logo-heading

จำไม่ได้แล้วว่านั่งดู ลิเวอร์พูล ลงเล่นแบบสบายใจ เกิดขึ้นเมื่อไหร่กัน ? เพราะต่อให้ล่าสุดจะเปิดบ้านเอาชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 2-0 แต่ก็มีช็อตหวาดเสียวที่จะโดนตีเสมอ จนเผลออุทานคำหยาบไปหลายหน และ กว่าประตูที่ 2 จะมา ก็ต้องรอถึงนาทีที่ 90 จากการเปิดซิงลูกแรกกับทีมของ ติอาโก้ อัลคันตาร่า ทั้งที่มีโอกาสยิงมากมาย

หากดูสกอร์เหมือนทุกอย่างจะแฮปปี้ แต่ในรายละเอียดของเกม ลิเวอร์พูล ยังมีจุดบกพร่องอีกเยอะ โดยเฉพาะเกมรุกที่ไม่เฉียบคม และ เกมรับที่ยังหละหลวม ฉะนั้นไปดูกันว่าเกมระหว่าง หงส์แดง กับ เซาธ์แฮมป์ตัน มีประเด็นอะไรเกิดขึ้นกันบ้าง ไปติดตามกันเลยครับ

- โอกาสแรกจาก เทรนท์ สู่ มาเน่

ผ่านมา 10 นาที โอกาสแบบจะแจ้งครั้งแรกของ ลิเวอร์พูล ก็มาถึง เมื่อ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ วางบอลยาวจากกลางสนาม มาให้กับ ซาดิโอ มาเน่ ตรงกรอบเขตโทษ ก่อนที่พ่อณเดชน์ จะพักบอลด้วยอกแต่งหนีตัวประกบ และ ได้ซัดเต็มตีนเตี่ย หวังแบบตาข่ายขาด แต่ว่าบอลมันช้อนใต้ลูก เหินออกข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย

- ลิเวอร์พูล โอกาสเพียบ แต่ยังเฉี่ยวไปเฉี่ยวมา

ต้องบอกว่า ลิเวอร์พูล โหมกระหน่ำบุกใส่ เซาธ์แฮมป์ตัน แบบไม่ให้พักหายใจ เพื่อหวังทำประตูขึ้นนำคลายความกดดัน หลังจากที่ช็อตที่ มาเน่ พลาดไปแล้วนั้น ก็ยังมีจังหวะที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้ซัดมุมแคบ แต่ก็ยิงไปติดตัว เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ ต่อมาเป็นลูกเตะมุมเล่นสั้น เทรนท์ อาร์โนลด์ ไหลให้กับ มาเน่ ก่อนที่ มาเน่ จะคืนกลับไปให้อีกที โดย อาร์โนลด์ บรรจงเปิดบอลด้วยเท้าขวาไปเข้าหัว นาธาเนี่ยล ฟิลลิปส์ ขึ้นโขกเน้นๆเหนือผู้เล่น เซาธ์แฮมป์ตัน แต่ว่าบอลก็แค่เฉี่ยวเสาออกหลังไป ให้หลังโอกาสของน้องแนท ไปเพียงแค่ 5 นาที ลิเวอร์พูล น่าจะได้ประตูขึ้นนำแบบสุดๆ จากจังหวะที่ มาเน่ ตอกส้นกลับคืนมาให้ ดิโอโก้ โชต้า โชว์สเต็ปพริ้วไหวดั่งสายน้ำ และ วิชาบั้นเอวสะท้านฟ้า โยกหลอกฝ่าแนวรับ เซาธ์แฮมป์ตัน ถึง 3 คน หลุดเข้าไปซัดในกรอบเขตโทษ แต่ว่าจังหวะสุดท้ายยังเป็น เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ นายทวาร นักบุญแดนใต้ ยืนคุมเส้นได้ดี ปิดทิ้งออกไปได้ ไม่รู้ว่าช่วงหลังๆ ลิเวอร์พูล ได้ไปทำบุญสะเดาะเคราะห์มาบ้างหรือเปล่า เพราะดูโชคไม่ค่อยเข้าข้างพวกเขาสักเท่าไหร่ ซึ่งโอกาสอีกครั้งจากลูกเตะมุมของ เทรนท์ อาร์โนลด์ ที่ครอสเข้าไปในกรอบเขตโทษ และเป็น จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ได้ขึ้นโขกเต็มกบาล .. เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ พุ่งไปไม่ทันแล้ว แต่เป็นคานต่างหาก ที่ปฏิเสธลูกโหม่งของ "จีนี่" เอาไว้

- เซาธ์แฮมป์ตัน เกือบขึ้นนำหน้าตาเฉย

บุกใส่เค้าอยู่นาน 2 นาน แต่จุดอ่อนของ ลิเวอร์พูล ที่เห็นกันได้อย่างชินตา คือเกมรับอันหละหลวม และ มักเสียประตูจากลูกโต้กลับอยู่บ่อยๆ ซึ่งในช่วงที่พวกเขาบุกใส่คู่แข่งเพลินๆ ก็เกือบจะโดน เซาธ์แฮมป์ตัน ทำเซอร์ไพรส์ ยิงออกนำแบบหน้าตาเฉย จากจังหวะเคาน์เตอร์-แอทแทค โดยเป็นช็อตที่ ธีโอ วัลค็อตต์ แทงทะลุช่องให้กับ นาธาน เตลล่า วิ่งสปีดขนานเส้นข้าง ก่อนจะปาดบอลงามๆแบบถวายพานไปให้กับ เช อดัมส์ ตรงกลางกรอบเขตโทษ แบบไม่มีตัวประกบ แต่จังหวะที่ได้ง้างเท้าสัมผัสบอล มี อลิสซอน ออกมาถึงตัวแบบพอดีเด๊ะ ทำให้ป้องกันลูกยิงเอาไว้ จากนั้น นาธาน เร้ดม่อนส์ พยายามจะซัดไกลซ้ำสอง แต่ อลิสซอน ก็รับไว้ติดมืออีกครั้ง เรียกว่าช่วยชีวิต หงส์แดง 2 จังหวะซ้อน

- ซาลาห์ แอสซิสต์ มาเน่ โหม่งประตู 

ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น ปรัชญานี้ใช้กับ ลิเวอร์พูล ได้เสียที เมื่อนักเตะ เซาธ์แฮมป์ตัน โหม่งเคลียร์บอลไม่ขาด ไปเข้าทาง ฟาบินโญ่ เก็บบอลบริเวณหัวกะโหลก ก่อนจะถ่ายออกไปด้านขวาให้กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เปิดย้อยๆมาเสาไกลๆให้กับ ซาดิโอ มาเน่ ได้ขึ้นโหม่งเอาชนะ ไคล์ วอล์คเกอร์-ปีเตอร์ส ขวิดเข้าประตูไปซุกตาข่าย เป็นสกอร์ขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 31 ไม่มีดราม่า VAR ใดๆมารบกวนหัวใจ

- ซาลาห์ เงื้อง่าราคาแพง

ลิเวอร์พูล มีโอกาสยิงขึ้นนำ 2-0 ในเวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีต่อมา เมื่อ โม ซาลาห์ ได้หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งขวา พยายามจะยิงแบบเอาชัวร์ ด้วยการหวังแตะบอลหลบ ฟอร์สเตอร์ แต่ว่าดูจะเงื้อง่าราคาแพงมากไป แต่งหลายจังหวะมากเกิน กว่าจะหาช่องยิงได้ จนนักเตะ เซาธ์แฮมป์ตัน ถอยลงมายืนขวางกันเต็มหน้าประตูไปหมด สุดท้ายยิงไปติดบล็อค กลายเป็นไม่ได้ลุ้นอะไร

- เซาธ์แฮมป์ตัน พลาดโอกาสตีเสมออีกแล้ว

ก่อนจบครึ่งแรก เซาธ์แฮมป์ตัน น่าจะได้ประตูตีเสมอแบบสุดๆ โดย นาธาน เร้ดม่อนด์ ได้บรรจงเปิดเข้ามาในกรอบเขตโทษให้กับ นาธาน เตลล่า ขึ้นโขกเน้นๆ ชนิดไม่มีตัวตามประกบแล้ว แต่น่าเสียดายที่จังหวะนี้เทคโหม่งตรงตัว อลิสซอน ทำให้จบ 45 นาทีแรก เป็น ลิเวอร์พูล ขึ้นนำอยู่ ด้วยสกอร์ 1-0

- เริ่มครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล ได้ซัดเลย

อีกหนึ่งปัญหาของ ลิเวอร์พูล ในซีซั่นนี้ คือการ "จบสกอร์" ต่อให้พวกแนวรุก จะหาช่องว่าง หาโอกาสเข้าทำได้ดีเพียงใด แต่จังหวะสุดท้ายก็ยังไม่เฉียบคมอยู่ดี โดยครึ่งหลัง เริ่มมาไม่ถึง 5 นาที หงส์แดง ขึงเกมบุกเข้าใส่ โดยมีช็อตที่ โชต้า ทำชิ่งวัน-ทู กับ มาเน่ ก่อนจะเป็น โชต้า ได้หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย กะยิงยัดเสาแรกให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ยังเป็น ฟอร์สเตอร์ ที่ยืนปิดเสา ปัดทิ้งออกไปได้

- เซาธ์แฮมป์ตัน เปลี่ยนตัวแก้เกมเกือบได้ผล

พอเริ่มครึ่งหลังมา เกมรุกของ นักบุญแดนใต้ ตื้อไปเลย เจาะแนวรับ หงส์แดง แทบไม่ได้ ทำให้ต้องมีการเปลี่ยนตัวส่ง อิบราฮิม่า ดิยัลโล่ และ ไมเคิ่ล โอบาเฟมี่ ลงมาแทน นาธาน เตลล่า กับ ธีโอ วัลค็อตต์ ซึ่งต้องบอกเลยว่าการแก้เกมของ ราล์ฟ ฮาเซนฮุทเทิ่ล กุนซือ เซาธ์แฮมป์ตัน มันได้ผล เพราะเพียงแค่สัมผัสแรกของ ไมเคิ่ล โอบาเฟมี่ เกือบจะทำให้ทีมได้ประตูตีเสมอ เมื่อ เช อดัมส์ แทงทะลุช่องบริเวณแถวกรอบเขตโทษ ไปให้กับ โอบาเฟมี่ ที่วิ่งสอดตัวมาหวังจิ้มให้ซุกตาข่าย แต่ก็ยังเป็น อลิสซอน ที่อ่านเกมขาด วิ่งมาป้องกันลูกยิงช็อตนี้เอาไว้อีกครั้ง ทว่า เซาธ์แฮมป์ตัน ยังได้ใจ บุกกดดันใส่ ลิเวอร์พูล อย่างต่อเนื่อง และ พวกโอกาสก็มีโอกาสแจ่มแจ้งอีกครั้ง เมื่อ เช อดัมส์ ถ่างตัวเองมาอยู่ทางปีกขวา ได้เปิดบอลย้อยมาเสาสองให้กับ ไมเคิ่ล โอบาเฟมี่ ก่อนจะโขกชงตั้งมาให้กับ อิบราฮิม่า ดิยัลโล่ ง้างเท้าวอลเล่ย์ตั้งท่ามาตั้งแต่เชียงใหม่ หวังแสกหน้า อลิสซอน ให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ยังเป็นพ่อหมี ที่กระโดดปัดบอลทิ้งออกหลังไปได้

- อลิสซอน เกือบตกม้าตาย !

โชว์ซูเปอร์เซฟ มาตลอดเกม เกือบจะมาตกม้าตายเสียแล้ว สำหรับ อลิสซอน เบ็คเกอร์ เพราะในจังหวะที่ ติอาโก้ คืนหลังกลับมาให้ เพื่อตั้งบอลกันใหม่ .. แต่ทว่านายทวารทีมชาติบราซิล ซึ่งจะเตะออกไปด้านซ้ายให้กับ รีซ วิลเลี่ยมส์ ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ดันเปิดไม่ดี ไปติด เช อดัมส์ ที่วิ่งมาดักทาง ตรงกรอบเขตโทษ บอกเลยว่าจังหวะนั้น หมิ่นเหม่กับการเสียประตูแบบสุดๆ โชคดีที่จังหวะยิงของ เช อดัมส์ ดันเบาเกินไป และ ไม่หนีมือ ทำให้ อลิสซอน แก้ตัว ด้วยการล้มตัวเซฟเอาไว้ได้ จริงๆแล้วถ้า อดัมส์ พิถีพิถันมากกว่านี้ ไม่แน่ว่าอาจจะทำช็อค ลิเวอร์พูล ได้เลย เพราะเข้าสู่ช่วงเวลา 15 นาทีสุดท้ายของเกมแล้ว

- บทเรียนไม่ซ้ำรอย ลิเวอร์พูล ยิงฝังท้ายเกม

เชื่อว่าเกมที่ ลิเวอร์พูล โดน นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ตีเสมอช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ยังคงหลอกหลอนพวกเขาไม่หาย ซึ่งเกมกับ เซาธ์แฮมป์ตัน ก็มีโอกาสที่จะเกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เพราะครึ่งหลังก็ยังเจาะไม่เข้า อีกทั้ง นักบุญแดนใต้ ก็เริ่มมีจังหวะทำประตูอยู่เรื่อยๆ จนกระทั่งช่วงกำลังเข้าสู่ทดเวลาบาดเจ็บ คราวนี้ หงส์แดง ไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์ช็อคโลกอีกแล้ว เมื่อมีจังหวะที่ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ กับ ซาดิโอ มาเน่ วิ่งเข้าไปเพรสซิ่งบีบใส่ ไคล์ วอล์คเกอร์-ปีเตอร์ส จนเสียบอล เป็น พี่ย่างไก่ ตัดบอลมาได้ และ จ่ายมาให้กับ ติอาโก้ แต่งบอลหาช่อง ตรงกลางก่อนถึงกรอบเขตโทษ ก่อนจะลองซัดด้วยขวา บอลพุ่งเสียบมุมเข้าประตูไป เป็นสกอร์ 2-0 ปิดจ็อบให้ ลิเวอร์พูล เก็บ 3 คะแนนได้สำเร็จ ต่อยอดความหวังในการลุ้นติดอันดับท็อปโฟร์ต่อไป ! 

ฮาย ฮาวดี้-

logoline