logo-heading

ตลอด 2-3 วันที่ผ่านมา เชื่อว่าบนหน้า "นิวส์ ฟีด" บน เฟซบุ๊ค หลายคนๆ ไม่เจอเรื่อง "ตอนจบ แม่วันทอง" ก็ต้องเห็นดราม่า "ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ ลีก" ที่วนเวียนมาให้เห็นตั้งแต่เช้ายันค่ำ ให้อ้วกอาเจียนเป็นฟุตบอลกันเลยทีเดียว

ทุกคนคงทราบไปแล้วว่า "ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ ลีก" กลายเป็นหมันไปเรียบร้อย หลังจาก "ทำท่าทีโอ่อ่า" ว่าจะก่อตั้งนำยักษ์ใหญ่ 12 ทีม แยกตัวออกจาก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปเตะกันเอง แต่หลังจากเจอพลังต่อต้านจากแฟนบอล ทำให้สโมสรที่มีชื่อเกี่ยวข้อง อาทิ บิ๊ก 6 จาก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ, 3 ยักษ์ใหญ่ กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี และ แอเตลิโก มาดริด จาก สเปน ต่างต้องยอมถอย ไม่เข้าร่วม

ทั้งๆที่รายการ "ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ ลีก" จะสร้างรายได้มหาศาลให้กับสโมสร สวนทางกับพิษเศรษฐกิจที่ปั่นป่วนไปทั่วโลก ด้วยโรคระบาด โควิด-19 แต่ทำไมแฟนบอลถึงมีมวลพลังมากขนาด ถึงทำให้บิ๊กโปรเจ็คท์ต้องถอยร่น ออกมา ทั้งที่วางแผนกันมาอย่างยาวนาน เราลองไปค้นคว้าหาคำตอบกันดูดีกว่า

- ย้อนกลับไปจุดที่แฟนบอลเดือด

ย้อนเวลากลับไปช่วงที่ 6 สโมสรจาก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประกอบด้วย ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, อาร์เซน่อล, เชลซี, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เริ่มมีการแถลงการณ์ตอบรับเข้าร่วม ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ ลีก ทันทีมันออกสู่สายตาแฟนบอล พลันก็ทำให้อารมณ์ของสาวกพันธุ์แท้ดุเดือดเลือดพล่านทันที เพราะเรื่องเป็นพวกเจ้าของสโมสรคุยกัน พวกหัวธุรกิจ แม้แต่นักฟุตบอล หรือ โค้ชเอง ก็ไม่รับรู้มาก่อน และ นั่นทำให้เกิดการต่อต้านในวงกว้าง ลิเวอร์พูล - แฟนบอลบุกนำป้ายแบนเนอร์ไปแขวนไว้หน้าแอนฟิลด์ โดยมีข้อความที่ฟังแล้วเจ็บปวดใจว่า "พวกเรารู้สึกอับอายพวกคุณเหลือเกิน พร้อมกับทำ R.I.P ไว้อาลัยให้กับสโมสร 1892-2021" เชลซี - รวมตัวกันปิดถนนไม่ให้รถบัสของทีมผ่านเข้าไปสู่สเตเดี้ยม สแตมฟอร์ด บริดจ์ เพื่อเป็นการประท้วงสโมสรที่ไปเข้าร่วม ซูเปอร์ ลีก ร้อนถึง ปีเตอร์ เช็ก ต้องลงมาเจรจากับแฟนบอล ส่งผลให้เกมเสมอกับ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน 0-0 ล่าช้าไปถึง 15 นาที แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - สาวก "เร้ด เดวิลส์" ก็ออกมารวมตัวชูป้ายหน้าสโมสร ต่อต้าน ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ ลีก เช่นกัน โดยแซะพวกผู้บริหาร ที่มองฟุตบอลเป็นธุรกิจไว้ว่า “สโมสรสร้างโดยคนจน แต่ถูกปล้นโดยคนรวย” จริงๆแล้วมีเยอะกว่านี้ ไม่ใช่แค่แฟนบอลจากสโมสรที่เข้าร่วม ออกมาต่อต้าน แต่ทว่าอีกทั้ง 14 ทีมจาก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ก็เรียกร้องให้ "บิ๊กซิกซ์" รีบถอนตัวเสียโดยเร็ว เพราะมันจะทำลายความเป็นรากเหง้าของฟุตบอล !!

- เสน่ห์ของฟุตบอล

จริงอยู่ที่แฟนบอล จะได้รับความสนุกตื่นเต้นอันเร้าใจ หากอยู่อีกซีกโลก ใครที่ทนรอดูการฟาดแข้งราวๆ ตี 2 - ตี 3 ก็อาจจะไม่ต้องฝืนทนหลับไปกลางเกมอีกแล้ว เพราะซูเปอร์บิ๊กแมตช์ จะมีให้คุณดูทุกสัปดาห์ แต่นั่นแหละครับคือสิ่งแรกเริ่มที่เป็นตัวทำลายเสน่ห์ฟุตบอล เพราะ ฟุตบอล มันมีเสน่ห์ในตัว และ เรื่องราว "แจ็คผู้ฆ่ายักษ์" คือหนึ่งในนั้น ถึงแม้ปัจจุบันฟุตบอลคือธุรกิจ ทีมเล็กไม่มีงบทุ่มทุน เท่าทีมใหญ่ แต่แพชชั่นการล้มทีมใหญ่ มันอาจเป็นครั้งหนึ่งในชีวิต ด้วยกว่าที่พวกเขาจะผ่านเข้ามา เลือดตาแทบกระเด็น แต่หากเปลี่ยนเป็น "ESL" จะเหมือนเป็นลีกปิด พวกทีมเล็กไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมโดยเด็ดขาด มันผูกขาดถึงขนาดที่ว่า "ต่อให้ผลงานจะดี จะเหี้ยขนาดไหน คุณก็จะได้มาเล่นรายการนี้แน่นอน" ดังนั้น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ย่อมมีมนต์สเน่ห์มากกว่า และ คงความขลังไว้ยิ่งกว่าด้วย เพราะรายการนี้ "คือการรวมทีมที่มีผลงานดีที่สุดในแต่ละลีก" แต่ไม่ใช่ ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ ลีก ที่เป็นการรวมตัวของทีมที่มี "เงินมากที่สุด" เท่ากับว่าแฟนบอลไม่ยอมตกเป็นทาสเครื่องมือ เพื่อให้สโมสรเอาไปเรียกเรตติ้งหาเงินเข้าสโมสรแน่นอน เหมือนดั่งคำที่แฟนบอลจากสโมสรหนึ่งเขียนไว้ว่า "Supporter not customer" (พวกเราคือแฟนบอล ไม่ใช่ลูกค้า)"

- ทำลายศักดิ์ศรี

บางทีการมีเงินมากมายก่ายกอง ในหัวมีแต่เรื่องธุรกิจ ก็อาจจะทำให้หลงลืมไปว่าแท้จริงว่าแฟนบอลหลายๆคน เขารักฟุตบอลโดยก้นบึ้งของหัวใจ พวกเขาสนับสนุน เพื่อต่อสู้เป็นหนึ่งในใต้หล้า เพื่อเกียรติยศ, เพื่อศักดิ์ศรี และ ความลำบากเพื่อแชมป์ ซึ่ง ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ ลีก จะทำลายสิ่งนั้นไปหมด ที่สำคัญมันจะลดความน่าสนใจไปด้วย เพราะต่อให้ ลิเวอร์พูล, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ หรือ อาร์เซน่อล ซึ่งมีโอกาสหลุดจากท็อปโฟร์ซีซั่นนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องทุ่มทุน ทุ่มแรงอีกต่อไป เพราะยังไงพวกเขาจะมี "ESL" รองรับ !! ฉะนั้นถ้าคุณไม่ทุ่มเทในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แล้วแฟนบอลที่คอยหนุนหลังล่ะ ? เขาจะรู้สึกอย่างไร หากต้องซื้อตั๋วมาคอยเห็นทีมส่งตัวสำรอง เพื่อเก็บตัวหลักรอไปเตะ ซูเปอร์ ลีก ไม่แคร์ว่าจะจบอันดับเท่าไหร่ แถมยังได้เงินเยอะกว่า ซึ่งสิ่งเหล่านั้น สาวกพันธุ์แท้ยอมไม่ได้ ไม่แน่ว่า พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ลีกอันดับ 1 ของโลก ที่คนดูยกย่อง ก็จะกลายเป็นฟุตบอลรายหนึ่งเท่านั้น ที่เป็นเสมือน ลีก คัพ ซึ่งบรรดาทีมใหญ่ มักส่งดาวรุ่ง หรือ ตัวสำรอง ลงไปหาประสบการณ์ ไว้คอยยืดเส้น ยืดสาย เท่านั้น

- ทำลายความภาคภูมิใจ

อย่างที่บอกไปครับ หากตัดเรื่องเงินทองออกไป แฟนบอลอย่างบ้านเราโคตรคุ้ม เพราะจะได้ดูฟุตบอลมันส์ๆอยู่ตลอด ได้เห็นซูเปอร์สตาร์ดวลเพลงแข้งกันทุกวีค แต่ผมเชื่อว่า แฟนบอลอีกหลายคน ไม่จำเป็นต้องไปอ้างอิงแฟนบอลอังกฤษหรอกครับ เอาแบบทั่วทุกมุมโลก เขามองเกมลูกหนังคือชีวิต คือความภาคภูมิใจ เขาเชียร์ฟุตบอลไว้เป็นตัวแทนของชีวิต เวลา ลิเวอร์พูล-แมนฯ ยูไนเต็ด-อาร์เซน่อล หรือ เชลซี แพ้ คุณผิดหวัง เวลาพวกเขาคว้าแชมป์ คุณได้เชิดหน้าชูตา ใส่เสื้อเดินไปนุ้นไปนี่ 7 วัน 7 คืน นั่นแหละครับ แสดงว่าคุณมองทีมรัก เป็นเหมือนตัวแทน เป็นความภาคภูมิใจ ฉะนั้นลองคิดดูว่าเหล่าสาวกพันธุ์แท้ที่อยู่ในแดนอังกฤษ จะคลั่งรักมากขนาดไหน ดังนั้นการเอาฟุตบอล ไปทำเป็นธุรกิจหาเงิน ไม่ใช่เรื่องที่แฟนบอลชอบใจอย่างแน่นอน พวกเขาไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือของคนรวย เพราะสิ่งเขารักคือสโมสร คือนักเตะ ไม่ใช่เงินทองที่จะกอบโกยเข้ามา

- ผลักภาระให้แฟนบอล ?

เพราะ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มีส่วนแบ่งต่างๆให้กับทีมยักษ์ใหญ่มากเกินไป หากเทียบกับรายได้มีเข้ามา ทำให้เหล่ายักษ์ใหญ่มองว่ามันไม่ยุติธรรม และ นั่นเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ขอแยกตัวออกมาตั้ง ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ ลีก ซึ่งว่ากันว่าจะมีมูลค่า สูงถึงหมื่นล้านยูโร (ประมาณ 370,000 ล้านบาท) ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากสปอนเซอร์ หรือ ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด ซึ่งจะถูกแบ่งสรรปันส่วนเท่ากันทั้งหมด รายการที่มันยิ่งใหญ่แบบนี้ แต่ในอีกแง่มุมหนึ่ง มันอาจซ่อนเร้นผลักภาระให้กับแฟนบอลด้วยหรือเปล่า ? เพราะว่ายิ่งการแข่งขันมีชื่อเสียง มีสปอนเซอร์รายล้อม เรื่องค่าตั๋วเข้าชม ก็อาจจะพุ่งสูงปรี๊ดมากกว่าที่เข้าไปชมเกมลีก หรือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่ง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ขึ้นลือลือชาเรื่องตั๋วแพงอยู่แล้ว โดยเฉพาะ อาร์เซน่อล  หากผู้บริหารมอง ฟุตบอล คือ ธุรกิจ เรื่องของค่าใช้จ่ายที่แฟนบอลต้องเจอ ค่าตั๋วก็อาจจะเป็นหนึ่งในนั้น ถึงแม้มันจะเป็นเหตุผลเล็กๆที่ออกมาต่อต้าน แต่ต้องไม่ลืมว่าเศรษฐกิจแบบนี้ เกมลูกหนัง อาจเป็นเพียงแค่ไม่กี่อย่าง ที่ทำให้พวกเขามีความสุข ดั่งประโยคอมตะของ เซอร์ แม็ต บัสบี้ ตำนานกุนซือ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่หล่นวาทะไว้ว่า "Football is nothing without fans" "ฟุตบอลจะไม่มีความหมายอะไรเลย ถ้าไร้แฟนบอล" ดังนั้นต่อให้ ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ ลีก จะเป็นอภิมหาโปรเจ็คท์ยิ่งใหญ่เพียงใด แต่ถ้าแฟนบอลไม่เห็นทุกอย่างก็ไร้ความหมาย และ สิ่งที่เห็นได้ในวันนี้ พร้อมกับเหตุผลที่ร่ายมา ก็เพียงพอแล้วว่าทำไมพลังมหาแฟนบอล ถึงเอาชนะ เม็ดเงินก้อนโตไปได้ เพราะ ฟุตบอลคือชีวิต คือความรัก คือสื่งที่บางครั้งเงินก็ทดแทนไม่ได้ ต่อให้เศรษฐกิจมันจะย่ำแย่ แต่บางครั้งก็ไม่มีอะไรทดแทนได้

ฮาย ฮาวดี้-

logoline