logo-heading

เป็นเกมที่แฟนบอล ปารีส แซงต์-แชร์กแมง คงช็อคตาตั้ง เมื่อทีมรักของพวกเขา แพ้คาบ้านให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-2 ด้วยการเสีย 2 ประตู ในเวลาราวๆแค่ 5-6 นาที เท่านั้น ทำให้ ณ ตอนนี้ "เรือใบสีฟ้า" กุมความได้เปรียบในการผ่านเข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

จริงๆเกมนี้ เปแอสเช ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในช่วงครึ่งแรก แต่ 45 นาทีหลัง เครื่องกลับช็อตไปดื้อๆ ขณะที่ เรือใบสีฟ้า เหมือนจะเจาะแนวรับ ปารีส ไม่เข้าแล้ว แต่ลูกตีเสมอก็เหมือนพกดวงมาด้วย แถมท้ายเกมมีความเดือดเกิดขึ้น เกมนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง ไปติดตามกันเลยครับ

- เนย์มาร์ ทักทายเกือบได้ประตู

หลังจากที่ 10 นาทีแรกผ่านไป เหมือนเป็นการลองเชิงกันว่า แต่ละทีมจะมาไม้ไหน แท็คติคเป็นอย่างไร จนกระทั่ง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เริ่มจูนเกมกันติด และ ได้บุกกดดันเข้าใส่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กระทั่งเข้าสู่นาทีที่ 12 โอกาสมาถึง เนย์มาร์ เขาทำชิ่ง วัน-ทู กับเพื่อนในกรอบเขตโทษ ต่อให้มีคู่แข่งยืนเกะกะ แต่เขาก็หาช่องว่างให้ลองส่องจนได้ แต่ลูกนี้ เอแดร์ซอน นายทวาร เรือใบสีฟ้า กระโดดปัดออกหลัง เป็นแค่ลูกเตะมุมเท่านั้น

- มาร์ควินญอส โขกให้ เปแอสเช ขึ้นนำ

การบุกกดดันใส่ของ ปารีส ทำเอา แมนฯ ซิตี้ ไปไม่เป็นเหมือนกัน หลังจากที่ยักษ์ใหญ่ ลีก เอิง ฝรั่งเศส รุกหนักอยู่พักใหญ่ ประตูแรกของเกมนี้ก็เกิดขึ้น เมื่อ เปแอสเช ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งขวา เป็น อังเคล ดิ มาเรีย เปิดบอลปั่นโค้งๆเข้าหาประตู ครอสมาตรงเสาแรกให้ มาร์ควินญอส สลัดหนีตัวประกบอย่าง อิลคาย กุนโดกัน ก่อนจะโฉบตัดหน้าทั้ง โรดรี้ กับ รูเบน ดิอาส ขึ้นโขกเต็มหัวเข้าไปซุกตาข่าย เรียกว่า เอแดร์ซอน ได้แต่มองด้วยสายตา

- โอกาสแรกของ แมนฯ ซิตี้

แมนฯ ซิตี้ จวนเจียนจะโดนลูก 2 หลายครั้ง เพราะต่อเกมของตัวเองกันไม่ติดเลย ยังดีที่จังหวะของ ปารีส เฉี่ยวไปเฉี่ยวมาเท่านั้น กว่าที่โอกาสของ แมนฯ ซิตี้ จะมาถึง ต้องรอถึงเกือบครึ่งทางของครึ่งแรก เมื่อ เจา กานเซโล่ เปิดโด่งจากทางฝั่งซ้าย ครอสเข้าไปลุ้นในกรอบเขตโทษเสาไกล โดย แบร์นาโด้ ซิลวา วิ่งตามมาตรงจุดนัดพบ ไม่ให้บอลตกลงพื้น ก่อนแหย่ขาบังคับทิศทางให้บอลเสียบเสา แต่ทว่า เคย์เลอร์ นาบาส ยืนปิดมุมอยู่แล้ว ปัดทิ้งออกหลังไปได้

- ปาเรเดส ช่วยสกัด

เกมเพรสซิ่ง ตั้งแต่แดนหน้าของ แมนฯ ซิตี้ สร้างความปั่นป่วนให้กับ เปแอสเช มากเหลือเกิน และ เกือบเป็นข้อผิดพลาดทำให้ทีมโดนตีเสมอ เมื่อ เคย์เลอร์ นาบาส พยายามถ่ายบอลออกไปทางแบ็กขวา แต่ดันไปจ่ายติด ฟิล โฟเด้น ได้หลุดเข้ามาในกรอบเขตโทษสุดเส้นหลังฝั่งซ้าย ก่อนจะเปิดย้อยๆมาเสาสองให้กับ ริยาด มาห์เรซ ได้ขึ้นโหม่งย้อนศร ซึ่งลูกนี้ นาบาส ดูจะยืนขาตายหมดสิทธิ์ไปแล้ว และ วิถีก็เข้ากรอบด้วย แต่ขณะที่บอลกำลังลอยกลางอากาศ เป็น เลอันโดร ปาเรเดส กระโดด "คาราเต้ คิก" เคลียร์ออกไปได้  นักเตะ เรือใบสีฟ้า พยายามจะฟ้องผู้ตัดสินว่า ปาเรเดส ยกเท้าสูง เพื่อหวังเอาจุดโทษ เพราะจังหวะนั้นมี แบร์นาโด้ ซิลวา ยื่นหัวเข้ามาสกิดเปลี่ยนทาง อย่างไรก็ตามผู้ตัดสินไม่ได้ว่าอะไร ปล่อยให้เกมดำเนินต่อ ไม่แจกจุดโทษให้กับ แมนฯ ซิตี้

- ปารีส ฟ้องเอาจุดโทษ

ต้องบอกว่าเกมดำเนินไปแบบโคตรสนุก "เกมส์เปิดแลกกันโคตรมันส์" แต่ว่าในจังหวะสุดท้าย แนวรับของทั้ง 2 ทีม ยังช่วยกันสกัดเอาไว้ กระทั่งมาถึงจังหวะที่ ปารีส เล่นกันในพื้นที่แคบ ก่อนจะจ่ายมาให้กับ อเลสซานโดร ฟลอเรนซี่ ได้ตะลุยเข้ามาในกรอบเขตโทษฝั่งขวา เขากระดกบอลหลบ ดิอาส แต่บอลเหมือนยาว กำลังจะโดน จอห์น สโตนส์ เตะทิ้ง แต่ ฟลอเรนซี่ ก็สไลด์ถึงบอลก่อน เนย์มาร์ จะพยายามวิ่งมาเล่นต่อ ทว่าโดน ริยาด มาห์เรซ เบียดล้มลง ผู้เล่น เปแอสเช จะฟ้องเอาจุดโทษ กระนั้นผู้ตัดสินบอกให้ลุกขึ้นมา และ เกมดำเนินต่อไป

- ฟิล โฟเด้น พลาดโอกาสทอง

เปแอสเช ยังคงแกะเพรสซิ่งของ แมนฯ ซิตี้ ไม่ออก พอโดนไล่บีบแบบไม่ให้มีจังหวะหายใจ ก็จ่ายบอลพลาดกันเอง และ ในนาทีที่ 41 เรือใบสีฟ้า น่าจะได้ประตูตีเสมอสุดๆ เมื่อ เลอันโดร ปาเรเดส จ่ายบอลสั้นไปติด ไคล์ วอล์คเกอร์ ซึ่งเบิ้ลจังหวะเดียวให้กับ แบร์นาโด้ ซิลวา หลุดเข้าถึงกรอบเขตโทษ เขาโดนรุม 3 คน แต่ไหวพริบยังดี ก่อนจะไหลให้กับ ฟิล โฟเด้น ที่วิ่งตีคู่มารอโล่งๆ ก่อนจะบรรจงแต่งบอล 1 จังหวะ ง้างเท้าซ้ายตะบันเต็มข้อ เกือบๆบริเวณจุดโทษ เรียกว่าจะเลือกมุมไหนก็ได้ แต่ดันซัดไปหวังแสกหน้า เคย์เลอร์ นาบาส ทำให้นายทวารรายนี้ ชูมือป้องกันลูกสำคัญเอาไว้ได้

- เอ็มบัปเป้ จี๊ดจัดๆ

ครึ่งหลังเริ่มขึ้นมา เป็นทาง แมนฯ ซิตี้ ครองบอลเยอะกว่า เพราะหวังจะทำประตูตีเสมอ เก็บอเวย์โกลกลับบ้านไปให้ได้ แต่ก็ยังไม่อาจฝ่าป้อมปราการแนวรับของ เปแอสเช ส่วนทาง ปารีส แน่นอนว่าพวกเขารอใช้เกมโต้กลับเล่นงาน เนื่องจากแนวรุกจี๊ดๆทั้งนั้น กระทั่ง คีเลี่ยน เอ็มบัปเป้ โชว์สปีด พร้อมทักษะอันพริ้วไหว หลอก 2 เซ็นเตอร์แบ็กอย่าง จอห์น สโตนส์ กับ รูเบน ดิอาส จนหลังเสีย ก่อนจะปาดเข้าไปหน้าประตู มาร์โก แวร์รัตติ พยายามแหย่ขาเปลี่ยนทางเข้าประตู แต่ไม่ถึง บอลผ่านขาไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น

- แมนฯ ซิตี้ ตีเสมอแบบงงๆ

เรือใบสีฟ้า พยายามแทบตาย ที่จะทำประตูตีเสมอให้ได้ ทำยังไงก็ยังไม่สัมฤทธิ์ผลเสียที แต่บางครั้งฟุตบอลก็ต้องพกดวงมาช่วยด้วย และมันก็เข้าข้าง แมนฯ ซิตี้ พอดิบพอดี โดยเป็นจังหวะต่อเนื่องจากลูกเตะมุมเล่นสั้น เควิน เดอ บรอยน์ หยอดย้อยๆเข้าไปในกรอบเขตโทษ กะจะให้กับ รูเบน ดิอาส บอลมันโด่งเลยหัว จอห์น สโตนส์ ก็วิ่งเข้ามาไม่ทัน แต่เชื่อไหมครับว่ามันกลายเป็นดีเฉยเลย เพราะลูกนี้ก็ไม่มีใครโหม่งถึง ส่งผลให้ นาบาส เสียจังหวะ บอลมันย้อยตกลงพื้น กระดอนเสียบเสา เป็นประตูตีเสมอ 1-1 แบบงงๆ ในนาที 64

- มาห์เรซ ฟรีคิกปลิดวิญญาณ

พอ แมนฯ ซิตี้ ตีเสมอ 1-1 กลายเป็นบอลได้ใจ สวนทางกับ ปารีส ที่ครึ่งหลังเครื่องช็อตกันไปดื้อๆ จากนั้นในเวลาอีกเพียงแค่ 5-6 นาที เรือใบสีฟ้า มาได้ฟรีคิกระยะอันตราย โดยมีการใช้สูตร ตั้งกำแพงอยู่ด้านหน้ากำแพงของ เปแอสเช อีกที ซึ่งอาจจะเป็นแผนทำให้ ปารีส เสียสมาธิหรือยังไงก็ไม่ทราบ แต่มันกลับได้ผล เมื่อ ริยาด มาห์เรซ ปั่นลอดรูกำแพง เข้าไปอย่างเฉียบขาด เป็นประตูขึ้นนำ 2-1 แบบสะใจสาวก เดอะ ซิตี้ เซน

- ปารีส เหลือ 10 คน

สถานการณ์ของ เปแอสเช เลวร้ายมากขึ้นไปอีก อาจจะด้วยอารมณ์หรืออะไรก็ตามแต่ ทำให้ อิดริสซ่า กาน่า เกย์ เข้าสกัดรุนแรงใส่ อิลคาย กุนโดกัน ด้วยการเปิดปุ่มสตั๊ดเหยียบไปตรงน่องแบบน่าเกลียด ผู้ตัดสินเห็นเหตุการณ์ อีกทั้งยังมีการส่งสัญญาณจาก VAR จึงไม่ลังเลที่จะแจกใบแดงไล่ กาน่า เกย์ ออกจากสนามทันที นอกจากสกอร์จะตามหลังแล้ว ยังเหลือผู้เล่นแค่ 10 คน ทำให้ช่วงท้าย 10 นาทีสุดท้ายของเกม แมนฯ ซิตี้ ครองบอลเก็บผลการแข่งขัน ครบ 90 นาที บุกมาเอาชนะ 2-1 กุมความได้เปรียบไปเล่นที่บ้าน กับการลุ้นเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สมัยแรก

ฮาย ฮาวดี้

logoline