ฤดูกาล 2020-21 ของสังเวียน บุนเดสลีกา เยอรมัน ได้บทสรุปเป็นเรียบร้อยในเรื่องของตำแหน่งแชมป์ และมันก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เพราะ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค หน้าเก่าเจ้าเดิมยังคงเป็นผู้ได้ชูถ้วยแชมป์อีก 1 สมัย
วันนี้สิ่งที่ "ขอบสนาม" อยากนำเสนอก็คือการรวบเรื่อง "10 เรื่องราวสำคัญที่เกิดขึ้นกับ บาเยิร์น มิวนิค ในฤดูกาล 2020-21" จะมีอะไรบ้างนั้นไปชมกันเลย
นำหัววันยันท้ายฤดูกาล
บาเยิร์น มิวนิค ได้รับการยกย่องและพิสูจน์แล้วว่าพวกเขาคือเบอร์ 1 ของเยอรมัน และในเส้นทางการลุ้นแชมป์ บุนเดสลีกา เยอรมัน ซีซั่น 2020-21 พวกเขาก็แทบจะครองจ่าฝูงแทบทุกสัปดาห์เหมือนทุกๆ ปี เริ่มนับตั้งแต่ แมตช์เดย์ที่ 6 จะมีแค่สัปดาห์ที่ 11 และ 12 ที่อาจจะหลุดไป แต่หลังจากนั้นก็แทบจะยิงยาวรัวๆ จนเป็นแชมป์ บุนเดสลีกา สมัยที่ 31 และเป็นการคว้าแชมป์ลีกติดต่อกัน 9 ซีซั่น ด้วยฟอร์มการเล่นที่เหนือชั้น ด้วยขุมกำลังที่เหนือกว่า บวกกับมันสมองจากยอดเทรนเนอร์อย่าง ฮานซี่ ฟลิค
การเสริมทัพ
ถ้าพูดถึงเรื่องของการเสริมทัพรวมทุกช่วงของตลาดซื้อขายสำหรับ บาเยิร์น มิวนิค ก็ถือว่าเซ็นสัญญาคว้านักเตะมาร่วมทีมประมาณหนึ่งเลย แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่ ภาพรวมคือสอบไม่ผ่าน ถ้าพูดถึงเรื่องการใช้งาน จะมีแค่ เลรอย ซาเน่ แค่คนเดียวเท่านั้นที่ได้โอกาสลงเล่นอย่างต่อเนื่อง ลงเล่นไป 42 นัด ยิงได้ 9 ประตู และทำไปอีก 11 แอสซิสต์ ส่วนนอกนั้นพวก บูน่า ซาร์, ดักลาส คอสต้า, มาร์ค โรก้า, อเล็กซานเดอร์ นูเบล, ต็องกีย์ นิอองซู และ เอริค มักซิม ชูโป-โมติง ต้องเจอกับปัญหาในการแย่งตำแหน่งและโอกาสการลงเล่น
เกมเพรสซิ่ง
สำหรับ ฮานซี่ ฟลิค เรื่องแทคติกและแผนการเล่นหลักๆ จะเน้นเรื่องการดันขึ้นสูง ไม่ว่าจะเป็นกองหลังหรือกองกลางก็จะเดินลุยขึ้นหน้ากันแบบพร้อมหน้าพร้อมตา เพื่อบีบพื้นที่ศัตรูให้สร้างจังหวะการเล่นและเดินเกมได้น้อยและลำบากที่สุด ถึงแม้แท็คติกดังกล่าวจะไม่ได้พิสูจน์ในเรื่องความสำเร็จและประสิทธิภาพในเรื่องของเกมรับ เพราะปีนี้พวกเขาเสียไปทั้งหมด 40 ประตู ไม่ใช่ทีมที่สถิติที่ดีที่สุดใน บุนเดสลีกา แต่ถ้าเป็นเรื่องการโยนความกดดัน และอาศัยจังหวะนั้นทำลายเกมศัตรู พร้อมรุกแบบเต็มตัว ขอบอกเลยว่า บาเยิร์น ถือว่าประสบความสำเร็จสุดๆ เพราะนักเตะแต่ละคนต่างก็มีความเข้าใจในระบบและมีทักษะเฉพาะตัวที่ดีเลิศ
วิวัฒนาการของ มูเซียล่า
ถึงแม้จะอายุแค่ 18 ปีและประสบการณ์บนเวทีใหญ่ๆ ยังน้อย แต่ไอ้หนู จามาล มูเซียล่า ก็ฉายแววให้เห็นถึงการเป็นอนาคตที่ดีของก๊วน "เสือใต้" ในภายภาคหน้า จากวิวัฒนาการในหลายๆ ด้าน มีความสด แถมยังเล่นได้มั่นใจสุดๆ โดยที่ไม่มีความเกรงกลัวใดๆ ทั้งสิ้น เขาได้รับบทบาทสำคัญทุกครั้งที่ลงสนามเพราะเป็นผู้เล่นในตำแหน่งเบอร์ 10 หรือ มิดฟิลด์ตัวรุก โดยได้ลงเล่นไป 25 นัด ยิงได้ 6 ประตู และทำไปอีก 1 แอสซิสต์ พร้อมกับสร้างสถิติเป็นผู้เล่นชาวอังกฤษที่อายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูได้ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบน็อคเอาท์ อีกด้วยที่ตัวเลขแค่เพียง 17 ปีกับอีก 363 วัน เรียกว่าตอนนี้ บาเยิร์น ได้สร้างอนาคตให้กับตัวเองแล้ว
ตัวแทนร็อบเบรี่
บาเยิร์น มิวนิค เป็นทีมที่มีจุดเด่นและค่อนข้างหวังผลได้จากการขึ้นเกมทางริมเส้น และในยุคนี้ที่พวกเขาสามารถกอบโกยแชมป์มาได้มากมาย มีศักยภาพเกมรุกในระดับสูง ส่วนหนึ่งก็ต้องให้เครดิตหรือความดีความชอบกับ 2 ปีกระดับตำนานอย่าง ฟร้องค์ ริเบรี่ และ อาร์เยน ร็อบเบน ด้วย แน่นอนว่าชีวิตหลังจากหมดยุค "ร็อบเบรี่" มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยในการหาตัวตายตัวแทนของพวกเขา จนกระทั่งในยุคนี้ ที่ แซร์จ นาบรี้, เลรอย ซาเน่, คิงสลี่ย์ โกมัน ก็ถือว่าจัดจ้านและทำผลงานได้ดี ถึงแม้จะแทนที่ 2 คนนั้นไม่ได้แบบ 100 เปอร์เซนต์ แต่มันก็ยอดเยี่ยม ได้ใจเหลือเกิน
ยอดมิดฟิลด์คู่กลาง
เมื่อ บาเยิร์น มิวนิค ยังได้รับการยกย่องว่าเป็นทีมที่ดีที่สุดของเยอรมันในปีนี้ แน่นอนว่าบทพิสูจน์นั้นมาจากความแข็งแกร่งของผู้เล่นในแต่ละตำแหน่ง โดยเฉพาะมิดฟิลด์คู่กลางที่ได้ โจชัว คิมมิช กับ เลออน โกเร็ตซ์ก้า ผนึกกำลังกัน การประสานงานของทั้งคู่ถือเป็นแกนหลักสำคัญที่ทำให้นักเตะคนอื่นเล่นกันเป็นระบบและทำอะไรได้สะดวกสบายมากขึ้น เพราะทั้งคู่ต่างก็เป็นนักเตะที่แสดงให้เห็นถึงความครบเครื่องทั้งไหวพริบ, ทีมเวิร์ค, พละกำลัง, ความสดความขยัน และการช่วยสร้างมิติใหม่ๆ ให้กับทีม
แม้ว่า คิมมิช จะมีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่พักนึงทำให้ต้องพักยาว แต่ว่าผลงานของคนอื่นที่ขึ้นมาช่วยก็ถือว่าน่าประทับใจ และทำให้ บาเยิร์น ครองเกมแดนกลางเหนือกว่าแทบทุกเกมในลีก
6 แชมป์
หลังจากเถลิงบัลลังก์ ทริปเปิ้ล แชมป์ อย่างยิ่งใหญ่เมื่อฤดูกาลที่แล้วทาง บาเยิร์น มิวนิค ก็ยังคงเร่งเครื่องและกวาดมาอีก 3 แชมป์ตั้งแต่ช่วงซีซั่นเปิดฉากขึ้นใหม่ๆ ไล่ตั้งแต่การเชือด เซบีย่า คว้าแชมป์ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ, อัดคู่อริอย่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ พร้อมคว้าแชมป์ เดเอฟเบ ซูเปอร์ คัพ ตลอดจนการทุบ ติเกรส คว้าแชมป์สโมสรโลก นับเป็นสโมสรที่ 2 ที่ทำได้ต่อจาก บาร์เซโลน่า ยุคปี 2009 ภายใต้บัลลังก์ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า การคว้า 6 แชมป์ มันเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของความไร้เทียมทานให้กับ บาเยิร์น มิวนิค และเพิ่มบารมีให้กับพวกเขาอีกด้วย
เปลี่ยนถ่ายเลือดใหม่
หลังจบฤดูกาล 2020-21 จะมีการเปลี่ยนแปลงประมาณหนึ่งเกิดขึ้นในรั้วของ บาเยิร์น มิวนิค เพราะพวกแข้งตัวเก๋าๆ อย่าง ดาวิด อลาบา, เจอโรม บัวเต็ง และ ฆาบี มาร์ติเนซ จะกดเช็คเอาท์และเก็บข้าวของย้ายออกจากทีม เช่นเดียวกับ ฮานซี่ ฟลิค กุนซือที่นำพาความสำเร็จมากมายให้กับทีม ท่ามกลางกระแสที่ว่าเจ้าตัวนั้นมีปัญหากับทาง ฮาซาน ซาลิฮามิดซิช ผู้อำนวยการกีฬาของสโมสรในเรื่องแผนการและแนวทางการทำทีมที่สวนทางกันแทบทุกเรื่อง และคนใหม่ที่จะเข้ามาแทนที่ก็เป็นกุนซือมือดีและไฟแรงสุดๆ จากทีมคู่แข่งอย่าง อาร์บี ไลป์ซิก นั่นก็คือ จูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ ซึ่งก็ต้องมาดูกันว่า ในมือของ นาเกลส์มันน์ ในปีหน้า “เสือใต้” ยังคงแข็งแกร่งต่อยอดคว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 10 ได้หรือไม่
วิวัฒนาการของ มุลเลอร์
โธมัส มุลเลอร์ ที่เราเคยรู้จักเมื่อสมัยก่อนจะเป็นผู้เล่นที่ไม่ได้มีจุดเด่นอะไรเป็นพิเศษ นอกจากอยู่ถูกที่ถูกเวลาราวกับเป็นตัวแม่เหล็กดูดบอลชั้นยอด ไม่ว่าเขาจะอยู่ตรงไหนลูกบอลมักลอยมาเข้าทางพี่แกเสมอ แต่ตอนนี้ถึงแม้ โธมัส มุลเลอร์ จะอายุอานามปาเข้าไป 31 ปีแล้ว และถึงกาลเวลาเปลี่ยนไปอะไรๆ ก็จะเปลี่ยนไปด้วย จากผู้เล่นที่เป็นตัวจบสกอร์ได้กลายเป็นตัวจ่ายและตัวสร้างสรรค์เกมแบบสมบูรณ์แบบ หลังจากกดไป 21 แอสซิสต์ เมื่อปีก่อน ถัดมาปีนี้ โธมัส มุลเลอร์ ก็ยังรักษาสถิติได้ดีอย่างต่อเนื่อกับการกดไป 17 แอสซิสต์ และซัลโวไปอีก 11 ประตู นับเป็นสถิติที่ยอดเยี่ยมที่ไม่ใช่ว่าใครก็ทำได้
โรเบิร์ต เลวานดอฟกี้
อีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ บาเยิร์น มิวนิค ประสบความสำเร็จตลอดช่วงที่ผ่านมาก็คือการมีหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดในโลกอย่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เป็นตัวความหวัง พี่แกพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเรื่องอายุมันเป็นเพียงแค่ตัวเลขจริงๆ ถึงวัยจะปาเข้าไป 32 ปี แต่ฟอร์มการระเบิดสกอร์ยังโหดเหี้ยมเหมือนเคยกับการซัดไป 46 ประตูจากการลงเล่น 38 เกม และที่สำคัญคือตอนนี้ถ้านับแค่บนสังเวียน บุนเดสลีกา โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ก็กดไปเพียวๆ 39 ประตูแล้ว ขออีกแค่เพียง 2 ประตูจาก 2 นัดที่เหลือ พี่แกจะสร้างสถิติกลายเป็นผู้เล่นที่ทำประตูได้มากที่สุดของ บุนเดสลีกา ต่อ 1 ซีซั่นทันที พร้อมทำลายสถิติเดิมของโคตรตำนานอย่าง แกร์ด มุลเลอร์ ที่ทำไว้ 40 ประตูเมื่อซีซั่น 1971-72