logo-heading

บาเยิร์น มิวนิค ได้เปิดฉากตระเวนหากุนซือคนใหม่แล้วที่จะมารับช่วงต่อแทนที่ ฮานซี่ ฟลิค ในซีซั่นหน้า ถึงแม้จะมีข่าวพัวพันกับผู้จัดการทีมหลายคน แต่ดูแล้วถ้าหากว่าไม่มีอะไรผิดพลาด คนที่จะได้รับตำแหน่งนี้ก็คือ จูเลียน นาเกิลส์มันน์ กุนซือหนุ่มแห่ง แอร์เบ ไลป์ซิก 

วันนี้สิ่งที่ "ขอบสนาม" อยากนำเสนอก็คือ การวิเคราะห์ถึงเหตุผลที่ว่า "ทำไม จูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ ถึงเป็นตัวเต็งที่จะโยกมารับจ็อบที่ เสือใต้ บาเยิร์นมิวนิค ?"

ที่มา

ฮานซี่ ฟลิค คือผู้พา บาเยิร์น มิวนิค คว้าแชมป์ได้ถึง 6 โทรฟี่ในการทำงานที่ อัลลิอันซ์ อารีน่า และสถานการณ์ปัจจุบันทุกสิ่งทุกยอย่างกำลังไปได้สวย พวกเขากำลังจะคว้าแชมป์ บุนเดสลีกา ได้อีก 1 สมัยในซีซั่น 2020-21 แต่สุดท้ายก็ดันเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นเมื่อตัวของ ฮานซี่ ฟลิค ได้ประกาศขอยุติบทบาท "นายใหญ่ทัพ เสือใต้" แค่เพียงฤดูกาลนี้ ส่วนเรื่องของสาเหตุว่ากันว่าเป็นเพราะมีปัญหาทางด้านความสัมพันธ์กับผู้อำนวยการกีฬา ฮาซาน ซาลิฮามิดซิช โดยประเด็นหลักๆ มาจากเรื่องการซื้อ-ขายนักเตะที่มีแนวทางและแผนการที่ไม่ตรงกัน

โปรไฟล์

ทำไมตอนนี้ จูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ ถึงเป็นตัวเลือกอันดับ 1 ที่ บาเยิร์น มิวนิค ต้องการ ? แน่นอนว่าสิ่งแรกที่จับต้องได้มากที่สุดก็คือเรื่องของผลงาน ย้อนเวลากลับไปช่วง 5-6 ปีก่อน จูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ สร้างความมหัศจรรย์เอาไว้บนหน้าประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลเยอรมันด้วยการเป็นกุนซือที่อายุน้อยที่สุดที่ได้ลุยสังเวียน บุนเดสลีกา เยอรมัน ด้วยวัยแค่ 28 ปีเท่านั้นกับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ เรียกได้ว่านักเตะในทีมบางคนยังแก่กว่าเลย ถึงเประสบการณ์จะน้อยนิด แต่มิชชั่นแรกที่ นาเกิลส์มันน์ คอมพลีทได้สำเร็จก็คือการพา ฮอฟเฟ่นไฮม์ หนีตกชั้นได้สำเร็จ ตามด้วยการพาทีมตีตั๋วไปลุยศึก ยูฟ่า  แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรในปีต่อๆ มา จากนั้น จูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ ก็ได้โอกาสก้าวหน้ามากขึ้นในเส้นทางสายกุนซือ หลังได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามาบัญชาทัพให้ทีมอย่าง แอร์เบ ไลป์ซิก ตอนปี 2019 และก็มีส่วนสำคัญที่ช่วยยกระดับจนกลายเป็นหนึ่งในทีมชั้นนำระดับยุโรป โดยปีก่อนเจ้าตัวสามารถพาทีมไปไกลถึงรอบรองชนะเลิศของศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ส่วนในระดับเวที บุนเดสลีกา ทาง ไลป์ซิก ก็ได้ชื่อว่าเป็นทีมที่ก้าวขึ้นมาลุ้นแชมป์กับ บาเยิร์น มิวนิค แบบเต็มตัวเช่นกัน

สถานการณ์ล่าสุด

สื่อหลายสำนักต่างก็เล่นข่าวออกมาว่าในทิศทางเดียวว่า บาเยิร์น มิวนิค ได้เริ่มเปิดฉากเจรจากับทาง ไลป์ซิก แล้วเพื่อเดินเดินสู่ขอ จูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ ให้เข้ามาเป็นผู้นำทัพคนใหม่แล้ว และดูเหมือนกับว่าทาง ไลป์ซิก ก็พร้อม เซย์ เยส ด้วย ทว่ามันมีข้อแม้อยู่ตรงที่ทาง บาเยิร์น มิวนิค จำเป็นต้องจ่ายเงินจำนวน 30 ล้านยูโร หรือ 26 ล้านปอนด์เป็นการแลกเปลี่ยนซึ่งนั่นจะทำให้ จูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ กลายเป็นโค้ชที่มีค่าตัวสูงที่สุดในประวัติศาสตร์วงการกีฬาเลยทีเดียว และนั่นก็ดูไม่ใช่สิ่งที่เป็นปัญหาอะไรสำหรับ “เสือใต้” เพราะเงินจำนวนเท่านี้ กับกุนซือผลงานและโปรไฟล์ดีแบบนี้ ยังไงพวกเขาก็ยอมจ่ายแน่นอน

ฝันคุม บาเยิร์น

"มันไม่ได้มีการพูดคุยหรือมีข้อเสนอยื่นเข้ามาแต่อย่างใด นั่นคือสาเหตุที่ผมเองก็ไม่รู้ว่า บาเยิร์น ต้องการอะไร ผมเคยพูดไปแล้วว่าผมไม่อยากก่อสงครามกับลูกทีม ไลป์ซิก และมันก็ยังคงเป็นเช่นนั้นเหมือนเดิม" นี่คือสิ่งที่ จูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ เคยพูดไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเมื่อสื่อไปสอบถามเขาเรื่องการย้ายไปคุมทีม บาเยิร์น มิวนิค แต่คุณรู้ไหมว่าสิ่งที่เจ้าตัวเคยเปิดใจเอาไว้เมื่อ 4 ปีก่อนเขาเคยบอกว่า "การคุม บาเยิร์น มิวนิค คืองานในฝันของผม" "บาเยิร์น มิวนิค คือความฝันของผม ผมเคยอาศัยอยู่ที่ มิวนิค เป็นเวลานานหลายปี ผมมาจาก แลนด์สเบิร์ก แอม เลช ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก มิวนิค ภรรยาและลูกของผมก็เคยย้ายตามมาอยู่ที่นี่ เหมือนกันในระยะสั้นๆ เราสร้างบ้านด้วยกันที่นั่น ถึงแม้ผมจะไม่เคยได้โอกาสคุม บาเยิร์น แต่ผมก็สามารถตายอย่างมีความสุขได้ ผมมีความสุขดีนะกับชีวิต ทว่ามันเป็นเรื่องจริงที่ บาเยิร์น มิวนิค จะทำให้ผมมีความสุขมากขึ้น แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของผมจะขึ้นอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค"

สไตล์และปรัชญา

จูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ ได้รับการยกย่องในเรื่องของแท็คติก และให้ความสำคัญในเรื่องของการเก็บรายละเอียดแม้กระทั่งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทั้งกับทีมตัวเองและคู่แข่ง ก่อนจะนำมาวิเคราะห์เจาะลึกอย่างละเอียดจนกลายมาเป็นคัดสรรวางหมากและแผนการเล่นที่เหมาะสมที่สุดในแต่ละนัดซึ่งนั่นจึงทำให้เขาได้รับฉายาว่าเป็น "มินิ มูรินโญ่"  ส่วนเรื่องของปรัชญาหรือหลักในการทำทีม จูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ เคยพูดเอาไว้ว่า เจ้าตัวนั้นให้ความสำคัญกับเรื่องของ แท็คติก 30 เปอร์เซนต์ ส่วนอีก 70 เปอร์เซนต์ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับว่านักเตะจะเล่นได้ตามแผนที่วางเอาไว้ได้เป๊ะและแม่นยำมากน้อยแค่ไหน "นักเตะแต่ละคนจะมีแรงกระตุ้นหรือแรงบันดาลใจในการเล่นที่แตกต่างกัน ดังนั้นเวลาจะปลุกใจเพื่อดึงศักยภาพของนักเตะแต่ละคนออกมาก็ต้องเลือกวิธีการที่เหมาะกับคนนั้นๆ ถ้ารู้จักใช้จิตวิทยาอย่างถูกต้องแล้ว นักเตะก็จะเล่นได้ตามแผนที่วางไว้เอง" ถึงจะได้รับฉายาว่าเป็นจอมแท็คติกและดีเทลจัดๆ เหมือน โชเซ่ มูรินโญ่ ทว่าสไตล์การทำทีมนั้นแตกต่างออกไป แน่นอนว่าความรัดกุมในแผงเกมรับคือสิ่งที่สำคัญสำหรับเขา แต่การที่เขาเคยเป็นมือขวาให้โธมัส ทูเคิ่ล มาก่อนสมัยอยู่กับ เอาก์สบวร์ก รวมถึงการศึกษาและแนวทางของ ราล์ฟ รังนิก กุนซือ ไลป์ซิก คนเก่า ตลอดจนหลายๆ สิ่งที่เขาได้เรียนรู้จากกุนซือชาวเยอรมันคนอื่นๆ อาทิเช่น เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่เน้นรุกจัดและกดดันคู่แข่งด้วยการเพรสซิ่ง  เมื่อนำมาผสมผสานและปรับมาเป็นสไตล์ของตัวเองกลายเป็นว่า เกมรับที่เป็นระบบระเบียบคือมาตรฐานสำคัญ ส่วนการโจมตีศัตรูให้ได้เต็มประสิทธิภาพก็คือการกดดันให้คู่แข่งเสียบอล และอาศัยจังหวะนั้นหาโอกาสปิดสกอร์ให้ไวที่สุด เพื่อให้ตัวนักเตะที่รับผิดชอบบทบาทเกมรับได้ตั้งตัวที่จะรับมือเกมสวนกลับได้ทัน ส่วนมันจะได้ผลดีหรือไม่ยังไงก็ขึ้นอยู่กับนักเตะ และสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้ ถึง ไลป์ซิก จะเป็นทีมที่ยิงประตูได้มากที่สุดเป็นอันดับที่ 5 ของลีก แต่ตอนนี้พวกเขาคือรองจ่าฝูง และเป็นทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดที่ 25 ประตู นอกจากนี้ จูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ ยังเป็นโค้ชที่ให้ความสำคัญกับระบบเยาวชน หรือการให้โอกาสนักเตะดาวรุ่งด้วย เพราะที่ ไลป์ซิก ก็มีเด็กหลายคนที่แจ้งเกิดขึ้นมาด้วยฝีมือของเขา เมื่อดูจากทุกสิ่งที่เอ่ยมามันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ทีมอย่าง บาเยิร์น มิวนิค จะอยากได้เขา

ในอดีต บาเยิร์น เคยตามล่า นาเกิลส์มันน์

คุณรู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้ว จูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ เคยได้รับความสนใจจาก บาเยิร์น มิวนิค มาก่อน ย้อนเวลากลับไปช่วง 7-8 ปีก่อนตอนคุม ฮอฟเฟ่นไฮม์ ชุดเด็ก เขาพาทีมชุด ยู-19 คว้าแชมป์ลีกเยาวชนมาครองได้สำเร็จ ว่ากันว่าตอนนั้น เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่กำลังคุม บาเยิร์น มิวนิค ชุดใหญ่ รวมถึงบอร์ดบริหารของทีมก็อยากได้ตัวมาทำงานกับทีมชุดเด็กเหมือนกัน แต่สุดท้าย นาเกิลส์มันน์ เลือกที่จะปฏิเสธไป

การลุ้นความสำเร็จ

แน่นอนว่าตอนนี้ จูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ นอกจากจะมีข่าวกับ บาเยิร์น มิวนิค แล้วเขายังมีข่าวเชื่อมโยงกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ด้วย จริงอยู่ที่โอกาสย้ายไป อังกฤษ มันก็มี เพราะจะได้ไม่ดูทรยศสโมสรปัจจุบันอย่าง ไลป์ซิก ด้วย แต่ถ้ามองถึงเรื่องความสำเร็จการย้ายไปอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค ดูเป็นทีมที่จะตอบโจทย์ได้มากกว่า เพราะปัจจุบัน "เสือใต้" คือหนึ่งในสโมสรที่ดีที่สุดเป็นเบอร์ต้นๆ ของโลก การันตีการลุ้นความสำเร็จทุกรายการและทุกปี แน่นอนว่าการเดินทางมาถึงตรงนี้ เรื่องการคว้าแชมป์ น่าจะเป็นสิ่งที่เขาเองก็ต้องการเหมือนกัน ซึ่งตัวของ นาเกิลส์มันน์ เองก็โตมาจากการเรียนรู้และซึมซับหลักการและมาตรฐานของฟุตบอลเยอรมัน ดังนั้นการย้ายไปที่ๆ เขาไม่จำเป็นต้องปรับตัวมากนักน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

HaMu Dos Santos 

logoline