนไม่ไหว เพราะถ้าขืนยังฝืนใช้ คาริอุส อยู่นั้น ไม่ใช่เรื่องที่ดีอย่างแน่นอน และ นั่นทำให้สาวก "หงส์แดง" ได้ตัวชายที่ชื่อว่า อลิสซอน เบ็คเกอร์ เข้ามาร่วมทีม ในฐานะผู้รักษาประตูคนใหม่ จาก อาแอส โรม่า ด้วยค่าตัวสถิติโลกตำแหน่งนายทวาร ณ เวลานั้น ราวๆ 67 ล้านปอนด์ การได้ อลิสซอน เข้ามาเป็นผู้รักษาประตูคนใหม่ ประวัติศาสตร์ก็ถูกขีดเขียน เขามีส่วนสำคัญพา ลิเวอร์พูล ทั้งคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ แชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ขณะที่ คาริอุส ต้องอพยพย้ายไปอยู่กับ เบซิคตัส แบบยืมตัว 2 ซีซั่น ให้พูดหยาบๆก็เหมือนโดนเฉดหัวทิ้ง เวลาที่มีข่าวของเจ้าตัวออกมา ก็มักเป็นการสร้างความผิดพลาดอยู่ตลอด ปัจจุบัน คาริอุส ไปเล่นอยู่กับ ยูนิโอน เบอร์ลิน แต่ก็มีสถานะเป็นแค่ตัวสำรองเท่านั้น

- รามอส เป็นปรปักษ์กับสาวก เดอะ ค็อป

ความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้น สร้างความผิดหวังให้กับสาวก เดอะ ค็อป มากเหลือเกิน หลายๆคนเชื่อว่าถ้าวันนั้น ซาลาห์ ยังอยู่ในสนาม ลิเวอร์พูล ก็จะมีโอกาสคว้าแชมป์เหมือนกัน ซึ่งหลังจบเกม รามอส กลายเป็นปรปักษ์กับแฟนบอล หงส์แดง ไปโดยปริยาย กองเชียร์จากทีมฝั่งเมอร์ซี่ย์ไซด์ เกลียด รามอส เข้าเส้น ถึงขั้นส่งจดหมายขู่ฆ่าก็มีมาแล้ว ประเด็น รามอส กับ ซาลาห์ ไม่ได้ถูกพูดถึงแค่ 1-2 วัน แต่ยาวนานเป็น 3-4 เดือน ทั้งประเด็นเรื่องที่ รามอส เล่นแรงเกินไป หรือ ซาลาห์ ที่เอามือไปสอดใส่ รามอส เอง เชื่อว่าเรื่องราวนั้นไม่เคยลืมจากใจสาวก "เดอะ ค็อป" และ เกมที่จะพบกันเหมือนเป็นการสะสางความแค้นที่ติดอยู่ในใจมานานถึง 3 ปี อย่างไรก็ตาม น่าเสียดายที่ เซร์คิโอ รามอส กลับเจออาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อขา ตอนไปช่วยทีมชาติสเปน เมื่อต้นเดือนเมษายน ที่ผ่านมา ต้องใช้เวลาพักฟื้น 1 เดือน ส่งผลให้กัปตัน มาดริด จะพลาดลงสนามเจอกับ ลิเวอร์พูล ทั้ง 2 นัด อย่างแน่นอน

- ซีดาน ประกาศลาออก แบบเซอร์ไพรส์

ซีเนอดีน ซีดาน ถือว่าเป็นกุนซือประวัติศาสตร์ของสโมสร เรอัล มาดริด เพราะไม่เคยมีใครคนไหนสามารถคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ 3 สมัยรวดมาก่อน ด้วยฝีมือและบารมีต่างๆ "ซิซู" มีโอกาสพา ราชันชุดขาว เดินหน้าสร้างความยิ่งใหญ่ไปเรื่อยๆอีกหลายปี อย่างไรก็ตาม ซีดาน ทำช็อกแฟนบอลแบบไม่ทันตั้งตัว เมื่อเจ้าตัวประกาศลาออกจากตำแหน่งกุนซือ ให้หลังเพียงแค่การพา มาดริด เด็ดปีก หงส์แดง คว้าแชมป์ ยูซีแอล สมัย 3 ไม่นาน ซึ่งถึงแม้ ซีดาน จะแถลงการณ์ว่าสาเหตุที่โบกมือบ๊าย บาย เป็นเพราะว่าทีมต้องการเปลี่ยนแปลง ต้องหาแนวทางใหม่ๆ ส่วนเขายังรักทุกคนที่สโมสรเหมือนเดิม ทว่าบรรดาสื่อกีฬา ก็พยายามขุดคุ้ยหาสาเหตุที่แท้จริง ว่าทำไมจู่ๆ ซีดาน ถึงตัดสินใจลาออก โดยแฉกันว่าเพราะมีปากเสียงรุนแรงกับ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ เรื่องการเสริมนักเตะ ซึ่ง "ซิซู" อยากได้ทั้ง ดาบิด เด เคอา และ เอแด็น อาซาร์ ณ ตอนนั้น แต่ เปเรซ ไม่เห็นด้วย ทำให้โต้เถียงกันหนัก จึงเป็นที่มาของการลาออก กระนั้นเวลาผ่านไปความบาดหมางก็จบลง โดย ซีดาน ก็ได้กลับมารับงานคุมทีมอย่างในทุกวันนี้

- คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หาความท้าทายใหม่

ไม่เพียงแค่ ซีเนอดีน ซีดาน เท่านั้น ที่ตัดสินใจลาออกจากทีม เพราะว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวยิงเบอร์ 1 ของทีม ก็ตัดสินใจเรื่องการย้ายทีมเช่นกัน ทั้งๆที่ถ้า "ซีอาร์ 7" เลือกอยู่กับทีมต่อไป เขาจะอยู่กับสโมสรครบ 10 ปี และ จะได้รับสิทธิ์จัด เทสติโมเนียล แมตช์ รวมถึงสภาพร่างกายยังแข็งแกร่ง สามารถยืนระยะได้อีกหลายปี ทว่า โรนัลโด้ ก็สร้างปรากฏการณ์อีกครั้ง เมื่อประกาศย้ายหนีออกจาก เรอัล มาดริด ไปอยู่กับ ยูเวนตุส ด้วยค่าตัวราวๆ 100 ล้านยูโร พร้อมรับค่าเหนื่อยประมาณ 30 ล้านยูโร ต่อปี ซึ่ง พี่โด้ เปิดใจกับสื่อว่าสาเหตุที่เขาเลือกเก็บข้าวของในถิ่นซานติอาร์โก้ เบร์นาเบว เพราะเขาไม่ชอบอยู่ในคอมฟอร์ทโซน และ อยากหาความท้าทายใหม่ๆเช่นกัน อย่างไรก็ตาม หลายๆคนทราบดีว่าการย้ายทีมของ โรนัลโด้ มันมีเงื่อนงำ เพราะว่าก่อนหน้านั้น เรอัล มาดริด ไม่ให้ความสำคัญเขาอย่างที่ควรจะเป็น คือในขณะที่ โรนัลโด้ ยิงประตูเป็นกอบเป็นกำ พาทีมคว้าแชมป์มากมาย แต่ ซีอาร์ 7 กลับไม่ได้รับการปรนนิบัติในระดับที่น่าพอใจ โดยเฉพาะเรื่องค่าเหนื่อยที่ไม่ใกล้เคียงในระดับมากสุดในโลก ง่ายๆคือ มาดริด พร้อมให้ราวๆ 21 ล้านยูโรต่อปี น้อยกว่า ลิโอเนล เมสซี่ แบบครึ่งต่อครึ่ง นอกจากนี้ มาดริด มักจะมีข่าวให้ความสำคัญเรื่องการคว้าตัว เนย์มาร์ หรือแม้กระทั่ง เอแด็น อาซาร์ มาร่วมทีม ทำให้ พี่โด้ คิดว่าสโมสรเริ่มเบนความสนใจไปทางอื่น ทั้งๆที่มีเขาอยู่ทั้งคน แม้ว่าอายุจะมากขึ้น แต่ผลงานก็เป็นที่ประจักษ์ และ นั่นคงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ โรนัลโด้ ตัดสินใจไม่อยู่กับ มาดริด อีกต่อไปแล้ว ก็เรียกว่าเรื่องราวแม้ผ่านไปสามปี แต่ว่ายังคงเป็นที่จดจำ และ มีเอฟเฟกต์ต่อเนื่องมามากมายจนถึงตอนนี้เลยล่ะครับ ซึ่งเชื่อเหลิอเกินว่าเกมที่รออยู่ในรอบนี้ระหว่าง หงส์แดง กับ ราชันชุดขาว จะต้องเดือดทะลุปรอทแตก อย่างแน่นอน

ฮาย ฮาวดี้-

logoline