logo-heading

อีกหนึ่งความใฝ่ฝันของเหล่าบรรดานักเตะ หลังผ่านช่วงอาชีพค้าแข้งแล้ว ส่วนใหญ่ก็มักจะผันตัวเองมาเป็นผู้จัดการทีม กับการวางแผนและบัญชาเกมอยู่ข้างสนาม เพื่อพาทีมทะยานก้าวสู่ความสำเร็จในฐานะผู้นำทัพ

แต่ในโลกลูกหนังยุคปัจจุบันต้องบอกเลยว่ามีหลายคนที่ได้โอกาสก้าวขึ้นมาเดินบนเส้นทางสายกุนซือตั้งแต่อายุยังน้อย และก็มีแววและผลงานที่ดีเข้าตากรรมการสุดๆ ดังนั้นวันนี้สิ่งที่ "ขอบสนาม" อยากนำเสนอก็คือ "7 กุนซือดังที่ได้โอกาสคุมทีมตั้งแต่อายุยังน้อย"   (คำว่าอายุน้อยในที่นี้น่าจะเป็นตอนที่เริ่มดังในช่วงอายุไม่เกินอายุ 40 ปี)  จะมีใครเด่นๆ บ้างนั้นไปดูกัน ?

เอ็ดดี้ ฮาว

2021) ᐉ Eddie Howe Seriously Interested In Celtic Job And Has Started His  Due Diligence On Behind-the-scenes Structure At Club ᐉ Leo Messi Birthday ถึงแม้จะไม่เคยได้ประสบการณ์การคุมทีมใหญ่ๆ เลยสักครั้ง แต่ เอดดี้ ฮาว ก็ได้รับคำชมมาเยอะเหมือนกัน เขาสร้างชื่อกับ บอร์นมัธ จนเป็นที่รู้จักน่าจะช่วงปี 2015 สมัยอายุแค่ราวๆ 35 ปีเท่านั้น การพา บอร์นมัธ ทะเยอทะยานไต่เต้าจากลีกดิวิชั่น 4 ของ อังกฤษ จนก้าวขึ้นโลดแล่นบนสังเวียน พรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จด้วยนักเตะระดับโนเนมแค่ เกรด ซี หรือไม่ก็เกรด ดี และด้วยสไตล์การทำทีมที่น่าสนใจบวกกับผลงานในบางนัดที่สามารถต่อกรและสร้างเซอร์ไพรส์ล้มทีมใหญ่ๆ ลงได้มันก็ทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นโค้ชหนุ่มชาวอังกฤษอีกคนที่น่าจับตามอง  ส่วนสถานะปัจจุบัน เอดดี้ ฮาว กำลังว่างงานอยู่ หลังได้แยกทางกับ บอร์นมัธ ไปเมื่อปีที่แล้วโดยไม่มีการเปิดเผยถึงสาเหตุที่แน่ชัด แต่มันก็มีความเป็นไปได้ว่าในเร็วๆ นี้เราอาจได้เห็นกุนซืออย่าง เอ็ดดี้ ฮาว รันวงการและกลับมาทำงานอีกครั้ง เพราะชื่อของเขาตอนนี้ก็มีข่าวพัวพันกับหลายๆ ทีมบนสังเวียน พรีเมียร์ลีก ซึ่งหนึ่งในนั้นมี ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ติดโผอยู่ในลิสต์ด้วย

อังเดร วิลลาส-โบอาส

FILE PHOTO: Olympique de Marseille coach Andre Villas-Boas อีกหนึ่งกุนซือที่แจ้งเกิดจนเป็นที่รู้จักในช่วงอายุ 30 ต้นๆ ก็คือ อังเดร วิลลาส โบอาส ทั้งที่ในอดีตนั้นเจ้าตัวไม่เคยผ่านประสบการณ์การเป็นผู้เล่นมาก่อนเลยในชีวิต เขาอาศัยประสบการณ์และการเรียนรู้เคล็ดลับวิชาต่างๆ ทั้งหมดสมัยเป็นมือขวาให้ โชเซ่ มูรินโญ่ ตั้งแต่ตอนอยู่กับ ปอร์โต้ และไม่ว่า น้ามู แกจะตระเวนไปไหน จะ เชลซี หรือ อินเตอร์ มิลาน โบอาส ก็ตามตามไปด้วยทุกที่ ก่อนจะขอแยกตัวออกไปไปทำตามฝันในการเป็นโค้ชแบบเต็มตัวกับ อคาเดมิก้า ตอนปี 2009 ถ้าจะพูดถึงผลงานชิ้นเอกที่ทำให้ทุกคนรู้จักชื่อของ อังเดร วิลลาส โบอาส ก็คือฤดูกาล 2010-11 ที่พา ปอร์โต้ คว้า 4 แชมป์ ทั้งแชมป์ลีก, บอลถ้วย, ซูเปอร์คัพ ในประเทศ และ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก และเมื่อโปรไฟล์มันดูดีแบบนี้มันก็เลยเป็นสะพานที่ทำให้ โบอาส เจอกับความก้าวหน้ามากขึ้นในอาชีพกับการได้ทำงานกับทีมใหญ่อย่าง เชลซี และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ถึงผลงานที่ออกมาจะดูล้มเหลวไม่เป็นท่าเท่าไหร่ แต่ชื่อของ อังเดร วิลลาส โบอาส ก็จัดว่ามีสโมสรให้ความสนใจอยู่ตลอด ปัจจุบันสถานะของเขายังคงเป็นกุนซือว่างงาน เพราะเพิ่งแยกทางกับ โอลิมปิก มาร์กเซย ไปเมื่อเร็วๆ นี้ หลังมีปัญหากับบอร์ดบริหาร

มาร์โก โร้ส - โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค

Marco Rose is on his way out. What next for Borussia Monchengladbach? ได้รับการคอนเฟิร์มออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับตัวของ มาร์โก โร้ส เพราะเขาจะกลายเป็นกุนซือคนใหม่ของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในฤดูกาล 2021-22 โดยในอดีตที่ผ่านมา มาร์โก โร้ส เคยเป็นหนึ่งในขุนพลของ ไมนซ์ 05 สมัยยังมี เจอร์เก้น คล็อปป์ เป็นคนบัญชาทัพ แต่ด้วยความใฝ่ฝันที่อยากจะเป็นโค้ชกับเขาบ้าง มาร์โก โร้ส ก็เลยตัดสินใจรีไทร์จากเส้นทางค้าแข้งตอนปี 2010 และหันไปศึกษาและเดินบนเส้นทางสายกุนซือย่างเต็มตัว ก่อนจะได้โอกาสลองผิดลองถูกครั้งแรกตอนอายุราวๆ 35 กับสโมสร โลโคโมทีฟ ไลป์ซิก เป็นระยะเวลา 1 ปี แต่จากนั้นก็หายหน้าหายตาไปพักใหญ่ๆ จนกระทั่งปี 2017 หลังพา เร้ดบูลส์ ซัลซ์บวร์ก ชุดเด็กคว้าแชมป์ ยูฟ่า ยูธ ลีก ในฤดูกาล 2016-17 มันก็เลยทำให้ มาร์โก โร้ส ได้โอกาสขึ้นมากุมบังเหียนทีมชุดใหญ่ พาสโมสรครอบครองความยิ่งใหญ่ด้วยการเป็นเบอร์ 1 ของ ออสเดรีย อย่างต่อเนื่อง คว้าแชมป์ลีก 2 ปีติด เขาปลูกฝังให้นักเตะทุกคนมีความหิวกระหาย เดินหน้าฆ่ามัน ดังนั้นสไตล์การทำทีมของ มาร์โก โร้ส จึงเป็นแนวเน้นเกมบุก พร้อมกับวิ่งสู้ฟัดเพื่อกดดันคู่แข่งคล้ายๆ กับ เจอร์เก้น คล็อปป์ ปัจจุบันในวัย 40 ต้นๆ เขากำลังทำงานเป็นนายใหญ่ให้ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ถึงฤดูกาล 2021-22 จะไม่ใช่ปีที่ดีนัก แต่ในเรื่องของฝีไม้ลายมือขอบอกเลยว่า มาร์โก โร้ส ได้รับคำชมอยู่ไม่น้อยเลยเหมือนกัน

มิเกล อาร์เตต้า - อาร์เซน่อล

How Arsenal could look In 2021/22 as Mikel Arteta trims squad มิเกล อาร์เตต้า ก็จัดอยู่ในกลุ่มของเหล่ากุนซือหน้าใหม่ที่ได้คุมทีมตอนอายุยังน้อย เพราะในวัย 39 ปีตอนนี้เขามีตำแหน่งเป็นนายใหญ่ของ อาร์เซน่อล แล้วซึ่งเป็นสโมสรเก่าที่เจ้าตัวเคยเป็นแข้งลูกหม้อมาก่อนตั้งแต่ช่วงปี 2011-16 ถ้าจะถามว่าทำไม อาร์เตต้า ถึงได้งานกับ อาร์เซน่อล เลยในทันทีทั้งๆ ที่ยังอ่อนประสบการณ์ เหตุผลหลักๆ ก็คงเป็นเพราะเคยได้ร่วมงานเป็นผู้ช่วยมือขวาของยอดกุนซืออย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นี่แหละ เรื่องปรัชญา, เคล็ดลับและทักษะสกิลต่างๆ ที่เขาได้เรียนรู้และซึมซับมาดูเหมือนมันจะเป็นประโยชน์ในการยกระดับให้ อาร์เซน่อล กลับมาอยู่ในจุดที่ควรจะเป็นอีกครั้ง ถึงจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อยู่เยอะเรื่องผลงานที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนักและขาดความคงเส้นคงวา แต่อย่าลืมนะว่านี่คือฤดูกาลแรกของ มิเกล อาร์เตต้า ในฐานะกุนซือ อาร์เซน่อล สิ่งที่เขาแสดงให้มันดูเป็นไปในทิศทางบวกมากขึ้น ทั้งเรื่องการวางหมากตัวผู้เล่น ระบบทีม แท็คติก และทรงบอลที่ดูเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ถึงในตารางคะแนน พรีเมียร์ลีก จะอยู่ไกลถึงอันดับ 9 แต่มันก็ยังมีทางลัดอยู่ในการตีตั๋วไปลุยศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งเป็นเป้าหมายหลัก เพราะตอนนี้ อาร์เซน่อล เดินทางไปถึงรอบรองชนะเลิศในศึก ยูฟ่า ยูโรปา ลีก แล้ว ดังนั้นเท่ากับว่าทุกสิ่งทุกอย่างสามารถเป็นไปได้ทั้งนั้น

จูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ - อาร์บี ไลป์ซิก

Nagelsmann not interested in becoming next Dortmund manager บางที จูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ อาจได้ชื่อว่าเป็นกุนซือระดับท็อปของวงการก็เป็นได้ถ้าเกิดดูจากสิ่งที่เปลี่ยนแปลงในตัวเขาในระยะเวลาแค่เพียง 5 ปีเท่านั้น เขาสร้างสิ่งมหัศจรรย์ ความตกตะลึงให้กับวงการลูกหนังด้วยการเป็นผู้จัดการทีมของ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ในอายุแค่เพียง 28 ปี เขาพาทีมรอดตกชั้นได้สำเร็จในซีซั่น 2015-16 ก่อนที่ปีต่อมาก็พา ฮอฟเฟ่นไฮม์ คว้าตั๋วไปเล่นฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบคัดเลือก ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ปัจจุบัน จูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ ในวัย 33 ปีเจ้าตัยกระดับตัวเองขึ้นเยอะมาก กับการบัญชาทัพให้ทีมอย่าง อาร์บี ไลป์ซิก พร้อมกับสถาปนาให้ต้นสังกัดกลายเป็นหนึ่งในทีมชั้นนำของยุโรปไปแล้วแบบเต็มตัว ได้ลุ้นแชมป์ บุนเดสลีกา อย่างเต็มตัวตลอดช่วงที่ผ่านมาเช่นเดียวกับฤดูกาลนี้ก็ยังคงเป็นแบบนั้น ทั้งที่ผู้เล่นในทีมส่วนใหญ่หากวัดกันปอนด์ต่อปอนด์ยังถือว่าชื่อชั้นห่างจาก บาเยิร์น มิวนิค และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ อยู่ในระดับหนึ่งเลยเหมือนกัน และที่พีคสุดๆ เลยก็คือการพา ไลป์ซิก ผจญภัยไปไกลถึงรอบรองชนะเลิศของศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อซีซั่นที่แล้ว นับเป็นผลงานและโปรไฟล์ที่ไม่ธรรมดาจริงๆ ของผู้ชายคนนี้ และมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ชื่อของ จูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ จะตกเป็นข่าวพัวพันกับหลายทีมชั้นนำ ตอนนี้ที่เต็งสุดๆ ดูเหมือนจะเป็น ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่กำลังหาตัวแทนของ โชเซ่ มูรินโญ่

อันโตนิโอ คอนเต้ - อินเตอร์ มิลาน

Conte: "Normal that there was pressure, important win against a good team"  | News อันโตนิโอ คอนเต้ คือหนึ่งในกุนซือเพียงไม่กี่คนที่ได้ชื่อว่าเป็นตำนานของสโมสร และได้กลับมารับใช้ทีมอีกครั้งในฐานะผู้จัดการทีม เขาคือคนที่สร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการฟุตบอลอิตาลีด้วยการพา ยูเวนตุส เถลิงบัลลังก์แชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา ตั้งแต่ปีแรกที่เข้ามาบัญชาทัพ และก็ยิงยาวรัวๆ  3 ปีสมัยติดต่อกัน พา "ไอ้ม้าลาย" ทวงความยิ่งใหญ่กลับมาเป็นเบอร์ 1 ของประเทศอีกครั้ง พร้อมกับเป็นคนที่นำเทรนด์การเล่นระบบหลัง 3 ซึ่งกำลังเป็นที่ฮอตฮิตกันอย่างมากในโลกลูกหนังยุคปัจจุบัน และนั่นก็ทำให้เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นโค้ชหนุ่มที่ไฟแรงที่สุดแห่งยุค เท่านั้นยังไม่พอ เพราะจากนั้น คอนเต้ ก็ยังพิสูจน์ตัวเองได้อีกว่าเขานั้นคือของจริง จากการพา ทีมชาติอิตาลี ไปถึงรอบ 8 ทีมในศึก ฟุตบอลโลก ปี 2014 พร้อมกับพา เชลซี คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้อีกในซีซั่น 2016-17 ถึงแม้ชื่อของ อันโตนิโอ คอนเต้ ในฐานะกุนซือจะมาเริ่มโด่งดังและเปล่งรังสีอำมหิตก็ตอนอายุ 40 แต่จริงๆ เฮียแกก็เคยผ่านประสบการณ์การลองผิดลองถูกมาเยอะในช่วงก่อนหน้านั้นไม่ว่าจะเป็นทีมอย่าง บารี่, อตาลันต้า และก็ เซียน่า ปัจจุบัน อันโตนิโอ คอนเต้ กำลังจะหยุดสถิติการคว้าแชมป์ติดต่อกันของ ยูเวนตุส ไว้ที่ 9 ซีซั่น เพราะตอนนี้ อินเตอร์ มิลาน ของเขานับวันยิ่งเข้าใกล้ฝั่งฝันการคว้า สคูเด็ตโต้ สมัยที่ 19 เต็มที

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า - แมนเชสเตอร์ ซิตี้

Pep Guardiola praises Arsenal youngster following Manchester City win ถ้าจะพูดถึงผู้จัดการทีมที่ได้คุมทีมตอนอายุยังน้อยและประสบความสำเร็จมากที่สุดในยุคนี้ และเก่งกาจสุดๆ จนใครๆ ต่างก็ต้องยกนิ้วให้ มันก็คงเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ย้อนเวลากลับไปตอนปี 2008 สมัยที่แกยังอายุราวๆ 37 ปี เขาได้สถาปนา บาร์เซโลน่า จนก้าวขึ้นไปเป็นสโมสรอันดับ 1 ของโลกด้วยสไตล์ ติกิ-ตาก้า ในแบบที่ไร้เทียมทานสุดๆ ชนิดที่ว่าทิ้งระยะห่างทีมคู่อริตลอดกาลอย่าง เรอัล มาดริด อยู่ไกลโขเหมือนกัน ความสำเร็จตลอด 4 ปีกับ 14 โทรฟี่มันถือเป็นหนึ่งในเครื่องยืนยันการันตีว่าเขาคือกุนซือที่เก่งที่สุดเป็นเบอร์ต้นๆ ของโลก แต่ในขณะเดียวกันมันก็มีกระแสที่สบประมาท เป๊ป อยู่เหมือนกันว่า ที่ไปได้สวย ประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้ส่วนใหญ่ก็คืออยู่กับทีมใหญ่ๆ ที่มีองค์ประกอบและทรัพยากรที่ดีอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามสิ่งที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้ทำไว้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มันน่าจะเป็นคำตอบที่ดีให้กับหลายๆ คน มันไม่ใช่การทำเพื่อรักษาคำว่า "การเป็นทีมระดับ Top 6 หรือ Top 4" แต่สิ่งที่ เป๊ป ทำคือ "การทำให้ทีมกลายเป็น นัมเบอร์ วัน และทิ้งระยะห่างทีมอื่นที่อยู่ในก๊วนบิ๊กเนมด้วยกันออกไปอีก" ตอนนี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ใช่ทีมที่การันตีว่าจะต้องได้ไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในทุกๆ ปี แต่นี่คือทีมที่เป็นเต็งแชมป์ทุกปี และจนถึงตอนนี้ "เรือใบสีฟ้า" ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็ยังอยู่ในเส้นทางการลุ้นถึง 3 แชมป์ในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล 2020-21

HaMu Dos Santos

logoline