logo-heading

นับตั้งแต่เข้าสู่ปี 2021 ดูเหมือนมันจะเป็นปีทองของ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ อีกหนึ่งแนวรุกที่ก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญอย่างเต็มตัว และก็มีผลงานที่ดีเยี่ยมอีกด้วย หลายคนอาจรู้จักชื่อของไอ้หมอนี่ดีอยู่แล้ว

แต่วันนี้ทาง "ขอบสนาม" จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักนักเตะคนนี้มากขึ้น เพราะตอนนี้กำลังแววดีและน่าจับตามองมากๆ

ประวัติพอสังเขป

เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ชื่อเต็มๆ คือ เคเลชี่ พรอมิส อิเฮียนาโช่ เกิดวันที่ 3 ตุลาคม ปี 1996 ที่ โอเวอร์รี่ ประเทศไนจีเรีย ปัจจุบันอายุ 24 ปี เป็นชาวไนจีเรี่ยนแท้ๆ 100% ส่วนสูง 185 เซนติเมตร หรือ 6 ฟุต 1 นิ้ว ประจำการในตำแหน่งกองหน้า ปัจจุบันสังกัดอยู่กับ เลสเตอร์ ซิตี้ ได้สวมเสื้อเบอร์ 14

เส้นทางค้าแข้ง

เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ เกิดที่ โอเวอร์รี่ สมัยยังเด็กเขาเป็นหนึ่งในตัวแทนของ ทาเย่ อคาเดมี่ ทีมระดับท้องถิ่น ด้วยฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นเตะตาของเขาก็เลยทำให้ อิเฮียนาโช่ เป็นหนึ่งในขุนพลของ ทีมชาติไนจีเรีย รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปีชุดลุยศึก ฟุตบอลโลก ปี 2013 ซึ่งนั่นจัดว่าเป็นปีที่ดีมากๆ ของไอ้เด็กคนนี้ เพราะพี่แกสามารถโกยมาได้ทั้งรางวัล โกลเด้น บอล ของทัวร์นาเมนต์ และ นักเตะดาวรุ่งแอฟริกันที่พรสวรรค์สูงที่สุดแห่งปี ถึงแม้จะได้รับความสนใจจากหลายทีมดังทั่วยุโรปไม่ว่าจะเป็น อาร์เซน่อล, สปอร์ติ้ง ลิสบอน และ เอฟซี ปอร์โต้ แต่สุดท้าย เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ได้ตกลงปลงใจย้ายไปอยู่กับอคาเดมี่ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตอนปี 2014

แมนเชสเตอร์ ซิตี้

หลังผ่านประสบการณ์เรียนรู้และฝึกปรือฝีเท้ากับชุดเยาวชน 1 ปี พอถึงฤดูกาล 2015-16 มานูเอล เปเยกรินี่ คือกุนซือที่มอบโอกาสให้ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ได้ก้าวขึ้นมาสัมผัสประสบการณ์กับทีมชุดใหญ่และตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่นจนถึงช่วงฤดูกาลปกติถึงแม้สถานะส่วนใหญ่จะหนักไปทางการเป็นตัวสำรอง แต่ขอบอกเลยว่า เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ มีผลงานที่โดดเด่นสุดๆ ในฐานะแข้งดาวรุ่ง เขากดไป 14 ประตูจากการลงเล่น 35 นัด และกดไปอีก 7 แอสซิสต์ ด้วยกัน ถ้าจะพูดถึงเกมที่เจ้าตัวรู้สึกประทับใจมากที่สุดในปีนั้นก็คงเป็นเกม เอฟเอ คัพ รอบ 4 ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เจอกับ แอสตัน วิลล่า เพราะนั่นคือเกมที่ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ สามารถทำแฮตทริกครั้งแรกได้ในเส้นทางอาชีพค้าแข้ง ฤดูกาล 2016-17 เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ก็ยังคงรักษามาตรฐานของตัวเองได้ดี มีวัฒนาการที่ดีให้เห็นมากขึ้น มีสตอรี่ที่น่าจดจำมากมายสำหรับเขา ไม่ว่าจะเป็น การยิงและทำแอสซิสต์ได้ในเกม แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ที่เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-1, เปิดซิงประตูแรกได้บนสังเวียน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในนัดที่ถล่ม โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค 4-0 ตลอดจนการมีชื่อเข้าชิงรางวัล ฟีฟ่า โกลเด้น บอย อวอร์ด เป็นครั้งแรกในชีวิต ส่วนเรื่องของผลงานการซัดไป 7 ประตู และทำไปอีก 4 แอสซิสต์อาจไม่ใช่ตัวเลขที่เลวร้ายสำหรับเด็กอายุแบบเขา แต่สิ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจเก็บข้าวของย้ายออกจากรั้ว เอติฮัด สเตเดี้ยม ก็เป็นเพราะบทบาทที่ลดน้อยลงในยุคที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เข้ามาบัญชาทัพ

เลสเตอร์ ซิตี้

การผจญภัยครั้งใหม่ของ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ เกิดขึ้นที่สโมสร เลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งย้ายมาด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์ในปี 2017 บทบาทส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ดูต่างจากสมัยอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เท่าไหร่ นั่นก็คือการเป็นตัวสำรองและโอกาสส่วนใหญ่จะหนักไปทางเกมบอลถ้วย เพราะตำแหน่งดาวยิงเบอร์ 1 ยังคงเป็นของ เจมี่ วาร์ดี้ แต่ในเรื่องของสถิติการพังประตูก็ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเหมือนเคย โดย 3 ฤดูกาลก่อนหน้านี้ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ กดไป 20 ประตูจากการลงเล่น 89 เกม ในฤดูกาล 2020-21 ตอนแรกสถานะของ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ก็ไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าไหร่ แต่พอศักราชใหม่เปลี่ยนมาเป็น 2021 ดูเหมือนสิ่งดีๆ มันได้เข้ามาสู่ตัวเขา ทั้งเรื่องของโอกาสและผลงานบนสังเวียนฟลอร์หญ้า เขาทำแฮตทริกครั้งแรกได้ในเกม พรีเมียร์ลีก นัดที่ถล่ม เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 5-0 เมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้พี่แกยังซัดไป 2 ประตูในเกม เอฟเอ คัพ ที่ชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-1 พร้อมกับพาทีมตีตั๋วเข้ารอบรองชนะเลิศได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1982 เขาเพิ่งคว้ารางวัลนักเตะ พรีเมียร์ลีก ยอดเยี่ยมประจำเดือนมีนาคมปี 2021 จากการซัดไป 5 ประตูจากการลงเล่นเกมลีก 3 นัด ก่อนที่ทางต้นสังกัด "จิ้งจอกสยาม" จะมอบสัญญาใหม่ให้อีก 3 ปีเพื่อตอบแทนเรื่องของผลงานอันยอดเยี่ยม จนถึงตอนนี้ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ได้รับบทบาทกลายเป็นกองหน้าตัวจริงโดยจับคู่กับ เจมี่ วาร์ดี้ และที่สำคัญคือการซัลโวไป 16 ประตู ณ ตอนนี้ขอบอกเลยว่านี่คือผลงานที่ดีที่สุดแล้วในเส้นทางค้าแข้งของไอ้หมอนี่ และแน่นอนว่านี่คือปีทองที่ที่สุดชีวิตของเขาแล้วด้วยเช่นกัน

สไตล์การเล่น

ถ้าพูดถึงเรื่องของสไตล์การเล่นสำหรับ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ก็ถือว่าไม่ได้มีแนวทางที่แปลกความแหวกแนวกว่าคนอื่นเท่าไหร่ เขาเป็นผู้เล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าแบบจ๋าๆ เลย สิ่งที่เป็นจุดเด่นก็คงเป็นเรื่องทักษะการจบสกอร์ในหลายรูปแบบ อารมณ์ประมาณว่า ไม่ว่าบอลจะมาจากทางไหนพี่แกก็สามารถหาจังหวะจบสกอร์ได้ดีเสมอๆ และก็นับเป็นนักเตะคนหนึ่งที่ใช้โอกาสไม่เปลืองเลย สังเกตได้จากสถิติการพังประตูตลอดช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ยังเป็นนักเตะที่มีส่วนร่วมกับทีมสูงด้วย ถึงบทบาทหลักๆ จะเป็นการยืนรอบอลอยู่ข้างหน้า แต่เขาก็ชอบการถอยลงต่ำมาได้เพื่อเชื่อมเกมและฝากบอลให้เพื่อนเช่นกัน

ระดับนานาชาติ

เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ได้โอกาสรับใช้ทัพ "อินทรีมรกต" มาตั้งรุ่นอายุไม่เกิน 13 ปี ประสบการณ์แรกในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ ของเขาก็คือ เกมชิงแชมป์ระดับทวีปแอฟริกาชุดยู-17 ซึ่งปีนั้น ไนจีเรีย สามารถตีตั๋วไปไกลถึงรอบชิงชนะเลิศ แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายต้องไปแพ้ให้ ไอโวรี่โคสต์ ต่อมาก็ตามด้วยทัวร์นาเมนต์ ฟุตบอลโลก 2013 ชุดยู-17 ที่กล่าวไปข้างต้น เคเลชี่ อิเฮียนาโน่ เป็นกำลังสำคัญที่พา ไนจีเรีย คว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ พร้อมกับคว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ด้วย ส่วนในระดับซีเนียร์หรือการเล่นให้ทีมชุดใหญ่ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ติดธงครั้งแรกตอนปี 2015 แต่กว่าจะมาได้โอกาสเปิดตัวจริงๆ ก็ต้องรอถึงปี 2018 โน่นเลย โดยเป็นศึก ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก นัดที่เจอกับ เอสวาตินี่ ส่วนประตูแรกในสีเสื้อทัพ "อินทรีมรกต" มันได้เกิดขึ้นในเกมอุ่นเครื่องที่เจอกับ มาลี ตอนปี 2016 และด้วยผลงานและแววที่คงเส้นคงวาเสมอมาทำให้หลังจากนั้น เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ กลายเป็นกำลังสำคัญของชาติจนถึงปัจจุบัน โดยตอนนี้ได้ลงเล่นไปทั้งหมด 31 นัด ยิงได้ 9 ประตู

HaMu Dos Santos 

logoline